โถพ่อพระ! ตำรวจใช้เหตุการณ์ 7 ตุลาฆ่าประชาชนเป็นบทเรียน เตรียมประสานทหารส่งกำลังรับมือกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมใหญ่ต้านแก้รัฐธรรมนูญ โฆษกตำรวจยันไม่สลายม็อบแต่เป็นห่วงมือที่ 3 แฝงตัวเข้ามาป่วน
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดูแลกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเดินทางไปชุมนุมหน้ารัฐสภาวันที่ 23 พ.ย.ว่า เรื่องนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลเจ้าของพื้นที่กำลังเตรียมตัว วางแผนการทำงานอยู่ ซึ่งคงมีการเรียกกำลังเจ้าหน้าที่จาก กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน (บช.ตชด.) และภูธรใกล้เคียงมาเสริม นอกจากนั้นก็จะประสานไปยังทหารขอกำลังมาเสริมเพื่อดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะมาคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญแต่การประชุมสภาไม่ได้มีวาระการแก้รัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า การทำงานของตำรวจครั้งนี้คงต้องมีความรัดกุมมากขึ้นใช้เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมเป็นบทเรียน ทาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ก็ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่สั่งให้ทำงานให้รอบคอบเตรียมพร้อมและเป็นห่วงเรื่องของมือที่ 3 ที่อาจจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่เพราะทางกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศสงครามครั้งสุดท้ายและมีจุดยืนให้แตกหัก พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนที่จะไตร่ตรองใช้ดุลยพินิจในการมาร่วมชุมนุม เราในฐานะเจ้าหน้าที่ก็มีความห่วงใยไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ส่วนการจะใช้แก๊สน้ำตาในการดูแลการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่นั้นต้องบอกว่าการควบคุมฝูงชนมีขั้นมีตอน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเหตุการณ์ในขณะนั้น แก๊สน้ำตาเป็นอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่ใช้ในการป้องปรามไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้าจะใช้ก็ต้องมีขั้นมีตอนในการใช้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ รอบคอบตั้งด่านตรวจ จุดสะกัดไว้เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ตำรวจไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม แต่ไปดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เรามีประสบการณ์จากวันที่ 7 ตุลาคมมาแล้ว
ต่อข้อถามที่ว่าที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้ง พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ แต่ผู้ที่ประสงค์ร้ายก็หาช่องโหว่ทำ อีกอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับความร่วมมือในการเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อที่จะวิเคราะห์แผนประทุษกรรมซึ่งมีความจำเป็นในการวิเคราะห์และป้องกันเหตุ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือทำให้เป็นข้อจำกัดในการทำงาน อย่างเหตุการณ์ล่าสุดเหตุเกิดตั้งแต่ตี 3 กว่าๆ แต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบตอนเที่ยงวันแล้ว ทำให้หลักฐานปนเปื้อน หาสาเหตุยาก สมมติฐานที่ตั้งไว้เมื่อวิเคราะห์ก็อาจไม่ตรงได้ ยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่พยายามไม่ให้เกิดเหตุร้าย เพราะเมื่อเกิดเหตุตำรวจเองที่ตกเป็นจำเลยที่ 1
เมื่อถามว่าจะต้องฟังคำสั่งจากรัฐบาลหรือไม่ในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม โฆษก ตร.กล่าวว่า เรามีหน้าที่ดูแลรับรู้รับทราบก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ไป ซึ่งทางนครบาลมีแผนการดูแลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้มีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ชัดเจนอยู่แล้วทางกองวินัยก็ดำเนินการตรวจสอบเสนอมาตามมขั้นตอน ซึ่งทราบว่าตอนนี้ทางกองวินัยอยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนทางธุรการอยู่ ซึ่งทาง ผบ.ตร.ไม่ได้มีการสั่งการอะไรลงไปเพราะเรื่องนี้ทำตามระเบียบผู้ที่มีหน้าที่รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรก็ทำไปตามนั้น ส่วนจะใช้ระยะเวลาการดำเนินการนานเท่าไหร่นั้นยังไม่สามารถตอบได้