วานนี้ (18 พ.ย.) เวลา 10.52 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อประกอบพระพิธีธรรมเลี้ยงพระ และพระราชพิธีเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระสงฆ์ 30 รูปที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพระพร และทรงประเคนภัตตาหารกลางวันแด่พระภิกษุสงฆ์และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 12.00 น.
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะจำนวน 30 รูป และทรงจุดธูปเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์ โดยมีพระธรรมกิตติวงศ์ วัดราชโอรสาราม ถวายเทศน์บนธรรมาสน์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงหลั่งทักษิโณทก ทรงประเคนจตุปัจจัยบูชากัณฑ์เทศน์ และเสด็จไปทรงทอดผ้าไตรและพระสงฆ์สดับปกรณ์ถวายพระพรลาออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์จำนวน 84 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์จนครบ
**พระบรมฯ-พระเทพฯเสด็จริ้ว 5
หลังจากที่พระสงฆ์สดับปกรณ์ผ้าไตรจนครบ 84 ไตรแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ลงจากบุษบกพระแท่นสุวรรณเบญจดลไปประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทยานเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เพื่อเตรียมตั้งริ้วขบวนที่ 5 คือการเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้นจึงเริ่มขบวนแห่พระอัฐิออกจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินตามไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พร้อมกันนี้ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตามขบวนเชิญพระโกศพระอัฐิด้วย
**ประดิษฐานพระวิมาน
เมื่อขบวนเชิญพระโกศพระอัฐิถึงที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิพักไว้หน้าพระวิมาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธสัมพรรโณภาศทรงกราบ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี(พระวิมานกลาง) และโปรดเกล้าให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เข้าที่ประดิษฐานที่ (พระวิมานด้านซ้าย) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระอัฐิ เมื่อเสร็จพระราชพิธีแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประทับยังรถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่กำลังมีการเคลื่อนริ้วขบวนที่ 5 นั้นได้มีสายฝนโปรยปรายลงมา ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า เสมือนฟ้าจะรับรู้ถึงพลังความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่พร้อมใจกันส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สู่สรวงสวรรค์
**พระโกศพระอัฐิลำดับที่ 12
สำหรับสถานที่ประดิษฐานพระโกศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนั้น พระโกศพระอัฐิจะตั้งอยู่ในลำดับที่ 12 ต่อจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8
โดยบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระโกศพระบรมอัฐิ พระอัฐิทั้งหมด 12 พระโกศ เริ่มที่ด้านพระวิมานกลางประกอบไปด้วย พระโกศพระบรมอัฐิของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5, สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี, สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า, สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชนีนาถ
ส่วนพระวิมานด้านซ้ายนั้นประกอบไปด้วย พระโกศพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7, สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ใน ร.7, สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ร.8 และพระโกศพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ในวันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 16.30 น.จะมีขบวนแห่ริ้ว 6 พระราชพิธีเชิญพระสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
**ปชช.แห่ชมนิทรรศการเนืองแน่น
วานนี้(18 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้มีประชาชนมารอเข้าชมนิทรรศการก่อนเวลาเปิดให้เข้าชม เป็นจำนวนมาก
นางองุ่น เสียงดี หญิงชรา อายุราว 70 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนจำอายุที่แน่นอนของตัวเองไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่จำได้ขึ้นใจคือพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่พระราชทานขาเทียมให้เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ซึ่งตนประสบอุบัติเหตุขาขาด ก่อนหน้านั้นชีวิตลำบากมาก แต่ภายหลังได้รับพระราชทานขาเทียมแล้วมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก โดยในครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประทับบนเก้าอี้ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ไม่ถือพระองค์ เมื่อพระราชทานขาเทียมให้แล้ว ทรงรับสั่งให้หมอใส่ให้ดู พร้อมรับสั่งถามว่า "ใส่ได้ดีไหม เดินเป็นอย่างไรบ้าง" ตนก็ตอบว่า "ดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจมาก โดยตอนนี้ก็ยังใช้ขาเทียมพระราชทานอยู่ซึ่งล่าสุดได้นำไปซ่อมที่ รพ.พระประแดง
"พระองค์มีพระกรุณาธิคุณมากล้น พูดถึงทีไรก็ร้องไห้ทุกครั้ง ตั้งแต่ทราบข่าวอาการประชวร ตนไม่สามารถไปได้ ได้แต่นั่งกราบหน้าจอโทรทัศน์ขอให้พระองค์หายประชวร จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ รู้สึกเสียใจเป็นที่สุด ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย" ป้าองุ่นกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า
พระวิทยา เรือนใส อายุ 21 ปี หนึ่งในพระ 7 รูปที่บวชถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เผยว่า รู้สึกเสียใจกับการสิ้นพระชนม์ หลังจากทราบข่าว ณ ตอนนั้นได้ตัดสินใจที่จะบวชทันที เพราะในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง การทำแค่นี้ก็ไม่เพียงพอด้วยซ้ำทีจะตอบแทนพระกรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อประชาชนชาวไทย
ส่วนพระชุมพล ถาวรธัมโม จากวัดปราสาท จ.ปราจีนบุรี กล่าวเช่นกันว่า เดินทางมาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. โดยก่อนหน้านี้ที่พระองค์ยังมีพระชนม์ ได้มาถวายพระพร เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็ตกใจอย่างมาก
"คนดีที่จากไปย่อมทำให้เกิดความเสียใจและตกใจซึ่งเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ทุกวันนี้นั่งสมาธิถวายให้พระองค์ วันนี้ได้ถ่ายรูปไปหลายรูป เพื่อนำไปล้างอัด และจัดบอร์ด ให้เด็กๆ ในชุมชนได้ซึมซับและรัก เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ เพราะดูจากทีวีอย่างเดียวได้ไม่นาน ไม่ซาบซึ้ง"พระชุมพลกล่าว
นางคนึงนิจ พึ่งมี อายุ 54 ปี จาก กทม. เปิดเผยว่า ตนพาสามีที่พิการทางขามาชมนิทรรศการฯ ด้วย เพราะสามีนั่งชมภาพในโทรทัศน์ก็รู้สึกว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งต้องแสดงออก เพราะไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระกรุณาธิคุณต่อพระองค์อย่างไร
**ต่างชาติทึ่งในความจงรักภักดี
ด้านนาง Barbara Erlizabeth Foster อดีตวิศวกรบริษัทยาในอเมริกา กล่าวว่า ปัจจุบันตนเกษียณแล้ว และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยราว 4 ปี และนี่เป็นครั้งที่ 4 ที่เดินทางมาชมพระเมรุ โดยตนไม่รู้สึกว่าเป็นอเมริกันชน แต่คิดว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รู้สึกรักและผูกพันกับราชวงศ์จักรีมาก
"ฉันอยู่ในเมืองไทยในเวลาจำกัดเพียงแค่ 4 ปี ไม่รู้จักภาษาไทยมากนัก แต่รู้สึกว่าสิ่งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ทำเป็นสิ่งที่มากมายมหาศาล และยิ่งใหญ่มาก การสิ้นพระชนม์นอกจากคนไทยเสียใจ ชาวต่างชาติอย่างฉันก็เสียใจเช่นกัน และจะมาชมนิทรรศการบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้"
นาย Cosges Scanpielle ชาวตูลูส ประเทศฝรั่งเศส เผยว่า มาเที่ยวในไทย 7 วันแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในไทย แต่เมื่อชมนิทรรศการก็ได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของความจงรักภักดีของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
**แห่โหลดเพลงรำลึกพระพี่นางฯ
น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและก่อสร้างพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวภายหลังร่วมพิธีเปิดนิทรรศการฯว่า ขณะนี้หมดหน้าที่ของตนแล้ว เมื่อทำงานแล้วงานออกมาดีทุกอย่าง รู้สึกสบายใจ และยิ่งได้มาเห็นประชาชน นักเรียน นักศึกษาแห่กันเข้ามาชมความงดงามของพระเมรุ อาคารประกอบโดยรอบ รวมทั้งภาพนิทรรศการของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กันเป็นจำนวนมาก ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มใจจนบอกไม่ถูก บ่งบอกถึงคนในชาติยังเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมของชาติ นับเป็นสิ่งที่ดีที่สมบัติของชาติยังมีคนช่วยกันรักษาไว้
ด้านนายวีระ โรจน์พจรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า วธ.ได้ตระหนักถึงพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่มีต่อคนพิการโดยเป็นองค์อุปถัมภ์คนพิการและมูลนิธิคนพิการต่างๆ ดังนั้น ในวันที่ 21-22 พ.ย. นี้ ทาง วธ.จะเปิดโอกาสให้นักเรียนของโรงเรียนคนพิการและมูลนิธิคนพิการที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 4 โรงเรียน จำนวน 200 คน ได้แก่โรงเรียนศรีสังวาลย์ จำนวน 50 คน โรงเรียนเศรษฐเสถียร จำนวน 50 คน สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด จำนวน 50 คน มูลนิธินกขมิ้น จำนวน 50 คน เข้าชมพระเมรุและอาคารประกอบ นอกจากนี้จะขยายไปยังโรงเรียนคนพิการตามต่างจังหวัดด้วย
สำหรับการจัดทำซีดีและดีวีดีเพลงมหกรรมคอนเสิร์ต “รำลึกราชกัลยาณี” วธ.ได้นำบทเพลงทั้งหมดมาลงเว็บไซต์ www.m-culture.go.th เพื่อให้ประชาชนดาวน์โหลดเก็บไว้ จำนวน 22 เพลง อาทิ เพลง Deep Impression เพลงสถิต ณ ดวงใจ เพลงเจ้าหญิงของเรา เพลงอาลัยสมเด็จพระพี่นาง เพลงแสงหนึ่งคือรุ้งงาม เพลงน้ำใจไม่มีกาลเวลา เพลงสู่สวรรค์นิรันดร เพลงพี่สาวพระเจ้าแผ่นดิน และเพลงแก้วกัลยา ผลปรากฏว่ามีประชาชนเข้ามาดาวน์โหลดเพลงดังกล่าวเป็นจำนวนมากกว่า 20,000 ครั้งต่อวัน จนทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะ อย่างไรก็ตามประชาชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดเพลงเหล่านี้ได้ในเว็บไซต์ของ วธ. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด
**"ศิษย์ในภาพ”เผยทรงตั้งพระทัยสอนยิ่ง
ผศ. อัมพร พัฒนอมร ประธานกรรมการหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มรภ.วไลยอลงกรณ์ หนึ่งในบุคคลผู้อยู่ในภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เปิดเผยว่าเป็นลูกศิษย์วิชาภาษาฝรั่งเศสของ "ทูลกระหม่อมอาจารย์" เป็นความภาคภูมิใจมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้รักในการศึกษาด้านภาษาจนยึดอาชีพเป็นอาจารย์มาจนทุกวันนี้
"ทรงไม่ถือพระองค์เลย ใส่พระราชหฤทัยในการสอนเป็นอย่างยิ่ง ทรงเตรียมการสอนมาอย่างดีมากในทุกๆ ชั่วโมง ในห้องมี 50 กว่าคน ท่านทรงตรวจการบ้านด้วยพระองค์เองทั้งหมด ไม่มีอาจารย์ผู้ช่วย และจะทรงตรวจในห้อง ให้เรารู้ว่าผิดตรงไหน ผิดอย่างไร จะทรงอธิบายโดยละเอียดจนกระทั่งเราเข้าใจชัดเจน"
เช่นเดียวกันกับ นางดาราวรรณ แสวงศักดิ์ จากแผนกบัตรโดยสาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกศิษย์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่กล่าวว่า สมัยเรียนภาษาฝรั่งเศสกับพระองค์ท่านตอนปี 4 ครั้งแรกที่เห็นพระองค์ก็เกรงว่าจะทรงดุ เพราะเห็นพระองค์นิ่งๆ แต่พอได้เรียน และทำกิจกรรมร่วมกันในห้อง ประทับใจในความอ่อนหวาน ใจดี และเทคนิคการสอนของพระองค์ เพราะจะมีวิธีที่สอนให้เข้าใจง่าย แบบค่อยเป็นค่อยไป
"พระองค์ทรงเข้าใจว่าภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาที่เข้าใจยาก เพราะไม่ใช่ภาษาของเรา แต่ท่านจะใช้วิธีสอนที่ค่อยเป็นค่อยไป ใครสงสัยให้ถาม มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระองค์เปิดโอกาสให้ถาม นิสิตก็แย่งกันถาม ฟังไม่รู้เรื่อง พระองค์ก็บอกว่า ใจเย็นๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ให้ตอบทีละคน ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจและรู้สึกดีและไม่เกร็งที่พระองค์ไม่ถือตัว ทรงเรียบง่าย ถือว่าพระองค์เป็นครูที่ประเสริฐ เข้าใจลูกศิษย์ คอยเป็นห่วง และทรงสนับสนุนลูกศิษย์ทุกคน" นางดาราวรรณกล่าว
นางดาราวรรณกล่าวอีกว่า ว่าเมื่อทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ แวบแรกรู้สึกใจหาย ไม่อยากเชื่อ จะจดจำพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไปจนวันตาย เพราะพระองค์คือครู คือนางฟ้าที่อยู่ในใจของคนไทยทุกคน ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยอย่างสงบ
**จัดใหญ่มหามงคล “5 ธันวามหาราช”
วันเดียวกัน ที่สโมสรตำรวจ ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช แถลงข่าวการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช” ว่า ปีพุทธศักราช 2551 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา มูลนิธิฯ เป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบพิธีถวายพระพรและจัดมหรสพสมโภช โดยการจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ และจังหวัดต่างๆ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยได้มีการจัดเตรียมงานให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
อาทิ ในวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 08.30 น.จะมีพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบรูพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในช่วงบ่ายจะมีพิธีปลงผมนาค ในวันที่ 2 ธ.ค.เวลา 18.00 น.จะมีพิธีทำขวัญนาค ในวันที่ 3 ธ.ค. เวลา 08.30 น.จะมีพิธีแห่นาคและอุปสมบท จำนวน 82 รูป ส่วนในวันที่ 4 ธ.ค. จะมีพิธีการเดินเฉลิมพระเกียรติ 3 กิโลเมตร รอบวัดพระแก้วและรอบพระบรมมหาราชวัง ในตอนบ่ายจะมีพิธีเปิดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพร
นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม. กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 6.30 น. กทม.จะเป็นเจ้าภาพในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 282 รูป และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลความสงบเรียบร้อยร่วมกับตำรวจในท้องที่ ตลอดทั้งงานด้วย ขณะที่ช่วงเย็นวันเดียวกันจะมีพิธีสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่ พิธีถวายเครื่องราช สักการะ จุดเทียนชัยถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ
นายจรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะมีการจัดงานแล้วยังมีการถ่ายทำละครเทิดพระเกียรติ “ปิดทองหลังพระ” ตอน ความฝันอันสูงสุด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นการให้กำลังใจแก่ทหาร ตำรวจ ครูและผู้เสียสละใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดออกอากาศ ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ในวันที่ 8 และ 9 ธ.ค. มีนักแสดงนำ อาทิ พ.ต.วันชนะ สวัสดี ที่รับบทเป็นผู้กองแคน นายศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็นหมวดตี้ และ ร.อ.สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระสงฆ์ 30 รูปที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพระพร และทรงประเคนภัตตาหารกลางวันแด่พระภิกษุสงฆ์และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 12.00 น.
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะจำนวน 30 รูป และทรงจุดธูปเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์ โดยมีพระธรรมกิตติวงศ์ วัดราชโอรสาราม ถวายเทศน์บนธรรมาสน์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงหลั่งทักษิโณทก ทรงประเคนจตุปัจจัยบูชากัณฑ์เทศน์ และเสด็จไปทรงทอดผ้าไตรและพระสงฆ์สดับปกรณ์ถวายพระพรลาออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์จำนวน 84 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์จนครบ
**พระบรมฯ-พระเทพฯเสด็จริ้ว 5
หลังจากที่พระสงฆ์สดับปกรณ์ผ้าไตรจนครบ 84 ไตรแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ลงจากบุษบกพระแท่นสุวรรณเบญจดลไปประดิษฐานบนพระที่นั่งราเชนทยานเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เพื่อเตรียมตั้งริ้วขบวนที่ 5 คือการเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
จากนั้นจึงเริ่มขบวนแห่พระอัฐิออกจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินตามไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พร้อมกันนี้ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตามขบวนเชิญพระโกศพระอัฐิด้วย
**ประดิษฐานพระวิมาน
เมื่อขบวนเชิญพระโกศพระอัฐิถึงที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิพักไว้หน้าพระวิมาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธสัมพรรโณภาศทรงกราบ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี(พระวิมานกลาง) และโปรดเกล้าให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เข้าที่ประดิษฐานที่ (พระวิมานด้านซ้าย) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระอัฐิ เมื่อเสร็จพระราชพิธีแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประทับยังรถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่กำลังมีการเคลื่อนริ้วขบวนที่ 5 นั้นได้มีสายฝนโปรยปรายลงมา ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า เสมือนฟ้าจะรับรู้ถึงพลังความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่พร้อมใจกันส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สู่สรวงสวรรค์
**พระโกศพระอัฐิลำดับที่ 12
สำหรับสถานที่ประดิษฐานพระโกศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนั้น พระโกศพระอัฐิจะตั้งอยู่ในลำดับที่ 12 ต่อจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8
โดยบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระโกศพระบรมอัฐิ พระอัฐิทั้งหมด 12 พระโกศ เริ่มที่ด้านพระวิมานกลางประกอบไปด้วย พระโกศพระบรมอัฐิของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5, สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี, สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า, สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชนีนาถ
ส่วนพระวิมานด้านซ้ายนั้นประกอบไปด้วย พระโกศพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7, สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ใน ร.7, สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ร.8 และพระโกศพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ในวันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 16.30 น.จะมีขบวนแห่ริ้ว 6 พระราชพิธีเชิญพระสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
**ปชช.แห่ชมนิทรรศการเนืองแน่น
วานนี้(18 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้มีประชาชนมารอเข้าชมนิทรรศการก่อนเวลาเปิดให้เข้าชม เป็นจำนวนมาก
นางองุ่น เสียงดี หญิงชรา อายุราว 70 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนจำอายุที่แน่นอนของตัวเองไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่จำได้ขึ้นใจคือพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่พระราชทานขาเทียมให้เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ซึ่งตนประสบอุบัติเหตุขาขาด ก่อนหน้านั้นชีวิตลำบากมาก แต่ภายหลังได้รับพระราชทานขาเทียมแล้วมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก โดยในครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประทับบนเก้าอี้ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ไม่ถือพระองค์ เมื่อพระราชทานขาเทียมให้แล้ว ทรงรับสั่งให้หมอใส่ให้ดู พร้อมรับสั่งถามว่า "ใส่ได้ดีไหม เดินเป็นอย่างไรบ้าง" ตนก็ตอบว่า "ดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจมาก โดยตอนนี้ก็ยังใช้ขาเทียมพระราชทานอยู่ซึ่งล่าสุดได้นำไปซ่อมที่ รพ.พระประแดง
"พระองค์มีพระกรุณาธิคุณมากล้น พูดถึงทีไรก็ร้องไห้ทุกครั้ง ตั้งแต่ทราบข่าวอาการประชวร ตนไม่สามารถไปได้ ได้แต่นั่งกราบหน้าจอโทรทัศน์ขอให้พระองค์หายประชวร จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ รู้สึกเสียใจเป็นที่สุด ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย" ป้าองุ่นกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า
พระวิทยา เรือนใส อายุ 21 ปี หนึ่งในพระ 7 รูปที่บวชถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เผยว่า รู้สึกเสียใจกับการสิ้นพระชนม์ หลังจากทราบข่าว ณ ตอนนั้นได้ตัดสินใจที่จะบวชทันที เพราะในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง การทำแค่นี้ก็ไม่เพียงพอด้วยซ้ำทีจะตอบแทนพระกรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อประชาชนชาวไทย
ส่วนพระชุมพล ถาวรธัมโม จากวัดปราสาท จ.ปราจีนบุรี กล่าวเช่นกันว่า เดินทางมาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. โดยก่อนหน้านี้ที่พระองค์ยังมีพระชนม์ ได้มาถวายพระพร เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ก็ตกใจอย่างมาก
"คนดีที่จากไปย่อมทำให้เกิดความเสียใจและตกใจซึ่งเป็นธรรมดาของสัตว์โลก ทุกวันนี้นั่งสมาธิถวายให้พระองค์ วันนี้ได้ถ่ายรูปไปหลายรูป เพื่อนำไปล้างอัด และจัดบอร์ด ให้เด็กๆ ในชุมชนได้ซึมซับและรัก เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ เพราะดูจากทีวีอย่างเดียวได้ไม่นาน ไม่ซาบซึ้ง"พระชุมพลกล่าว
นางคนึงนิจ พึ่งมี อายุ 54 ปี จาก กทม. เปิดเผยว่า ตนพาสามีที่พิการทางขามาชมนิทรรศการฯ ด้วย เพราะสามีนั่งชมภาพในโทรทัศน์ก็รู้สึกว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งต้องแสดงออก เพราะไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระกรุณาธิคุณต่อพระองค์อย่างไร
**ต่างชาติทึ่งในความจงรักภักดี
ด้านนาง Barbara Erlizabeth Foster อดีตวิศวกรบริษัทยาในอเมริกา กล่าวว่า ปัจจุบันตนเกษียณแล้ว และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยราว 4 ปี และนี่เป็นครั้งที่ 4 ที่เดินทางมาชมพระเมรุ โดยตนไม่รู้สึกว่าเป็นอเมริกันชน แต่คิดว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รู้สึกรักและผูกพันกับราชวงศ์จักรีมาก
"ฉันอยู่ในเมืองไทยในเวลาจำกัดเพียงแค่ 4 ปี ไม่รู้จักภาษาไทยมากนัก แต่รู้สึกว่าสิ่งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ทำเป็นสิ่งที่มากมายมหาศาล และยิ่งใหญ่มาก การสิ้นพระชนม์นอกจากคนไทยเสียใจ ชาวต่างชาติอย่างฉันก็เสียใจเช่นกัน และจะมาชมนิทรรศการบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้"
นาย Cosges Scanpielle ชาวตูลูส ประเทศฝรั่งเศส เผยว่า มาเที่ยวในไทย 7 วันแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในไทย แต่เมื่อชมนิทรรศการก็ได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของความจงรักภักดีของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
**แห่โหลดเพลงรำลึกพระพี่นางฯ
น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและก่อสร้างพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวภายหลังร่วมพิธีเปิดนิทรรศการฯว่า ขณะนี้หมดหน้าที่ของตนแล้ว เมื่อทำงานแล้วงานออกมาดีทุกอย่าง รู้สึกสบายใจ และยิ่งได้มาเห็นประชาชน นักเรียน นักศึกษาแห่กันเข้ามาชมความงดงามของพระเมรุ อาคารประกอบโดยรอบ รวมทั้งภาพนิทรรศการของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กันเป็นจำนวนมาก ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มใจจนบอกไม่ถูก บ่งบอกถึงคนในชาติยังเห็นความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมของชาติ นับเป็นสิ่งที่ดีที่สมบัติของชาติยังมีคนช่วยกันรักษาไว้
ด้านนายวีระ โรจน์พจรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า วธ.ได้ตระหนักถึงพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่มีต่อคนพิการโดยเป็นองค์อุปถัมภ์คนพิการและมูลนิธิคนพิการต่างๆ ดังนั้น ในวันที่ 21-22 พ.ย. นี้ ทาง วธ.จะเปิดโอกาสให้นักเรียนของโรงเรียนคนพิการและมูลนิธิคนพิการที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 4 โรงเรียน จำนวน 200 คน ได้แก่โรงเรียนศรีสังวาลย์ จำนวน 50 คน โรงเรียนเศรษฐเสถียร จำนวน 50 คน สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด จำนวน 50 คน มูลนิธินกขมิ้น จำนวน 50 คน เข้าชมพระเมรุและอาคารประกอบ นอกจากนี้จะขยายไปยังโรงเรียนคนพิการตามต่างจังหวัดด้วย
สำหรับการจัดทำซีดีและดีวีดีเพลงมหกรรมคอนเสิร์ต “รำลึกราชกัลยาณี” วธ.ได้นำบทเพลงทั้งหมดมาลงเว็บไซต์ www.m-culture.go.th เพื่อให้ประชาชนดาวน์โหลดเก็บไว้ จำนวน 22 เพลง อาทิ เพลง Deep Impression เพลงสถิต ณ ดวงใจ เพลงเจ้าหญิงของเรา เพลงอาลัยสมเด็จพระพี่นาง เพลงแสงหนึ่งคือรุ้งงาม เพลงน้ำใจไม่มีกาลเวลา เพลงสู่สวรรค์นิรันดร เพลงพี่สาวพระเจ้าแผ่นดิน และเพลงแก้วกัลยา ผลปรากฏว่ามีประชาชนเข้ามาดาวน์โหลดเพลงดังกล่าวเป็นจำนวนมากกว่า 20,000 ครั้งต่อวัน จนทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะ อย่างไรก็ตามประชาชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดเพลงเหล่านี้ได้ในเว็บไซต์ของ วธ. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด
**"ศิษย์ในภาพ”เผยทรงตั้งพระทัยสอนยิ่ง
ผศ. อัมพร พัฒนอมร ประธานกรรมการหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มรภ.วไลยอลงกรณ์ หนึ่งในบุคคลผู้อยู่ในภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เปิดเผยว่าเป็นลูกศิษย์วิชาภาษาฝรั่งเศสของ "ทูลกระหม่อมอาจารย์" เป็นความภาคภูมิใจมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้รักในการศึกษาด้านภาษาจนยึดอาชีพเป็นอาจารย์มาจนทุกวันนี้
"ทรงไม่ถือพระองค์เลย ใส่พระราชหฤทัยในการสอนเป็นอย่างยิ่ง ทรงเตรียมการสอนมาอย่างดีมากในทุกๆ ชั่วโมง ในห้องมี 50 กว่าคน ท่านทรงตรวจการบ้านด้วยพระองค์เองทั้งหมด ไม่มีอาจารย์ผู้ช่วย และจะทรงตรวจในห้อง ให้เรารู้ว่าผิดตรงไหน ผิดอย่างไร จะทรงอธิบายโดยละเอียดจนกระทั่งเราเข้าใจชัดเจน"
เช่นเดียวกันกับ นางดาราวรรณ แสวงศักดิ์ จากแผนกบัตรโดยสาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกศิษย์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่กล่าวว่า สมัยเรียนภาษาฝรั่งเศสกับพระองค์ท่านตอนปี 4 ครั้งแรกที่เห็นพระองค์ก็เกรงว่าจะทรงดุ เพราะเห็นพระองค์นิ่งๆ แต่พอได้เรียน และทำกิจกรรมร่วมกันในห้อง ประทับใจในความอ่อนหวาน ใจดี และเทคนิคการสอนของพระองค์ เพราะจะมีวิธีที่สอนให้เข้าใจง่าย แบบค่อยเป็นค่อยไป
"พระองค์ทรงเข้าใจว่าภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาที่เข้าใจยาก เพราะไม่ใช่ภาษาของเรา แต่ท่านจะใช้วิธีสอนที่ค่อยเป็นค่อยไป ใครสงสัยให้ถาม มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระองค์เปิดโอกาสให้ถาม นิสิตก็แย่งกันถาม ฟังไม่รู้เรื่อง พระองค์ก็บอกว่า ใจเย็นๆ ฟังไม่รู้เรื่อง ให้ตอบทีละคน ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจและรู้สึกดีและไม่เกร็งที่พระองค์ไม่ถือตัว ทรงเรียบง่าย ถือว่าพระองค์เป็นครูที่ประเสริฐ เข้าใจลูกศิษย์ คอยเป็นห่วง และทรงสนับสนุนลูกศิษย์ทุกคน" นางดาราวรรณกล่าว
นางดาราวรรณกล่าวอีกว่า ว่าเมื่อทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ แวบแรกรู้สึกใจหาย ไม่อยากเชื่อ จะจดจำพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ไปจนวันตาย เพราะพระองค์คือครู คือนางฟ้าที่อยู่ในใจของคนไทยทุกคน ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยอย่างสงบ
**จัดใหญ่มหามงคล “5 ธันวามหาราช”
วันเดียวกัน ที่สโมสรตำรวจ ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช แถลงข่าวการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา “5 ธันวามหาราช” ว่า ปีพุทธศักราช 2551 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา มูลนิธิฯ เป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบพิธีถวายพระพรและจัดมหรสพสมโภช โดยการจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ธ.ค. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ และจังหวัดต่างๆ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยได้มีการจัดเตรียมงานให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
อาทิ ในวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 08.30 น.จะมีพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบรูพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในช่วงบ่ายจะมีพิธีปลงผมนาค ในวันที่ 2 ธ.ค.เวลา 18.00 น.จะมีพิธีทำขวัญนาค ในวันที่ 3 ธ.ค. เวลา 08.30 น.จะมีพิธีแห่นาคและอุปสมบท จำนวน 82 รูป ส่วนในวันที่ 4 ธ.ค. จะมีพิธีการเดินเฉลิมพระเกียรติ 3 กิโลเมตร รอบวัดพระแก้วและรอบพระบรมมหาราชวัง ในตอนบ่ายจะมีพิธีเปิดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพร
นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม. กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 6.30 น. กทม.จะเป็นเจ้าภาพในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 282 รูป และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลความสงบเรียบร้อยร่วมกับตำรวจในท้องที่ ตลอดทั้งงานด้วย ขณะที่ช่วงเย็นวันเดียวกันจะมีพิธีสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่ พิธีถวายเครื่องราช สักการะ จุดเทียนชัยถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ
นายจรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะมีการจัดงานแล้วยังมีการถ่ายทำละครเทิดพระเกียรติ “ปิดทองหลังพระ” ตอน ความฝันอันสูงสุด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นการให้กำลังใจแก่ทหาร ตำรวจ ครูและผู้เสียสละใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดออกอากาศ ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ในวันที่ 8 และ 9 ธ.ค. มีนักแสดงนำ อาทิ พ.ต.วันชนะ สวัสดี ที่รับบทเป็นผู้กองแคน นายศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็นหมวดตี้ และ ร.อ.สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก