สมชาย กลับถึงเชียงใหม่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด บอกสั้น ๆ ไม่รู้เรื่องผบ.ทบ.ให้ยุบสภา เสื้อแดงเวียงพิงค์ยกขบวนป่วนตั้งแต่เช้าอ้างอารักขานายกฯ ตรวจค้นรถทุกคันก่อนเข้าสนามบิน รุมตีเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญเจ็บ 2 ก่อนจะยกไปบุกสถานีวิทยุท้องถิ่นฝ่ายเสื้อเหลือง งัดทั้งระเบิดและปืนยิงใส่สาหัสอีก 1 เจ็บ 2 แถมยังระดมคนเพิ่มปิดล้อมต่อ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางกลับจากประชุมเอเปคที่ประเทศเปรูโดยเครื่องบินเหมาลำสายการบินไทยถึงท่าอากาศเชียงใหม่เมื่อเวลา 18.10 น. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดท่ามกลางคนเสื้อแดงที่มารอรับจำนวนมาก และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่ก็มีรายงานจากนายพรชัย คุณจักร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยที่เดินทางร่วมไปด้วยสั้น ๆ ว่ายังไม่ทราบเรื่องที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ยื่นข้อพิจารณาให้ยุบสภา หลังจากนั้นก็เดินทางเข้าบ้านพักภายในสนามกอล์ฟกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม ทันที
ก่อนที่นายสมชาย จะเดินทางมาถึงได้มีการระดมมวลชนเสื้อแดงจำนวนมากทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเพราะยังไม่แน่ชัดว่าจะเดินทางลงที่สนามบินใด กลุ่มเครือข่ายเสื้อแดงทั้งรักเชียงใหม่ 51 – กลุ่ม 24 มิถุนาฯ – ส.ส.พปช.ภาคเหนือ และภาคอีสานได้ร่วมหารือกันที่เชียงรายเมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อหาวิธีการจัดการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีมติจัดตั้งเครือข่าย “เสื้อแดงอีสาน-ล้านนา” ที่ประกอบไปด้วยบุคคลจากหลายภาคส่วนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังวันที่ 5 ธ.ค.51 เป็นต้นไป
ตลอดช่วงบ่ายวานนี้ (26 พ.ย.) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย นำโดย น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่มได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน เคลื่อนออกจากโรงแรมแสนภู อ.เมือง จ.เชียงราย กระจายไปติดป้ายต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากนั้นได้ยกขบวนกันไปที่หน้าปากทางเข้าท่าอากาศยานเชียงราย ตั้งอยู่หมู่บ้านปางลาว ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร เพื่อเคลียร์พื้นที่รอปกป้องนายสมชาย ที่มีข่าวว่าจะบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเชียงราย
จนท.ศาลรธน.ถูกตียับคาสนามบิน
ด้านกลุ่มเสื้อแดงในเชียงใหม่ หรือ “รักเชียงใหม่ 51” ก็ได้รวมตัวกันตั้งขบวนรถตระเวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่เช้าวันเดียวกันพร้อมกับประกาศว่าจะตามหากลุ่มพันธมิตรฯเชียงใหม่ เพื่อจัดการให้หมดไปจากเชียงใหม่
กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น.กลุ่มรักเชียงใหม่ฯ ก็ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณทางเข้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันพันธมิตรฯ จะมาปิดล้อมเหมือนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตั้งตัวเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจตรารถที่เข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังได้รุมทำร้ายผู้ที่เข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ จนได้รับบาดเจ็บ 2 คน พร้อมทั้งทำการทุบรถของผู้ที่ถูกทำร้ายจนได้รับความเสียหาย เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นพันธมิตรฯ
ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายวินัย ใจดี อายุ 50 ปี และนายสมพร ทองปานดี อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 คน ที่ได้ขับรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ป้ายแดงทะเบียน ช – 5103 กรุงเทพฯ ติดป้ายศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมป้ายชื่อผู้ใช้รถว่า นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าไปที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อจะรับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ทันได้หยุดรถให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ตรวจสอบ
สมาชิกกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 ที่เป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 20-30 คน จึงได้ขับรถตามไปจนถึงบริเวณอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่รถตู้คันดังกล่าวจอด แล้วลากเจ้าหน้าทั้ง 2 คน ลงมารุมทำร้ายอย่างป่าเถื่อน เป็นผลให้นายวินัย ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก - แขนหัก ส่วนนายสมพร ศีรษะแตก และบอบช้ำทั่วทั้งร่างกาย โดยทั้งคู่มีเลือดโทรมกายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภายในกองบิน 41 ในเวลาต่อมา
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้บริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่ดำเนินการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชายฉกรรจ์จำนวนมากที่เป็นสมาชิกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณทางเข้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้พกพาอาวุธ เช่น มีดยาว กระบอง เป็นต้น เดินไปเดินมาอย่างเปิดเผย ทั่วบริเวณดังกล่าว โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พยายามห้ามปรามใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. กลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” จำนวนประมาณ 30 คน ได้ยกพลไปปิดทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุชุมชนวิหคเรดิโอ 89.0 เมกกะเฮิร์ต ของกลุ่มทหารเสือพระราชา ที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด โดยมีการใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ – ระเบิดอีก 4 ลูก ตลอดจนท่อนไม้ – ก้อนหิน ถล่มเข้าใส่กลุ่มทหารเสือพระราชาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกทหารเสือพระราชาได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดย 1 ใน 2 หัวแตก แต่อีก 1 คน ถูกปืนขนาด .38 ยิงเข้าบริเวณไหล่ด้านขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากนั้นกลุ่มทหารเสือพระราชา ได้พยายามที่จะนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่กลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” ไม่ยอมเปิดทางให้ จนต้องขอรถกู้ภัยเข้ามารับตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ต่อไป
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดกลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” ก็ยังคงปักหลักอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์อยู่ โดยมีการเรียกระดมกำลังเสริมเข้ามาตลอดเวลา และเมื่อเวลาประมาณ 18.35 น.ก็ได้ใช้ปืนลูกซอง และปืน .38 ยิงจากด้านหลังหมู่บ้านเข้าใส่อาคารที่เป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุฯดังกล่าวที่มีสมาชิกทหารเสือพระราชาอยู่ภายในประมาณ 40-50 คน อีกไม่ต่ำกว่า 4 นัดล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ประมาณว่ามีกำลังคนกว่า 1,000 คนแล้ว
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การปฏิบัติการของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ครั้งนี้ แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมดูแลสถานการณ์ประมาณ 30 นาย แต่ก็ไม่มีการป้องปรามกลุ่มเสื้อแดงใด ๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงปฏิบัติการถล่มกลุ่มทหารเสือพระราชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
อนึ่งตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีกลุ่มมือมืดได้ใช้ระเบิดปิงปองขว้างเข้าใส่สถานีวิทยุแห่งนี้มาโดยตลอด โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจัดการใด ๆ ได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30 กลุ่มเสื้อแดงได้ยิงนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา บิดาของนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา เจ้าของสถานีวิทยุวิหคเรดิโอเสียชีวิตที่หน้าสถานีระหว่างออกมาห้ามการขว้างปาระเบิดและระดมยิงใส่
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางกลับจากประชุมเอเปคที่ประเทศเปรูโดยเครื่องบินเหมาลำสายการบินไทยถึงท่าอากาศเชียงใหม่เมื่อเวลา 18.10 น. ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดท่ามกลางคนเสื้อแดงที่มารอรับจำนวนมาก และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่ก็มีรายงานจากนายพรชัย คุณจักร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยที่เดินทางร่วมไปด้วยสั้น ๆ ว่ายังไม่ทราบเรื่องที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ยื่นข้อพิจารณาให้ยุบสภา หลังจากนั้นก็เดินทางเข้าบ้านพักภายในสนามกอล์ฟกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม ทันที
ก่อนที่นายสมชาย จะเดินทางมาถึงได้มีการระดมมวลชนเสื้อแดงจำนวนมากทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเพราะยังไม่แน่ชัดว่าจะเดินทางลงที่สนามบินใด กลุ่มเครือข่ายเสื้อแดงทั้งรักเชียงใหม่ 51 – กลุ่ม 24 มิถุนาฯ – ส.ส.พปช.ภาคเหนือ และภาคอีสานได้ร่วมหารือกันที่เชียงรายเมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อหาวิธีการจัดการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีมติจัดตั้งเครือข่าย “เสื้อแดงอีสาน-ล้านนา” ที่ประกอบไปด้วยบุคคลจากหลายภาคส่วนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังวันที่ 5 ธ.ค.51 เป็นต้นไป
ตลอดช่วงบ่ายวานนี้ (26 พ.ย.) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย นำโดย น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่มได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน เคลื่อนออกจากโรงแรมแสนภู อ.เมือง จ.เชียงราย กระจายไปติดป้ายต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากนั้นได้ยกขบวนกันไปที่หน้าปากทางเข้าท่าอากาศยานเชียงราย ตั้งอยู่หมู่บ้านปางลาว ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร เพื่อเคลียร์พื้นที่รอปกป้องนายสมชาย ที่มีข่าวว่าจะบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเชียงราย
จนท.ศาลรธน.ถูกตียับคาสนามบิน
ด้านกลุ่มเสื้อแดงในเชียงใหม่ หรือ “รักเชียงใหม่ 51” ก็ได้รวมตัวกันตั้งขบวนรถตระเวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่เช้าวันเดียวกันพร้อมกับประกาศว่าจะตามหากลุ่มพันธมิตรฯเชียงใหม่ เพื่อจัดการให้หมดไปจากเชียงใหม่
กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น.กลุ่มรักเชียงใหม่ฯ ก็ได้ไปรวมตัวกันที่บริเวณทางเข้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันพันธมิตรฯ จะมาปิดล้อมเหมือนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตั้งตัวเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจตรารถที่เข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังได้รุมทำร้ายผู้ที่เข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ จนได้รับบาดเจ็บ 2 คน พร้อมทั้งทำการทุบรถของผู้ที่ถูกทำร้ายจนได้รับความเสียหาย เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นพันธมิตรฯ
ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายวินัย ใจดี อายุ 50 ปี และนายสมพร ทองปานดี อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 คน ที่ได้ขับรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ป้ายแดงทะเบียน ช – 5103 กรุงเทพฯ ติดป้ายศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมป้ายชื่อผู้ใช้รถว่า นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าไปที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อจะรับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ทันได้หยุดรถให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ตรวจสอบ
สมาชิกกลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51 ที่เป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 20-30 คน จึงได้ขับรถตามไปจนถึงบริเวณอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่รถตู้คันดังกล่าวจอด แล้วลากเจ้าหน้าทั้ง 2 คน ลงมารุมทำร้ายอย่างป่าเถื่อน เป็นผลให้นายวินัย ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก - แขนหัก ส่วนนายสมพร ศีรษะแตก และบอบช้ำทั่วทั้งร่างกาย โดยทั้งคู่มีเลือดโทรมกายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภายในกองบิน 41 ในเวลาต่อมา
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า แม้บริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่ดำเนินการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชายฉกรรจ์จำนวนมากที่เป็นสมาชิกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณทางเข้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้พกพาอาวุธ เช่น มีดยาว กระบอง เป็นต้น เดินไปเดินมาอย่างเปิดเผย ทั่วบริเวณดังกล่าว โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พยายามห้ามปรามใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. กลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” จำนวนประมาณ 30 คน ได้ยกพลไปปิดทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุชุมชนวิหคเรดิโอ 89.0 เมกกะเฮิร์ต ของกลุ่มทหารเสือพระราชา ที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด โดยมีการใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ – ระเบิดอีก 4 ลูก ตลอดจนท่อนไม้ – ก้อนหิน ถล่มเข้าใส่กลุ่มทหารเสือพระราชาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาชิกทหารเสือพระราชาได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดย 1 ใน 2 หัวแตก แต่อีก 1 คน ถูกปืนขนาด .38 ยิงเข้าบริเวณไหล่ด้านขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากนั้นกลุ่มทหารเสือพระราชา ได้พยายามที่จะนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่กลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” ไม่ยอมเปิดทางให้ จนต้องขอรถกู้ภัยเข้ามารับตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ต่อไป
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดกลุ่ม “รักเชียงใหม่ 51” ก็ยังคงปักหลักอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์อยู่ โดยมีการเรียกระดมกำลังเสริมเข้ามาตลอดเวลา และเมื่อเวลาประมาณ 18.35 น.ก็ได้ใช้ปืนลูกซอง และปืน .38 ยิงจากด้านหลังหมู่บ้านเข้าใส่อาคารที่เป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุฯดังกล่าวที่มีสมาชิกทหารเสือพระราชาอยู่ภายในประมาณ 40-50 คน อีกไม่ต่ำกว่า 4 นัดล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ประมาณว่ามีกำลังคนกว่า 1,000 คนแล้ว
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การปฏิบัติการของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ครั้งนี้ แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมดูแลสถานการณ์ประมาณ 30 นาย แต่ก็ไม่มีการป้องปรามกลุ่มเสื้อแดงใด ๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงปฏิบัติการถล่มกลุ่มทหารเสือพระราชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
อนึ่งตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีกลุ่มมือมืดได้ใช้ระเบิดปิงปองขว้างเข้าใส่สถานีวิทยุแห่งนี้มาโดยตลอด โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจัดการใด ๆ ได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 19.30 กลุ่มเสื้อแดงได้ยิงนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา บิดาของนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา เจ้าของสถานีวิทยุวิหคเรดิโอเสียชีวิตที่หน้าสถานีระหว่างออกมาห้ามการขว้างปาระเบิดและระดมยิงใส่