“แบม” รับแห้ว ส.ส.ขอเว้นวรรคการเมืองชิมลางละครรับบท “แม่พลอย” บ่นอุบตนหน้าแก่จนรับบทแม่ “อภิสิทธิ์” ผ่านฉลุย แย้มหวังพรรคชาติไทยไม่โดนคดียุบพรรค แจงตนรอจังหวะสวยลงสู้ศึกการเมืองอีกครั้ง พร้อมปัดพรรคดังรุมจีบยันอนาคตไม่มีสังกัดแต่ก็รับใช้งานการเมืองได้
ได้ฤกษ์บวงสรวงเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับละครเทิดพระเกียรติ ซึ่ง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า นำบทประพันธ์เรื่อง "สี่แผ่นดิน" จัดทำเป็นละครเรื่อง “พระปกเกล้าราชา ก่อนาวาประชาธิปไตย” โดยมีนักแสดงกิตติมศักดิ์ร่วมงาน อาทิ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับบทอั้น บุตรคนรอง และ “จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์” นักการเมืองหญิงคนดัง รับบท “แม่พลอย”
โดยอดีตนักการเมืองหญิงคนสวยเปิดใจถึงสาเหตุที่รับเล่นละครกับบทบาทแม่พลอยที่เกินวัย ลั่นเป็นภารกิจช่วงว่างจากการสอบตก ส.ส.นั่นเอง
“แบมเคยเล่นละครเทิดพระเกียรติเหมือนกันนะค่ะเรื่อง “พ่อ ความฝันอันสูงสุด” เรื่องนั้นถวายองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่นกับพี่วิลลี่ ตอนนั้นก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งสมัยใหม่ แต่อันนี้โครงเรื่องเป็นของสี่แผ่นดิน ความจริงแบมเองที่รับเล่นเรื่องนี้เพราะมีความผูกพันโดยตรงกับทางสถาบันสมเด็จพระปกเกล้าเพราะเป็นนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ปปร.5 อยู่แล้ว อันแรกเลย”
“อันที่สองเนี่ยเรื่องของประชาธิปไตยแบมเองก็เป็นอดีต ส.ส.มาก่อนมา 2 สมัย 5 ปี ละครเรื่องนี้พยายามจะสื่อเรื่องราวถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าท่านพระราชทานประชาธิปไตยแด่ปวงชนชาวไทยถึงปัจจุบันนี้ทำให้พวกเรามีรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นคิดว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้ถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ท่านที่ทำให้เรามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศถึงทุกวันนี้”
บอกสุดปลื้มได้เล่นเป็นแม่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ชมแม้เรื่องจริงอายุมากกว่าแต่คงใบหน้าแอ๊บแบ๊วกว่าตน
“บทบาทเป็นแม่พลอยยุคที่มีลูกโตแล้วนะค่ะ แม่พลอยอายุ 45 สงสัยทางผู้จัดคงจะดูถึงวัยแล้วไม่ทราบแต่ไม่เป็นไรมีลูกชายที่น่ารัก (ยิ้ม) นะค่ะ มีน้องบีม (กวี ตันจรารักษ์) เป็นลูกชายคนเล็กสุด และได้รับเกียรติอย่างยิ่งเลยเพราะได้เป็นคุณแม่ท่านผู้นำฝ่ายค้าน (หัวเราะ) คือท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะมีสักกี่คนจะมีโอกาสได้เล่นเป็นแม่นะค่ะ”
“แต่ว่าท่านอภิสิทธิ์หน้าตาท่านยังเด็กอยู่นะค่ะ สงสัยแบมเองกลับที่ต้องมารับบทคุณแม่ คงไม่ต้องทำอะไรมากไปด้วยธรรมชาติอยู่แล้ว อาจจะต้องแต่งหน้าแซมผมขาว แต่จริงๆ ไม่ต้องแซมมากนะเริ่มมีแล้วเหมือนกัน (หัวเราะ)”
วกถามเรื่องการเมือง หลังจาก กกต. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย ถามถึงในฐานะที่เคยเป็นกล่องดวงใจของท่าน “บรรหาร” รู้สึกอย่างไร เผยถึงอย่างไรจะเดินตามหลังผู้นำพรรคชาติไทยตลอดไปและหวังพรรคตนไม่ถูกยุบ
“แล้วแต่ในส่วนของท่านว่าท่านจะดำเนินกิจการในพรรคการเมืองอย่างไร เพราะแบมเข้ามาทำงานในพรรคชาติไทยด้วยความศรัทธาในตัวท่านหัวหน้าพรรคและหวังว่าจะไม่ต้องมีการตัดสินใจเช่นนั้น หวังว่าทางพรรคเองคงไม่ถูกยุบเพราะว่าเราเป็นพรรคที่เก่าแก่และอยู่มานานมาก แบมเองในส่วนของการเมืองหลังจากได้เรียนไปว่าหลังจากที่ไม่ได้มีโอกาสมาเป็น ส.ส.และได้กราบเรียนท่านหัวหน้าพรรคขอเว้นวรรคทางด้านการเมืองจะได้ทำเรื่องส่วนตัวหลายๆ เรื่องที่ไม่ได้มีเวลาทำมาเป็นระยะเวลานานด้วย”
ต่อข้อถามว่าจะเดินทางเข้าสู่สนามการเมืองใหม่อีกนานไหมหลังอยากเว้นวรรคงานการเมืองเพื่อสะสางภารกิจส่วนตัว เผยทั้งหมดขึ้นอยู่กับจังหวะที่เหมาะสม
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะตรงนั้นด้วยเพราะว่าการเมืองพูดยากวางแผนยาวๆ บางทีไม่ได้ไม่เป็นตามแผนนั้นถ้าจังหวะมันให้แล้วเรามีโอกาสที่จะได้ทำอะไรในตอนนั้นในตำแหน่งอื่นๆ ก็ได้ อาจจะไม่ได้ลงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ก็ได้ อาจเป็นการทำงานอยู่เบื้องหลังก็ได้แบมเองไม่ได้จำกัดตัวเองว่าการทำงานการเมืองจะต้องเป็นการทำงานในการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างเดียว”
“ถามว่าอยากจะอยู่ในวงการการเมืองต่อหรือไม่ ก็ถ้าจะเป็นประโยชน์ตรงไหนก็อยากจะร่วมกิจกรรมตรงนั้นแต่ว่าอยู่ที่เวลาของเราและโอกาสของเราด้วยว่าเราจะทำตรงไหนแล้วเราจะทำได้อย่างดี”
เปรยหากมีพรรคอื่นเข้ามาจีบยังไม่พร้อมเปิดประตูรับจนกว่าภาพของพรรคชาติไทยจะชัดเจนมากกว่านี้ ซึ่งตนอาจทำงานเบื้องหลังการเมืองโดยไม่มีพรรคสังกัดก็เป็นได้
“ยังไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเลยค่ะ แล้วก็ยังอยู่กับพรรคชาติไทยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยอยู่ก็คงจะต้องรอให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นถึงจะคิดเพราะตอนนี้ในส่วนของพรรคเองแม้เป็นสมาชิกของพรรคยังไม่ได้ทำกิจกรรมของพรรคเท่าไรเลย”
“เพราะอย่างที่บอกมันเป็นโอกาสที่เราจะมาจัดการกับเรื่องส่วนตัวมีหลายๆ เรื่องที่เราไม่ค่อยได้ทำนะค่ะ ตรงนั้นก็ว่าอีกทีหนึ่ง การเมืองเองก็มีหลายๆ อย่างที่สังกัดพรรคเองได้และไม่สังกัดพรรคก็ได้หลายๆ กิจกรรมที่ทำ อยากให้มองการเมืองให้กว้างเพราะแบมมองการเมืองกว้างกว่าการทำกิจกรรมร่วมกับพรรคอย่างเดียว”
รับสุดเอือมกับวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองที่วุ่นวายของรัฐบาล “สมัคร”
“โอย...ทุกคนรู้สึกกันมาเป็นปีแล้วแบมก็เหมือนกันแล้วอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านมาตลอด และเรื่องตั้งคราวที่แล้วเป็นอะไรที่หนักมากก็ในใจยังคิดเลยว่าเห็นใจคนที่เข้าไปอยู่ในสภาตอนนี้นะเราเองถือว่าโชคดีถ้าเข้าไปคงปวดหัวและก็ทุกข์เหมือนกัน”
“เพราะเราเข้าไปคงอยากทำหลายๆ อย่างที่คิดว่าอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเฝ้าติดตามด้วยการให้กำลังใจคณะผู้บริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและประชาชนทุกคนด้วยเพราะเศรษฐกิจแย่มากตอนนี้และทุกคนก็รับผลกระทบมาก แบมเองทำธุรกิจเห็นใจจริงๆ นะคะ เป็นแค่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งและคงทำอะไรไม่ได้เยอะเท่าไร”