บรรยากาศการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 พ.ย.) ดัชนีดีดตัวขึ้นค่อนข้างรุนแรง โดยปิดตลาดที่ระดับ 449.19 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด หรือคิดเป็น 7.84% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17,012.80 ล้านบาท...ซึ่งการซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 449.19 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 431.98 จุด...แน่นอนว่า การที่ดัชนีทะยานตัวในแดนบวก สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวแดนบวกกันถ้วนหน้า หลังจากขานรับธนาคารกลางทั่วโลกประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ...ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศซื้อต่อเนื่องที่ 941.26 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์วันนี้ (4 พ.ย.) จะเป็นอย่างไรนั้น...วีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ บอกว่า ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมา โดยเฉพาะบริเวณ 450 จุดที่เป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา เพราะวานนี้ดัชนีฯ เปิดกระโดดและปรับขึ้นแรงแบบม้วนเดียวจบ ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในระยะกลางยังมีความไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะเรื่องการถดถอยของภาคการผลิตที่แท้จริงหรือ Real Sector ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ล่าสุดจากข้อมูลของ ธปท. รายงานว่าระดับการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.ย.เป็นระดับต่ำกว่า 70% ครั้งแรกในรอบ 2 ปี
นอกจากนี้ ในวันศุกร์ทางสหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขการว่างงานที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าอัตราการว่างงานเดือน ต.ค. จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.3% เทียบกับเดือน ก.ย. ที่ 6.1% ซึ่งอาจสร้างบรรยากาศเชิงลบมากดดันการลงทุนอีก
และจากดัชนีหุ้นที่ปรับขึ้นนี้ ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 34.94/96 บาท/ดอลลาร์...โดยปัจจัยที่นักลงทุนติดตามในช่วงนี้ นอกจากจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมาแล้ว ยังเป็นเรื่องการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB)และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน
ด้านตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุด ศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข่าวดีว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนตุลาคมมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวจากเดือนกันยายนที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัวถึง 6%...โดยปัจจัยหลัก มาจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาลดลง...สำหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 6.3%...และจากราคาน้ำมันที่มีการปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อตลอดทั้งปีในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ระหว่าง 5.9 - 6.3% จากเดิมที่มีการประมาณการว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวอยู่ที่ 6.5 - 6.9%
แว่วๆ ว่า เร็วๆ นี้ สำนักงานประกันสังคม เตรียมส่งเงินอีกประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24,500 ล้านบาท ออกไปลุยต่างประเทศอีกรอบ หลังจากส่งไปแล้วก่อนหน้านี้ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ...งานนี้ ดูท่า สปส. จะไม่กลัวไฟลามทุ่งอย่างวิกฤตสถาบันการเงินที่ไหม้ไปทั่วโลกในขณะนี้ แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีความพยายามจากรัฐบาลของหลายประเทศเพื่ออัดฉีดเงินเข้าไป จนทำให้นักลงทุนคลายความกังวลไประดับหนึ่ง...แต่อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีก ไม่มีใครรู้...ทางที่ดี น่าจะรอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ก่อนน่าจะดี...ต้นกล้า
ส่วนสถานการณ์วันนี้ (4 พ.ย.) จะเป็นอย่างไรนั้น...วีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ บอกว่า ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมา โดยเฉพาะบริเวณ 450 จุดที่เป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา เพราะวานนี้ดัชนีฯ เปิดกระโดดและปรับขึ้นแรงแบบม้วนเดียวจบ ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในระยะกลางยังมีความไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะเรื่องการถดถอยของภาคการผลิตที่แท้จริงหรือ Real Sector ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ล่าสุดจากข้อมูลของ ธปท. รายงานว่าระดับการใช้กำลังการผลิตเดือน ก.ย.เป็นระดับต่ำกว่า 70% ครั้งแรกในรอบ 2 ปี
นอกจากนี้ ในวันศุกร์ทางสหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขการว่างงานที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าอัตราการว่างงานเดือน ต.ค. จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.3% เทียบกับเดือน ก.ย. ที่ 6.1% ซึ่งอาจสร้างบรรยากาศเชิงลบมากดดันการลงทุนอีก
และจากดัชนีหุ้นที่ปรับขึ้นนี้ ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 34.94/96 บาท/ดอลลาร์...โดยปัจจัยที่นักลงทุนติดตามในช่วงนี้ นอกจากจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมาแล้ว ยังเป็นเรื่องการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB)และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน
ด้านตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุด ศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข่าวดีว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนตุลาคมมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวจากเดือนกันยายนที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัวถึง 6%...โดยปัจจัยหลัก มาจากราคาน้ำมันที่ปรับราคาลดลง...สำหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 6.3%...และจากราคาน้ำมันที่มีการปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อตลอดทั้งปีในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ระหว่าง 5.9 - 6.3% จากเดิมที่มีการประมาณการว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวอยู่ที่ 6.5 - 6.9%
แว่วๆ ว่า เร็วๆ นี้ สำนักงานประกันสังคม เตรียมส่งเงินอีกประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24,500 ล้านบาท ออกไปลุยต่างประเทศอีกรอบ หลังจากส่งไปแล้วก่อนหน้านี้ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ...งานนี้ ดูท่า สปส. จะไม่กลัวไฟลามทุ่งอย่างวิกฤตสถาบันการเงินที่ไหม้ไปทั่วโลกในขณะนี้ แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีความพยายามจากรัฐบาลของหลายประเทศเพื่ออัดฉีดเงินเข้าไป จนทำให้นักลงทุนคลายความกังวลไประดับหนึ่ง...แต่อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีก ไม่มีใครรู้...ทางที่ดี น่าจะรอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ก่อนน่าจะดี...ต้นกล้า