xs
xsm
sm
md
lg

พระราชกรณียกิจสำคัญยิ่งยวด นำชาติพ้นวิกฤตด่วน

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

สถานการณ์ของระบอบเผด็จการ มันสร้างความหายนะให้กับชาติถึงที่สุดแล้ว มีทางเดียวเท่านั้นที่จะผ่านพ้นไปได้คือ องค์พระประมุขแห่งรัฐทรงมีพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม สู่ความถูกต้องยิ่งใหญ่ของการเมืองการปกครองไทยใหม่สู่ความมั่นคงยั่งยืนสืบไป “ขอให้กองทัพแห่งชาติตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้ด่วน ก่อนที่ชาติของเราจะเกิดสงครามกลางเมืองยุ่งยากมากไปกว่านี้”

1. หลักธรรมาธิปไตย
พระพุทธเจ้า ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายฟังเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมืองให้เป็นธรรม หรือวัตรของพระเจ้าจักรพรรดิอันประเสริฐ (จักรวรรดิวัตร 12) หรือหน้าที่ของนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ โดยให้ถือธรรมาธิปไตยและให้นำไปสอนสืบต่อไม่ให้ขาดสาย (ที.ปา. 11/35) ความย่อดังนี้

ธรรมาธิปไตย (1) จงอาศัยธรรมเท่านั้น (2) สักการธรรม (3) ทำความเคารพธรรม (4) นับถือธรรม (5) บูชาธรรม (6) ยำเกรงธรรม (7) มีธรรมเป็นธงชัย (8) มีธรรมเป็นยอด (9) มีธรรมเป็นใหญ่... (ธรรมาธิปไตย คือศูนย์กลางหรือเป็นเอกภาพของสรรพสิ่ง)

2. หลักพระมหากษัตริย์ประมุขแห่งรัฐ (The King as the head of State or The King as the head of the Kingdom of Thailand)

ประเทศไทยทุกยุคทุกสมัยแต่โบราณกาลมา มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ว่าสภาวการณ์ทางประวัติศาสตร์การเมือง และทางสังคมของประเทศไทยจะเป็นไปในทางทิศใด พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐคู่กับปวงชนชาติไทยเสมอไป และได้พัฒนาขึ้นเป็นอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสร้างสรรค์สู่หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันยิ่งใหญ่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
พระราชสมภารเจ้า พระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ทรงปฏิบัติธรรม ตรงวิถีธรรมอันเป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ พิสูจน์ได้ดังนี้

1) พระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงอยู่ในฐานะเป็นเอกภาพหรือศูนย์รวมของชาติ ส่วนพสกนิกรเป็นด้านความแตกต่างหลากหลาย

2) พระเจ้าอยู่หัวทรงแผ่พระเมตตาด้วยโครงการพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ เป็นปัจจัยให้พสกนิกรซาบซึ้ง จงรักภักดีขึ้นตรงต่อพระเจ้าอยู่หัว เกิดสัมพันธภาพโดยธรรมคือลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์ เป็นปัจจัยให้เกิดดุลยภาพตามกฎธรรมชาติ

3) สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันแห่งธรรม ทรงธรรม เป็นธรรมาธิปไตย จึงมีลักษณะแผ่ความเป็นธรรม แผ่พระบรมเดชานุภาพ แผ่ความถูกต้อง แผ่ความเมตตา กรุณา ออกไปสู่ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดทั้งในและต่างประเทศ

4) เป็นปฐมภูมิคือ มีอำนาจเหนืออำนาจอื่นใดทั้งหมด เช่น อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ เป็นต้น

5) พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์จะต้องไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เสื่อมคลาย หรือสูญหายไปไหน หรือไม่มีใครจะแย่งชิงไปได้ ย่อมมีอำนาจเหนืออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ หรืออำนาจอื่นใดในประเทศ และอำนาจนั้นๆ จะต้องขึ้นตรงต่อพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เสมอไป ดุจดาวเคราะห์ต้องขึ้นต่อดวงอาทิตย์เสมอไป หรือชาวพุทธต้องขึ้นตรงต่อพระรัตนตรัยเสมอไปจะเห็นได้ว่า ปัญญา หลักการ วิธีคิดจากกฎธรรมชาติในมิติธรรมาธิปไตย เป็นปัจจัยให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่อย่างมั่นคงดุจเดียวกับธรรมาธิปไตยตามกฎธรรมชาติ

3. หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (Popular Sovereignty) หลักการปกครองแบบสมัยใหม่ และรัฐสมัยใหม่ที่เรียกว่ารัฐชาติ (Nation State)พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาความเป็นรัฐชาติไทยขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ (พ.ศ. 2434) เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น ความมั่นคงให้เกิดเอกภาพขึ้นแก่ประเทศ อำนาจอธิปไตยเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองของประเทศหรือรัฐ แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่

1) อำนาจอธิปไตยด้านชาติคืออำนาจในการปกครองประเทศของตนอย่างอิสระ ไม่ถูกครอบงำจากต่างประเทศ เป็นอำนาจที่สัมพันธ์อย่างอิสระระหว่างรัฐหรือประเทศต่างๆ

2) อำนาจอธิปไตยของปวงชนอำนาจอธิปไตยด้านชาติจะเข้มแข็งหรือไม่เพียงไรขึ้นอยู่กับอำนาจอธิปไตยของปวงชนอำนาจอธิปไตยของปวงชนเข้มแข็ง อำนาจอธิปไตยด้านชาติก็จะเข้มแข็งด้วยอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้ประเทศชาติเข้มแข็งไม่ถูกแทรกแซงจากประเทศมหาอำนาจได้โดยง่าย และนานาประเทศต้องเกรงขาม ในความเป็นเอกภาพของประชาชนในชาติ

ในทางตรงกันข้ามถ้าประเทศใด อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของปวงชน หรือเป็นของชนส่วนน้อย จะทำให้อำนาจอธิปไตยด้านชาติอ่อนแอจะถูกแทรกแซงได้ง่ายจากนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ และประเทศนั้นๆ จะเต็มไปด้วยนักการเมืองขี้โกง

ความสัมพันธ์ระหว่างประมุขแห่งรัฐ กับอำนาจอธิปไตยของปวงชน
ย่อมเป็นไปในทิศทางเดียวกันเป็นหนึ่งเดียวกัน คือเป็นลักษณะทั่วไป (Comprehensiveness) คือครอบคลุมองค์รวมทั้งประเทศ และมีความเด็ดขาด (Absoluteness) มีความถาวร (Permanence) แบ่งแยกมิได้ (Indivisibility) และมีลักษณะทั่วไป (General power) คือครอบคลุมอำนาจอื่นที่ต่ำกว่าอำนาจอธิปไตยทั้งหมด เช่น อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อันเป็นอำนาจลักษณะเฉพาะที่แตกต่างหลากหลาย และเป็นอำนาจชั่วคราวตามวาระ เป็นต้น

ประมุขแห่งรัฐ ย่อมมีความชอบธรรมในการใช้อำนาจอธิปไตยเพื่อแก้ไขเหตุวิกฤตสำคัญๆ ของชาติซึ่งองค์กรอำนาจอื่นไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น อำนาจในการยุติการจลาจลทางการเมือง อำนาจในการยุติสงครามกลางเมืองหรือสงครามระหว่างประเทศ และการใช้อำนาจในการแก้ไขเหตุวิกฤตแห่งชาติ ทั้งนี้โดยองค์ประมุขแห่งรัฐทรงใช้อำนาจในลักษณะเป็นธรรมสูงสุด หรือธรรมาธิปไตย โดยคำนึงถึงความมั่นคงแห่งชาติเป็นสิ่งสูงสุด

เอกภาพของอำนาจอธิปไตยของปวงชนตามลักษณะพิเศษของประเทศไทย ได้รวมศูนย์อยู่ที่พระมหากษัตริย์ประมุขแห่งรัฐ
(แห่งราชอาณาจักร) นั่นเอง

4. หลักเสรีภาพของบุคคล
(Freedom of Person) หมายถึงเสรีภาพบริบูรณ์ของบุคคล คือเสรีภาพทางความคิด เสรีภาพทางการเมือง และเสรีภาพส่วนบุคคลเอกชน เป็นเสรีภาพที่บุคคล นิติบุคคลและรัฐ ไม่ควรละเมิดเสรีภาพของประชาชน

5. หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง (1) ความเสมอภาคทางการเมือง คือ ความเสมอภาคในการแสดงพฤติกรรม ต่อสังคมในการอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ อันเป็นกิจกรรมกุศลสาธารณะ (2) ความเสมอภาคทางกฎหมาย (3) ความเสมอภาคทางโอกาส ให้เสมอภาคกันจริงๆ

6. หลักภราดรภาพ (Fraternity) คือการถือว่ามวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งผองเป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ถ้อยทีถ้อยอาศัย บนรากฐานของความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และการให้โอกาส ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะทางอาชีพ วุฒิการศึกษา ศาสนา ความเชื่อต่างๆ (ทุกวันนี้สังคมไทยขาดความเป็นภราดรภาพเพราะระบอบการเมืองเป็นเผด็จการ เพราะขาดหลักการปกครองโดยธรรม มานานถึง 76 ปีแล้ว)

7. หลักเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม (Unity of Law) การถือหลักเอกภาพของความหลากหลาย (Unity of Diversity) ความเป็นเอกภาพคือความสามัคคีธรรมและความสันติสุขของคนในชาติ บนความแตกต่างทางวุฒิการศึกษา อาชีพ ศาสนา ลัทธิฯ ลัทธิการเมือง ความเชื่อ ค่านิยม จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้นั้น ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีหลักการปกครองที่ถือธรรมเป็นใหญ่ คือ ธรรมาธิปไตย 9เท่านั้น

8. หลักดุลยภาพ (Balance law) ดุลยภาพเป็นอีกมิติหนึ่งของกฎธรรมชาติบนความสัมพันธ์ทั้งองค์รวมหรือทั้งระบบในส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด การตั้งอยู่ ทรงอยู่ ดำรงอยู่อย่าง ดุลยภาพ ได้นั้น เป็นความสัมพันธ์ระหว่างด้านเอกภาพมีลักษณะแผ่กระจายกับด้านความแตกต่างหลากหลาย มีลักษณะรวมศูนย์ จึงมีลักษณะพระธรรมจักร พระพุทธเจ้า สอนให้เห็นความถูกต้อง หรือสัมมาทิฐิ (Right View) เกิดขึ้นได้จากการตั้งปณิธานปรารถนาอย่างแรงกล้า แน่วแน่ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมวลมนุษยชาติ จะเป็นพลังผลักดันให้เกิดความเพียรในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา (Insight Meditation) กระทั่งรู้แจ้งสภาวธรรมตามเป็นจริง อันพิสูจน์ได้ซึ่งดำรงอยู่แล้วในมนุษยชาติทุกคน จึงไม่ได้บังคับให้เชื่อ

9. หลักนิติธรรม (Rule of Law)หลักกฎหมายหรือหลักนิติธรรมอันเป็นหลัก เป็นกฎเกณฑ์แห่งความยุติธรรม ในอดีตยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์นับแต่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงถือหลักทศพิธราชธรรมมาประยุกต์ใช้ปกครองบ้านเมืองสืบต่อกันเรื่อยมาโดยพระมหากษัตริย์

ในทางที่ถูกต้องในการปกครองแบบสมัยใหม่จะมีทั้ง หลักการปกครอง (Principle of Government) รูปการปกครอง (Form of Government) และวิธีการปกครอง (Method of Government) จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดในความเป็นธรรมของปวงชนในชาติ และหลักนิติธรรมนี้กำหนดขึ้นจากกฎธรรมชาติ โดยสอดคล้องกับลักษณะพิเศษของประเทศไทย คือ ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ หลักธรรมาธิปไตย 9 ดังกล่าวนี้เอง “ขอให้กองทัพแห่งชาติตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้ด่วน ก่อนที่ชาติของเราจะเกิดสงครามกลางเมืองยุ่งยากมากไปกว่านี้”
กำลังโหลดความคิดเห็น