xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีหุ้นไทยร่วงหนักกว่า11จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก หลังวิกฤตการเงินสหรัฐฯ เปิดแผลใหม่ที่กลุ่มซิตี้กรุ๊ปประสบปัญหาต้องเข้ารับการช่วยเหลือจากทางการสหรัฐฯ จนกดดันตลาดหุ้นเอเชีย บวกกับนักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล จากกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมทำเนียบและสถานที่สำคัญๆ หลายจุด ทำให้หุ้นร่วงกว่า 11 จุด มูลค่าการซื้อขายแค่ 6.7 พันล้านบาท
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (24 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยถูกปกคลุมด้วยปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีซิตี้กรุ๊ป ที่ประสบปัญหาจนต้องเข้ารับการช่วยเหลือจากทางการ จนส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มส่อเค้าทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนได้ตั้งข้อสังเกตถึงเสถียรภาพของรัฐบาล หลังจากถูกกระแสต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาพ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำการประชุมรัฐสภาได้
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า และเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจะสูงสุดที่ระดับ 386.82 จุด ต่ำสุดที่ 384.92 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 386.12 จุด ลดลงจากวันก่อน 11.39 จุด หรือคิดเป็น 2.87% มูลค่าการซื้อขายรวม 6,727.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 817.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน 295.47 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,113.07 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) มีราคาปิดที่ 137 บาท ลดลงจากวันก่อน 4 บาท หรือคิดเป็น 2.84% มูลค่าการซื้อขายรวม 841.18 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 80.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 4.17% มูลค่าการซื้อขายรวม 835.52 ล้านบาท และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 6 บาท หรือ 7.55% มูลค่าการซื้อขาย 565.22 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก หลังจากภาคธุรกิจแท้จริงเริ่มประสบปัญหา โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ในสหรัฐฯ จนต้องมีประกาศปลดคนงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ล้านบาท
ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา รวมทั้งใช้กลยุทธ์ดาวกระจาย ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล จึงทำให้มีแรงเทขายหุ้นออกมากดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 พ.ย.) คาดว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากการเมืองในประเทศ ซึ่งต้องรอติดตามสถานการณ์ต่างๆ ว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ รวมทั้งต้องติดตามแรงเทขายในช่วงปลายปีว่าจะมีออกมาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 373 จุด และแนวต้านที่ระดับ 395 จุด
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่ปรับลดลงกว่า 10 จุด ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่สดใสและวอลุ่มเบาบาง เพราะนักลงทุนกังวลปัจจัยทางการเมืองอาจยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศสงคราม 9 ทัพ ด้วยการเคลื่อนพลครั้งใหญ่ไปปิดล้อมสถานที่สำคัญๆ เช่น รัฐสภา ,พรรคชาติไทย,กระทรวงการคลัง และทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง เป็นต้น
“ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ยังไม่รู้ว่าจะยุติอย่างไร และคาดว่าจะยังมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาให้ความเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 52 อาจชะลอตัวลงทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ดีนัก”
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นวันนี้ มีโอกาสเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน นอกจากนี้ปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรหลักที่มีอิทธิพลและส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน ส่วนราคาน้ำมันและดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้านกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (มาร์เกตแคป) หลังจากมีแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปออกมาอย่างต่อเนื่อง ดั้งนั้นจึงแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลง และราคาทองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และทองคำ เป็นต้น โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 375 จุด และแนวต้านที่ 395 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นยังถูกกดดันเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่ดัชนีปรับตัวลดลงหลุดระดับ 390 จุด บวกกับตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง จากกรณีที่ทางกาสหรัฐฯ ต้องเข้าช่วยเหลือซิตี้กรุ๊ปมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนวิตกถึงวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ขณะที่วันนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนไหวอาจจะปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น