xs
xsm
sm
md
lg

“พันธมิตรฯ” ย้ำศึก 23 พ.ย. บทพิสูจน์อารยะขัดขืนสูงสุด - ดักทรราชอย่าริปราบ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“สุริยะใส” มั่นใจชุมนุมใหญ่ 23 พ.ย.นี้ ประชาชนล้นหลามแน่ ดักคอรัฐบาลอย่าริใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนแล้วโยนขี้มือที่ 3 เหมือนที่เคยทำ ส่วนจะดาวกระจายหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ชี้สงครามเที่ยวนี้คืออารยะขัดขืนขั้นสูงสุด และเป็นบทพิสูจน์พันธมิตรฯ ว่าตลอด 180 วันที่ผ่านมาของจริงหรือไม่

วันนี้ (21 พ.ย.)ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 18.30น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงถึงการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ว่า ตามกำหนดการนั้นเราได้นัดหมายในเวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะมาอย่างล้นทำเนียบแน่นอน จนอาจต้องใช้พื้นที่ถนนราชดำเนิน สี่แยกมิสกวัน หรือแยกสนามม้านางเลิ้ง ดังนั้น ประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวจึงอยากขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง

“คาดว่าประชาชนที่จะมาในครั้งนี้คงจะไม่น้อยกว่าการประกาศสงคราม 9 ทัพที่ผ่านมา และมั่นใจว่าจะมากกว่า 3แสนคน ทั้งนี้ เพราะเราได้ทิ้งช่วงการเป่านกหวีดไปเกือบ 2 เดือนแล้ว จุดนี้จะทำให้ประชาชนฮึกเหิม รวมถึงการที่แกนนำระบุว่าครั้งนี้จะเป็นแบบม้วนเดียวจบ ทำให้ประชาชนตัดสินใจมาร่วมชุมนุมกับเรา แต่จะอยู่กี่วัน จะจบตรงไหน คงจะต้องออกแบบกันอีกที”นายสุริยะใส กล่าว และว่า ขอวิงวอนสื่อมวลชนกับตำรวจว่า เราคงไม่ได้จะไปทุบตีใคร แต่เป็นสงครามเพื่อพิทักษ์รักษาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ทั้งนี้ นายสุริยะใส ระบุว่า ไม่รู้สึกห่วงเรื่องมือที่ 3 เพราะได้สืบค้นจากอดีตว่าเมื่อตุลาทมิฬ มือที่สาม ก็เป็นพวกที่เกี่ยวกับอำนาจรัฐทั้งสิ้น ครั้งนี้ก็เช่นกันอย่าพยายามโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าความรุนแรงเกิดจากมือที่ 3 เป็นเพราะรัฐบาลเองเสียมากกว่า ส่วนเรื่องที่จะตามปิดที่อื่นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีโปรแกรมแต่ถ้าหากมีการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อยว่ากันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าจะต้องมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายสุริยะใส กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของเรา คือหยุดการใช้อำนาจรัฐ เมื่อรัฐหมดความชอบธรรมเราก็มีความชอบธรรมการในการขัดขว้างการใช้อำนาจรัฐ ส่วนที่ตำรวจอ้างว่าไม่มีการสลายชุมนุมนั้น เราจะไม่ประมาท และที่ตำรวจได้ห้ามปิดทางเข้าออกสภานั้น เราไม่ได้บอกว่าจะปิดและก็เห็นว่ามีการห้ามทุกครั้ง ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นค่อยมาว่ากันตามสถานการณ์จริง

นอกจากนั้น นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดในทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ว่า ตนไม่รู้ว่าจะเป็นลูกสุดท้ายหรือไม่

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนจงใจลากพันธมิตรฯ เข้าสู่สงคราม ทั้งที่เราไม่ปรารถนา เราได้โหยหาความสมานฉันท์มาตลอด ดังนั้นกลุ่มสานเสวนาต้องกลับไปคิดได้แล้ว ว่าความรุนแรงทั้งหลายไม่ได้เกิดจากพันธมิตรเลย ดังนั้น วันที่ 23 พ.ย.นี้จะเป็นแบบม้วนเดียวจบ แต่จะยาวไปถึง2-3วันหรือไม่แล้วแต่สถานการณ์” นายสุริยะใส กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อถูกมองว่าเป็นการลากเข้าสู่สงคราม ทำไมต้องเดินตามเกม ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ เหมือนหัวหมู่ทะลวงฟัน มีคนหลายกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ แม้แต่กองทัพเองก็ไม่มีการล้วงลูก หรือแม้แต่ศาลเอง อย่างกรณีคดีที่ดินรัชดาฯ คำตัดสินอาจจะไม่ใช่ 5 ต่อ 4 ก็ได้ แต่อาจเป็น 6 ต่อ 3 ถ้าไม่มีการกดดันของพันธมิตรฯ ตรงนี้เป็นเหตุผลของอีกฝ่ายที่พยายามสร้างสถานการณ์โจมตีเรา ที่เวลานี้ทุกฝ่ายประเมินสถานการณ์ว่าจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับมาเกิดระเบิดซึ่งตรงนี้เหมือนเป็นการลากพันธมิตรฯเข้าสู่สงคราม

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยืนยันว่าจะไม่มีคนเจ็บเพิ่มอีก และรัฐบาลเองต้องคิดเองว่าหากมีการประชุมสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญการเผชิญหน้าจะเกิดขึ้น แต่ถ้าหากมีการย้ายไปที่ไหนทางพันธมิตรฯจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้จะได้ชันชนะหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะชนะ ส่วนปัจจัยที่จะได้รับชัยชนะนั้น การต่อสู้เเบบม้วนเดียวจบ อาจไม่ใช่วันเดียวจบ และรัฐบาลมีทางออกหลายทาง เช่น ยุบสภาหรือลาออก และในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การวัดฝ่ายตรงข้ามแต่เป็นการวัดตัวเราเองด้วย ว่า 180 วันที่ผ่านมาเป็นของจริงหรือไม่ และถ้าหากคนมาน้อยกว่าเดิมก็คงต้องรับสภาพว่าเราทำได้แค่นี้แต่ตนก็ยังมั่นใจว่ายังไงก็ต้องชนะ

ส่วนสงครามจะถูกปิดเกมด้วยทหารหรือไม่นั้น นายสุริยะใส ปฏิเสธว่า ไม่ทราบซึ่งต้องแต่สถานการณ์ออกได้ทุกทาง พร้อมทั้งย้ำจุดยืนพันธมิตรฯว่า ไม่ใช่การเกิดรัฐประหาร

“ตอนนี้อารมณ์ของมวลชนขณะนี้เหมือน ทุบหม้อข้าวมา เหมือนยุทธการของพระเจ้าตาก แต่ไม่ใช่พระเจ้าตากที่สนามหลวง แต่ในวันที่ 23 นี้ เป็นอารยะขัดขืนขั้นสูงสุดซึ่งเป็นการยกระดับจากการชุมนุมใหญ่แต่เป็นการลุกขึ้นสู้อย่างถึงที่สุด” นายสุริยะใส ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น