ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ตำรวจสลายฝูงชน “7 ตุลาทมิฬ” ให้ “วิโรจน์” เป็นประธาน มี “จงรัก-สุชาติ” ร่วมด้วย พร้อมกำชับให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 703/2551 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง เหตุการณ์ที่ตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.(มก) เป็นประธานกรรมการ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป 3) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการประกอบด้วย พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ตชด. พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.กมส. พล.ต.ท.ดนัยธร วงษ์ไทย ผบช.สนว. ผบก.ตปพ. ผบก.น.1 ฯลฯ
คำสั่งดังกล่าวระบุว่า ภายหลังจากปรากฏตามสื่อมวลชนว่าทางรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการใช้เครื่องมือในการควบคุมฝูงชนจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนได้มีบุคคลร้องขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเสนอข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณา และเพื่อให้การจัดเตรียมข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น
โดยคณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสารและพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสั่งการ ควบคุมการบังคับบัญชา การใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตลอดจนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ โดยลำดับข้อเท็จจริงและความเป็นมาแต่ละขั้นตอน รวบรวมจัดทำเป็นสารบบพร้อมสารบรรณให้ชัดเจน อีกทั้งให้มีอำนาจสั่งการและขอความร่วมมือ หน่วยงานต่างๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชน ให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการดำเนินการ และให้ประธานกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามความจำเป็น โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และรายงานผลเบื้องต้นให้ทราบภายใน 7 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2551 เป็นต้นไป
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 703/2551 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง เหตุการณ์ที่ตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยให้ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.(มก) เป็นประธานกรรมการ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป 3) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการประกอบด้วย พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ตชด. พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.กมส. พล.ต.ท.ดนัยธร วงษ์ไทย ผบช.สนว. ผบก.ตปพ. ผบก.น.1 ฯลฯ
คำสั่งดังกล่าวระบุว่า ภายหลังจากปรากฏตามสื่อมวลชนว่าทางรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการใช้เครื่องมือในการควบคุมฝูงชนจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนได้มีบุคคลร้องขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเสนอข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณา และเพื่อให้การจัดเตรียมข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น
โดยคณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง เอกสารและพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสั่งการ ควบคุมการบังคับบัญชา การใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตลอดจนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ โดยลำดับข้อเท็จจริงและความเป็นมาแต่ละขั้นตอน รวบรวมจัดทำเป็นสารบบพร้อมสารบรรณให้ชัดเจน อีกทั้งให้มีอำนาจสั่งการและขอความร่วมมือ หน่วยงานต่างๆ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชน ให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการดำเนินการ และให้ประธานกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามความจำเป็น โดยให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และรายงานผลเบื้องต้นให้ทราบภายใน 7 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2551 เป็นต้นไป