xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตUKฉุดหุ้นไทยป่วน! นักวิเคราะห์ชวนจับตาค่าเงินดอลลาร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นไทยวันนี้ทางเทคนิคมีโอกาสรีบาวด์ แต่ในด้านปัจจัยพื้นฐานความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป ยังมีโอกาสฉุดทุกตลาดหุ้นดิ่งลงต่อไป หลังวานนี้ผันผวนหนัก ระหว่างวันลดลงถึง 10 จุด ก่อนมีแรงซื้อขายช่วงบ่ายเข้ามากระตุ้นจนปิดตลาดที่ลบ 3.32 จุด หรือปิดที่ 688.09 จุด ต่างชาติขายสุทธิอีก 1.8 พันล้าน นักวิเคราะห์ชวนจับตาค่าเงินดอลลาร์ ปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรป พร้อมแนะนำ ชะลอลงทุน หรือเลือกหุ้นที่มีการปันผลสูง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้(8ก.พ.)ผันผวนอยู่ในแดนลบตลอดวันโดยในช่วงเช้าลดลงไปถึง 10 จุด ซึ่งเป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ตอบรับปัจจัยลบจากยุโรปที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ตัวเลขดุลการชำระเงินของกรีซ สเปน และโปรตุเกส ออกมาน่าวิตก ทำให้เกิดแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นต่างๆ เพราะไม่มั่นใจกับปัญหาที่จะอาจลุกลามต่อไปในอนาคตจนกระทบกับเศรษฐกิจโลก และปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่เพิ่มความเข้มข้นและแรงกดดันมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในช่วงบ่าย เริ่มมีแรงซื้อกลับคืนเข้ามาในตลาด จนดัชนีหุ้นรีบาวด์กลับขึ้นมาปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 688.09 ลดลง 3.32 จุด หรือ -0.48% มูลค่าการซื้อขาย 12,723.75 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 689.72 จุด และต่ำสุดที่ 680.24 จุด

โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,825.77 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขาย 485.99 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,973.33 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ 338.42 ล้านบาท ภาพรวมหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 132 หลักทรัพย์ ลดลง 172 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 135 หลักทรัพย์

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,422.98 ล้านบาท ปิดที่ 536.00 บาท ลดลง 4.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 852.10 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท ลดลง 0.50 บาท PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 807.75 ล้านบาท ปิดที่ 76.50 บาท ลดลง 2.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 741.30 ล้านบาท ปิดที่ 217.00 บาท ลดลง 1.00 บาท และ BBL มูลค่าการซื้อขาย 710.81 ล้านบาท ปิดที่ 107.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค พบว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์บวก 10.06 จุด ปิดที่ 2,693.62 จุด ส่วนดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นมาเลเซียลดลง 12.68 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ระดับ 1,235.22 จุด ดัชนีหั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาด 19,550.89 ลดลง114.19 จุด ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ กระดาน-เอ ปิดตลาด 3,077.84 ลดลง 4.51 จุด และ ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ กระดาน-บี ปิดตลาด 240.74 เพิ่มขึ้น 0.90 จุด

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามในช่วงบ่าย แม้ว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในแดนลบตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดลบน้อยจากในช่วงเช้าที่ปิดลบไป 10 จุด โดยแรงซื้อที่กลับเข้ามาเกิดจากการที่นักลงทุนรับรู้ข่าวร้ายเรื่องปัญหาหนี้สินและเศรษฐกิจในประเทศแถบโรป และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเรื่องวิกฤตการเงินรอบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นด้วย

ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (9 ก.พ.) น่าจะรีบาวน์ต่อเนื่องได้ เนื่องจากตลาดหุ้นยังไม่รีบาวน์กลับมามากนัก โดยนักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น เพราะการประชุมผู้นำ G-7 ให้ความมั่นใจว่าไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจอีก และมีการรับรู้ข่าวร้ายไปเต็มที่แล้ว โดยให้แนวรับที่ 680 จุด แนวต้านที่ 694-698 จุด

ด้านนายคมสันต์ ปรมาภูติ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงโดยทิศทางเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก ได้รับปัจจัยลบกดดันจากราคาในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งปัญหาความกังวลเกี่ยวงกับปัญหาหนี้สินในกลุ่มประเทศยุโรปที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลยูโร และสกุลเงินในภูมิภาคเอเชีย และทำให้เม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียชะลอลง

อย่างไรก็ดีการปรับตัวลดลงในวันนี้มีอัตราส่วนที่ไม่มากนัก เนื่องจากได้รับปัจจัยเชิงบวกจากดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พลิกกลับมาเป็นบวกในช่วงท้ายตลาด ดังนั้นแนวโน้มดัชนีฯในวันนี้ คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ โดยมีบริเวณแนวรับที่ 680 จุด ซึ่งการเคลื่อนไหวจะขึ้นอยู่กับทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร ซึ่งหากเคลื่อนไหวในแดนบวกประเมินว่าดัชนีฯจะสามารถยืนที่ระดับแนวรับที่ 680 จุด แต่หากดัชนีดาวโจนส์ในคืนนี้ปิดตลาดปรับตัวลดลงดัชนีของตลาดหุ้นไทยก็จะมีแนวรับถัดไปที่ 660 จุด อีกทั้ง ประเมินว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะกลางยังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากได้รับตัวแปรเชิงลบกดดันจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวในเชิงลบมากขึ้น

โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากมีการแข็งค่าต่อก็มีโอกาสที่จะมีการขายสินทรัพย์ในสกุลเงินเอเชียเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ปัญหาหนี้ในยุโรปว่าจะมีความชัดเจนออกมาอย่างไร และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางใด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำชะลอการลงทุน หรือหากต้องการลงทุนให้ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive และจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราสูง อาทิ CPF และ ADVANC ประเมินแนวรับอยู่ที่ 680 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 660 จุด แนวต้าน 695 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น