หลังจากที่ ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก ต่างปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศ บ่งชี้ว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจเริ่มชะลอความรุนแรงลง ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มมีเสถียรภาพและใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป และผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ที่มองว่าเศรษฐกิจของยุโรป และอังกฤษ เริ่มมีเสถียรภาพ แต่ปีนี้ยังคงเป็นปีที่แย่อยู่ ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน ระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ผู้บริหารเฟด ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริหารบางคนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่ผู้บริหารบางคนมองว่า ต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ในส่วนของเอเชีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นในเอเชียน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อภาวะ เศรษฐกิจในหลายๆประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจยังคงมีอยู่สูง สามารถสังเกตได้จากความอ่อนไหวของตลาดที่มีต่อข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัท เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) อยู่ในระดับสูงไปด้วย ท่ามกลางภาวะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ท่านนักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี
หลังจากที่ ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก ต่างปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศ บ่งชี้ว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจเริ่มชะลอความรุนแรงลง ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มมีเสถียรภาพและใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป และผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ที่มองว่าเศรษฐกิจของยุโรป และอังกฤษ เริ่มมีเสถียรภาพ แต่ปีนี้ยังคงเป็นปีที่แย่อยู่ ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน ระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ผู้บริหารเฟด ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริหารบางคนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่ผู้บริหารบางคนมองว่า ต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ในส่วนของเอเชีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นในเอเชียน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อภาวะ เศรษฐกิจในหลายๆประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจยังคงมีอยู่สูง สามารถสังเกตได้จากความอ่อนไหวของตลาดที่มีต่อข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัท เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) อยู่ในระดับสูงไปด้วย ท่ามกลางภาวะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ท่านนักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี
การกระจายความเสี่ยง จะช่วยลดโอกาสที่ท่านนักลงทุนจะขาดทุนเป็นจำนวนมาก สมมุติว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ท่านนักลงทุนทำการลงทุนในหุ้น ตราสารตลาดเงิน ทองคำ และน้ำมัน ท่านนักลงทุนอาจจะขาดทุนจากหุ้น และน้ำมัน ในขณะที่อาจจะได้กำไรจากตราสารตลาดเงิน และทองคำ ซึ่งอาจส่งผลให้พอร์ตการลงทุนของท่านขาดทุนเล็กน้อย หรืออาจมีกำไรบ้าง ขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนของท่าน
บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้กำไรเพียงอย่างเดียว ผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุนจะได้ไม่ถูกถ่วงลงโดยสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวลดลง คำตอบก็คือ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คำแนะนำของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญก็เป็นเพียงแนวโน้มที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะสถานการณ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนที่ดี ควรมีการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุน โดยการกระจายการลงทุนเบื้องต้น ได้แก่ ลงทุนในหุ้น และลงทุนในตราสารหนี้ จากนั้นท่านนักลงทุนอาจแบ่งย่อยการกระจายการลงทุนเป็น ลงทุนในหุ้นปันผล ลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูง ลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน ลงทุนในทองคำ เป็นต้น
โดย สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวท่านเอง หรือหากท่านนักลงทุนไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไร ท่านนักลงทุนอาจสอบถามได้จากที่ปรึกษาการลงทุนของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือที่ปรึกษาการลงทุนอิสระก็ได้ครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สำหรับทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ผู้บริหารเฟด ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริหารบางคนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่ผู้บริหารบางคนมองว่า ต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ในส่วนของเอเชีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นในเอเชียน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อภาวะ เศรษฐกิจในหลายๆประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจยังคงมีอยู่สูง สามารถสังเกตได้จากความอ่อนไหวของตลาดที่มีต่อข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัท เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) อยู่ในระดับสูงไปด้วย ท่ามกลางภาวะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ท่านนักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี
หลังจากที่ ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก ต่างปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศ บ่งชี้ว่า ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจเริ่มชะลอความรุนแรงลง ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มมีเสถียรภาพและใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป และผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ที่มองว่าเศรษฐกิจของยุโรป และอังกฤษ เริ่มมีเสถียรภาพ แต่ปีนี้ยังคงเป็นปีที่แย่อยู่ ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน ระบุว่า เศรษฐกิจจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ผู้บริหารเฟด ยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ผู้บริหารบางคนมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่ผู้บริหารบางคนมองว่า ต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว ในส่วนของเอเชีย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นในเอเชียน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อภาวะ เศรษฐกิจในหลายๆประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจยังคงมีอยู่สูง สามารถสังเกตได้จากความอ่อนไหวของตลาดที่มีต่อข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัท เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ความผันผวนในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) อยู่ในระดับสูงไปด้วย ท่ามกลางภาวะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง ท่านนักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี
การกระจายความเสี่ยง จะช่วยลดโอกาสที่ท่านนักลงทุนจะขาดทุนเป็นจำนวนมาก สมมุติว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ท่านนักลงทุนทำการลงทุนในหุ้น ตราสารตลาดเงิน ทองคำ และน้ำมัน ท่านนักลงทุนอาจจะขาดทุนจากหุ้น และน้ำมัน ในขณะที่อาจจะได้กำไรจากตราสารตลาดเงิน และทองคำ ซึ่งอาจส่งผลให้พอร์ตการลงทุนของท่านขาดทุนเล็กน้อย หรืออาจมีกำไรบ้าง ขึ้นอยู่กับสัดส่วนการลงทุนของท่าน
บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้กำไรเพียงอย่างเดียว ผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุนจะได้ไม่ถูกถ่วงลงโดยสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวลดลง คำตอบก็คือ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คำแนะนำของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญก็เป็นเพียงแนวโน้มที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะสถานการณ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนที่ดี ควรมีการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุน โดยการกระจายการลงทุนเบื้องต้น ได้แก่ ลงทุนในหุ้น และลงทุนในตราสารหนี้ จากนั้นท่านนักลงทุนอาจแบ่งย่อยการกระจายการลงทุนเป็น ลงทุนในหุ้นปันผล ลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูง ลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน ลงทุนในทองคำ เป็นต้น
โดย สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวท่านเอง หรือหากท่านนักลงทุนไม่แน่ใจว่าควรจะจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไร ท่านนักลงทุนอาจสอบถามได้จากที่ปรึกษาการลงทุนของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือที่ปรึกษาการลงทุนอิสระก็ได้ครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน