xs
xsm
sm
md
lg

อีกแผนฟื้นอำนาจทักษิณ!

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

วันสองวันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งนำการชุมนุมของประชาชนมาอย่างยาวนานกว่า 6 เดือนตั้งแต่รัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช จนถึงรัฐบาลที่ค่อนข้างจะหน้าหนาเป็นพิเศษ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นช่วงเวลาที่จะประกาศชัยชนะ

การต่อสู้ด้วยวิธียืดเยื้อยาวนานกว่า 6 เดือน ได้ให้บทเรียนอย่างสำคัญแก่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วว่า เหตุและผลหรือแม้กระทั่งคุณธรรม จริยธรรม เอาชนะคนหน้าด้านไม่ได้

มีรายงานว่า รัฐสภาเป็นเป้าหมายหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พวกเขาจะไปปิดล้อมเพื่อมิให้การประชุมสภาฯ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญดำเนินไปได้ แม้จะมีบทเรียนจากการปิดล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนถูกฆ่า ถูกยิงขาขาด แขนขาดมานับร้อยๆ คนแล้วก็ตาม

นี่สะท้อนให้เห็นจิตใจที่องอาจกล้าหาญ ไม่กลัวเสียสละ ไม่กลัวตายของประชาชนที่ลุกขึ้นสู้กับระบอบชั่วร้ายทักษิณจริงๆ

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนที่ลุกขึ้นสู้กับระบอบทักษิณนั้น ไม่ได้ให้ราคากับคำยืนยันอันหนักแน่นของนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเลยแม้แต่น้อยนิด แม้นายชัย ชิดชอบ จะบอกว่า ขอเอาชีวิตเป็นประกันว่า จะไม่บรรจุระเบียบวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญในการประชุมช่วงนี้อย่างเด็ดขาด

คำพูดของนายชัย ชิดชอบ ยากจะเชื่อถือ

และแม้จะไปบรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไป นายชัย ชิดชอบ ก็ยังทำได้

เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือ เป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว พวกเขาไม่ต้องการถูกดำเนินคดีในศาล หรือที่ศาลตัดสินแล้วให้พวกเขาผิด ก็ขอให้มีการยกเลิกหรือนิรโทษกรรมเสีย เป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันของบริษัทบริวารที่ใส่เสื้อแดง และที่มีที่นั่งอยู่ในรัฐสภา

นี่เป็นสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ที่รักชาติ รักประเทศทั้งหลายไม่อาจวางใจได้

การฟื้นคืนระบอบทักษิณ เป็นเป้าหมายอันสำคัญยิ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นับตั้งแต่เขาสูญเสียอำนาจไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

หนทางที่จะฟื้นคืนอำนาจคือ การชนะการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งเขาประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยนำพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล ได้อำนาจรัฐมาอยู่ในมือ มีนายสมัคร สุนทรเวช ทำหน้าที่เป็นมือปืนรับจ้าง เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่น

เพียง 2-3 เดือนที่ได้อำนาจ พวกเขาก็เคลื่อนไหวในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อที่จะทำให้องค์กรอิสระอย่าง คตส.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือการเอาผิดพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นไม่ต้องรับผิด แม้จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แม้จะทำผิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงออกมาขวางตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนถึงบัดนี้กว่า 6 เดือนแล้ว

นอกจากนี้ พวกเขาก็แพ้ภัยตัวเองเพราะการทำผิด

นายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งพวกเขาเลือกมาเป็นประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎรถูก กกต.ชี้มูลความผิด ส่งให้อัยการ อัยการสั่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง

ระหว่างนั้น นายยงยุทธ ติยะไพรัช ขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ทำให้พวกเขาไม่สามารถขวางการสรรหาและแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ทำให้พวกเขาไม่สามารถแทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญได้เหมือนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เผชิญกับคดีซุกหุ้น

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหลายเสียงหลายประเด็น ล้วนแต่เป็นความผิดพลาดของพวกเขาทั้งสิ้น เป็นต้น กรณีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปลงนามในข้อตกลงกับกัมพูชา

แต่พวกเขาก็ใช้วิชา “หน้าด้าน” ในการบริหารประเทศต่อไป เช่น ไม่สนใจต่อมติของศาลรัฐธรรมนูญให้นายไชยา สะสมทรัพย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พวกเขาก็แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น

จนที่สุด เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการไปจัดรายการชิมไปบ่นไป ทางสถานีโทรทัศน์ พวกเขาก็ยังจะหน้าด้านเข็นนายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก

โชคดีและโชคร้ายของประเทศไทยที่พวกเขาขัดแย้งกันเองเสียก่อน ทำให้นายกรัฐมนตรีเป็นของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ใช้วิธีหน้าด้านในการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

วันแถลงนโยบาย 7 ตุลาคม 2551 เขาให้ตำรวจสลายการชุมนุมของประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผลของมันทำให้ประชาชนตายไป 2 บาดเจ็บอีก 400 กว่าคน

องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนต่างระบุว่าเป็นความผิดของนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เฉย หรือทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนหลายๆ กรณีที่คนที่มีความรู้สึก รู้ดี รู้ชั่ว รู้อาย เขาไม่ทำกัน

กล่าวคือ เขาจะต้องลาออกไปแล้ว แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เฉยเหมือนกับรู้ว่า จะต้องจัดการกับภาระอันสำคัญยิ่งให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน นั่นก็คือ ทำให้ทักษิณและครอบครัวพ้นผิด และฟื้นอำนาจทักษิณกลับมาให้ได้เหมือนอย่างที่ดิ้นรนกันอยู่เวลานี้ ก็คือ การวางกำลังไว้ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือจะเป็นคุณหญิงพจมาน เป็นหัวหน้า

นอกเหนือจากนั้น องค์กรอิสระใดที่พวกเขาพอจะแทรกเข้าไปได้ เป็นต้น การบินไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดีกรมต่างๆ ถ้าหากสามารถวางคนของพวกเขาไว้ได้ ก็จะวางไว้ทันที

มาวันนี้ขอให้จับตาดูคณะกรรมการ ปปง. หรือคณะกรรมการฟอกเงิน ดูเหมือนพวกเขาจะวางตัวเอา พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ เป็นประธาน แม้ พล.ต.อ.วุฑฒิชัย จะเป็น 1 ใน 9 ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 ให้พ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพราะไปขึ้นเงินเพิ่มพิเศษในลักษณะเหมาจ่ายให้ตัวเอง (ประธาน ป.ป.ช.เพิ่มเดือนละ 25,000 บาท กรรมการ ป.ป.ช.เพิ่ม 20,000 บาท)

ศาลเห็นว่า จำเลยทั้ง 9 (พล.ต.อ.วุฑฒิชัย) รวมอยู่ด้วย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 83 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 125 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 9 คนๆ ละ 2 ปี (รอลงอาญา 2 ปี)

ปปง.นั้นเป็นเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการเล่นงานฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว

คราวนี้ ถ้าหากแต่งตั้งสำเร็จล่ะ

กำลังโหลดความคิดเห็น