ASTVผู้จัดการรายวัน - กบข.รับ ผลตอบแทนทั้งปีนี้ มีสิทธิ์ติดลบ 6-7% หากบรรยากาศหุ้นทั่วโลก ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ ย้ำกลยุทธ์ลงทุนเมืองนอกไม่ผิดผลาด ซ้ำยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ ส่วนปีหน้า มั่นใจผลตอบแทนดีดกลับเป็น 5-7% หลังประเมินตลาดหุ้นขานรับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เล็งอีก 6 เดือนข้างหน้าใส่เงินลุยหุ้น พร้อมเพิ่มน้ำหนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์กินค่าเช่า
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า ผลตอบแทนทั้งปีนี้ อาจจะติดลบประมาณ 6-7% หากสถานการณ์การลงทุนในหุ้นยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ หลังจากตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนย้อนหลังไป 12 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกบข.ติดลบไปแล้ว 4.55% ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าว ต้องบอกว่าไม่ได้เกิดจากการออกไปลงทุนต่างประเทศของกบข. เพราะกองทุนในต่างประเทศก็ติดลบเช่นเดียวกัน
"การลงทุนต่างประเทศของกบข.ไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด ในทางกลับกันการลงทุนในต่างประเทศเองให้ผลตอบแทนกว่าการลงทุนในประเทศด้วยซ้ำ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศลดลงประมาณ 30-35% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปถึง 50% ในขณะเดียวกัน ค่าเงินของไทยเองก็อ่อนค่าลงไป ทำให้การลงทุนในต่างประเทศได้ประโยชน์ เนื่องจากเราลงทุนไปตั้งแต่ค่าเงินอยู่ที่ 31 บาทกว่าๆ ก่อนจะอ่อนตัวมาอยู่ที่ 35 บาทกว่าๆ ในปัจจุบัน"นายวิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของกบข.จะพลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7%จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%
"ไม่ใช่ว่าหุ้นตกไป 50% แล้วเราจะไม่ลงทุนหุ้น เพราะหาก กบข.ไม่มีการลงทุนในหุ้น เชื่อได้ว่าอัตราผลตอบแทนในปีหน้าจะต่ำเพียง 1-2% ตามผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล จึงเห็นว่า กบข.ยังคงลงทุนในหุ้น และเตรียมที่จะเข้าลงทุนต่อไป ซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้ว โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร"นายวิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า กบข.มีแผนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหารมิทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
"เป็นเรื่องยากในการวางแผนการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพราะยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เรารู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่จะไม่ดีแค่ไหนก็ยังไม่รู้ ยังไงก็ตามเชื่อว่าในปีหน้า คงไม่ร้ายแรงเท่ากับปีที่เราประสบในปี 2540 แต่ขณะนี้เรายังไม่ลงทุนเพิ่ม เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงไปอีก ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนของเราจะลงทุนอย่างระมัดระวังและอยู่ในกรอบที่เหมาะสมที่สุด "นายวิสิฐกล่าว
ทั้งนี้ สมาชิกเองควรดูผลตอบแทนเป็นแบบพิจารณาย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี ซึ่งไม่ควรดูเป็นปี เพราะต้องยอมรับว่าในปีนี้เป็นปีที่ไม่ปกติ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาสมาชิก กบข.ได้รับผลตอบแทนสะสม โดยหากสมาชิก กบข.ที่เริ่มเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุนช่วงปี 40-50 อัตราผลตอบแทนอยุ่ที่ 8.24%ขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (ปี 48-50)อยู่ที่ 6.47% และ ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 46-50) อยู่ที่ 6.61%
โดยปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 3.6-3.7 แสนล้านบาท จากช่วงก.ย.51 ที่มี 3.9 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นคืนเงินให้สมาชิกที่เกษียณ 2 หมื่นราย โดยปีนี้มีสมาชิกที่เกษียณก่อนกำหนด 1.2-1.3 หมื่นราย ส่วน ณ สิ้นปี 50 กบข.มีสินทรัพย์ 3.6 แสนล้านบาท
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า ผลตอบแทนทั้งปีนี้ อาจจะติดลบประมาณ 6-7% หากสถานการณ์การลงทุนในหุ้นยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ หลังจากตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนย้อนหลังไป 12 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกบข.ติดลบไปแล้ว 4.55% ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ติดลบดังกล่าว ต้องบอกว่าไม่ได้เกิดจากการออกไปลงทุนต่างประเทศของกบข. เพราะกองทุนในต่างประเทศก็ติดลบเช่นเดียวกัน
"การลงทุนต่างประเทศของกบข.ไม่ได้ผิดพลาดแต่อย่างใด ในทางกลับกันการลงทุนในต่างประเทศเองให้ผลตอบแทนกว่าการลงทุนในประเทศด้วยซ้ำ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศลดลงประมาณ 30-35% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปถึง 50% ในขณะเดียวกัน ค่าเงินของไทยเองก็อ่อนค่าลงไป ทำให้การลงทุนในต่างประเทศได้ประโยชน์ เนื่องจากเราลงทุนไปตั้งแต่ค่าเงินอยู่ที่ 31 บาทกว่าๆ ก่อนจะอ่อนตัวมาอยู่ที่ 35 บาทกว่าๆ ในปัจจุบัน"นายวิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของกบข.จะพลิกเป็นบวกได้ประมาณ 5-7%จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น เพราะเชื่อว่าในปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุด ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดหุ้นก็มักจะตอบรับข่าวล่วงหน้าประมาณ 6-9 เดือนก่อน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2540 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-3.5%
ทั้งนี้ กบข.จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นตรงกับกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนหุ้นของกบข. มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ 7% และ ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 7% เช่นกัน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในประเทศเอง เรามีเพดานการลงทุนไว้ที่ 11.5% ตามแผนการลงทุนในและในต่างประเทศ 12.5%
"ไม่ใช่ว่าหุ้นตกไป 50% แล้วเราจะไม่ลงทุนหุ้น เพราะหาก กบข.ไม่มีการลงทุนในหุ้น เชื่อได้ว่าอัตราผลตอบแทนในปีหน้าจะต่ำเพียง 1-2% ตามผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล จึงเห็นว่า กบข.ยังคงลงทุนในหุ้น และเตรียมที่จะเข้าลงทุนต่อไป ซึ่งขณะนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้ว โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร"นายวิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า กบข.มีแผนจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 4% เนื่องจากที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนได้สูงถึง 8-10% โดยอสังหารมิทรัพย์ที่น่าสนใจ จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า อพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ซึ่งสามารถปรับค่าเช่าในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ กบข.มีเพดานการลงทุนในการลงทุนทางเลือกส่วนนี้ประมาณ 6.5-7% ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยลงทุนให้ได้ตามเพดานดังกล่าว
"เป็นเรื่องยากในการวางแผนการลงทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพราะยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เรารู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่จะไม่ดีแค่ไหนก็ยังไม่รู้ ยังไงก็ตามเชื่อว่าในปีหน้า คงไม่ร้ายแรงเท่ากับปีที่เราประสบในปี 2540 แต่ขณะนี้เรายังไม่ลงทุนเพิ่ม เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงไปอีก ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนของเราจะลงทุนอย่างระมัดระวังและอยู่ในกรอบที่เหมาะสมที่สุด "นายวิสิฐกล่าว
ทั้งนี้ สมาชิกเองควรดูผลตอบแทนเป็นแบบพิจารณาย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี ซึ่งไม่ควรดูเป็นปี เพราะต้องยอมรับว่าในปีนี้เป็นปีที่ไม่ปกติ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาสมาชิก กบข.ได้รับผลตอบแทนสะสม โดยหากสมาชิก กบข.ที่เริ่มเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุนช่วงปี 40-50 อัตราผลตอบแทนอยุ่ที่ 8.24%ขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (ปี 48-50)อยู่ที่ 6.47% และ ย้อนหลัง 5 ปี (ปี 46-50) อยู่ที่ 6.61%
โดยปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 3.6-3.7 แสนล้านบาท จากช่วงก.ย.51 ที่มี 3.9 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นคืนเงินให้สมาชิกที่เกษียณ 2 หมื่นราย โดยปีนี้มีสมาชิกที่เกษียณก่อนกำหนด 1.2-1.3 หมื่นราย ส่วน ณ สิ้นปี 50 กบข.มีสินทรัพย์ 3.6 แสนล้านบาท