xs
xsm
sm
md
lg

พระบรมฯ ทรงเก็บพระอัฐิสมเด็จฯ กรมหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ในพิธีเก็บพระอัฐิและเชิญ พระโกศพระอัฐิพระสรีรางคาร พร้อมโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ตามพระโกศพระอัฐิสู่พระบรมมหาราชวัง ด้าน “น.อ.อาวุธ” เผยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีรับสั่งชม “งานเรียบร้อยดี กรมศิลปากร ขอบใจ” สร้างความปลาบปลื้มให้คณะทำงานเป็นอย่างมาก พร้อมชวนคนไทยร่วมชมความงดงามพระเมรุมณฑลพิธีท้องสนามหลวง 18-30 พ.ย. ขณะที่สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริเตรียมพันธุ์ไม้ใหม่ เพื่อทดแทนพันธุ์ไม้ที่หมดอายุในสัปดาห์หน้า 55,000 ต้น

วานนี้ (16.พ.ย) เวลา 08.35 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ในพิธีเก็บพระอัฐิและเชิญพระโกศพระอัฐิพระสรีรางคาร จากพระเมรุ ท้องสนามหลวงไปยังพระบรมมหาราชวัง

เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ด้านหลังพระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณวรีนารีรัตน์ โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เฝ้ารอรับเสด็จ

**สมเด็จพระบรมฯ ทรงเก็บพระอัฐิ
จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระอัฐิ ถวายสรงพระอัฐิ ด้วยน้ำพระสุคนธ์ทั่วแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาถวายผ้าตาดคลุมพระอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรสามหาบ พระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์พระอัฐิ พระสงฆ์สดับปกรณ์ครบ 6 รูปแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระอัฐิ จากนั้นทรงเก็บพระอัฐิ สรงพระสุคนธ์ เชิญลงในพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร และโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิลงจากพระเมรุไปยังพระที่นั่งทรงธรรม

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จฯ ตาม ประทับที่หน้าอาสนสงฆ์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงประเคนโตกสำรับภัตตาหารสามหาบแด่พระสงฆ์ 6 รูป พระสงฆ์สามหาบ ฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ถวายเครื่องสังเค็ดงานพระราชทานเพลิงพระศพแด่พระสงฆ์ 30 รูป ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรกกลับ พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตรถวายพระสงฆ์ สดับปกรณ์พระอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรกกลับ

**พระเทพฯเสด็จฯตามพระโกศ
สู่พระบรมมหาราชวัง

จากนั้นในเวลา 9.40 น.เริ่มตั้งขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิและพระสรีรางคารเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบก พระที่นั่งราเชนทรยาน เชิญพระสรีรางคารประดิษฐานในพระวอสีวิกากาญจน์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฎราชมาร เสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งทรงธรรมโดยรถยนต์พระที่นั่งไปทรงรอรับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ต่อมาในเวลา 10.09 น.จึงมีการเคลื่อนริ้วขบวนที่ 4 ขบวนพระอิสริยยศพระอัฐิเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ตามพระโกศพระอัฐิเข้าสู่พระบรมมหาราชวังยาตราขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิ - พระสรีรางคาร โดยพระสรีรางคารแยกเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามทางประตูเกยหลังวัด เพื่อเชิญพระผอบพระสรีรางคารพักไว้ที่พระศรีรัตนเจดีย์ ส่วนขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐินั้นจะเข้าประตูพิมานไชยศรี เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรอรับพระโกศพระอัฐิที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยานเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้าทอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ขึ้นมาประทับยัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อเจ้าพนักงานภูษามาลาประดิษฐานพระโกศพระอัฐิเรียบร้อยแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระอัฐิ และเสด็จพระราชดำเนินกลับ

**บำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิวันนี้
สำหรับวันนี้(17 พ.ย.) จะเป็นวันออกทุกข์งดสวมชุดดำโดยในเวลา 16.30 น.จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนวันอังคารที่ 18 พ.ย. เวลา10.30 น.จะมีพระพิธีธรรมเลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และพระราชพิธีเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และในวันพุธที่ 19 พ.ย.เวลา 16.30น.จะมีพระราชพิธีเชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

**สมเด็จพระบรมฯรับสั่งขอบใจ-งานเรียบร้อยดี
วานนี้(16 พ.ย.)ที่กรมศิลปากร นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและก่อสร้างพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ออกแบบและก่อสร้างพระเมรุ ตนได้ทำหน้าที่สุดท้ายเมื่อคืนของวันที่ 15 พ.ย. ในการรื้อจิตกาธานก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯขึ้นไปสดับปกรณ์บนพระเมรุ ตรงนี้เองสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีรับสั่งกับตนและผู้บริหารกรมศิลปากรใจความว่า "งานเรียบร้อยดี กรมศิลปากร ขอบใจ" สร้างความปลาบปลื้มให้คณะทำงานเป็นอย่างมาก

น.อ.อาวุธกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 18 พ.ย.นี้เป็นต้นไปกรมประชาสัมพันธ์จะจัดให้ประชาชนเข้าชมบริเวณพระเมรุมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ดังนั้น จึงอยากจะเชิญชวนให้ประชาชน เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามาชมพระเมรุและองค์ประกอบพระเมรุของจริงว่าสวยงามมากกว่านั่งชมถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์แค่ไหน ซึ่งทุกอย่างที่ดำเนินการไปด้วยความประณีต เป็นไปตามโบราณราชประเพณี มีความยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ มีแบบแผน และสง่างาม

“การก่อสร้างพระเมรุองค์ประกอบพระเมรุ ในริ้วขบวนพระอิสริยยศ เป็นการรักษาโบราณราชประเพณีอันดีงามของไทย ตรงนี้อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาศึกษาและช่วยกันสืบทอด เดี๋ยวคนรุ่นผมก็ไปแล้ว คนรุ่นใหม่นั่นแหละต้องช่วยเข้ามาสืบทอด ประธานคณะทำงานออกแบบและก่อสร้างพระเมรุกล่าว

**กรมศิลป์ยกความดีให้กับทุกคณะทำงาน
นายเกรียงไกรสัมปัชชลิต
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีรับสั่งผู้บริหารกรมศิลปากรใจความว่า “งานเรียบร้อยดี กรมศิลปากร ขอบใจ” นั้น ต้องขอยกความดีให้กับคณะทำงาน นายช่าง และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกคนรู้หน้าที่ของตนดีว่าต้องทำอะไร มีการเรียงลำดับก่อนหลัง ทำให้งานมีความสมบูรณ์ ราบรื่น และรวดเร็ว เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯในระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.แล้ว กรมประชาสัมพันธ์จะดำเนินการจัดนิทรรศการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ในบริเวณพระเมรุ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 18-30 พ.ย. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาชมความงดงามของพระเมรุพระที่นั่งทรงธรรม อาคารประกอบอื่นๆ อย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน จะมีการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับคติความเชื่อการจัดสร้างพระเมรุด้วย

นายเกรียงไกรกล่าวต่อไปว่า ส่วนการอัญเชิญราชรถน้อย พระยานมาศ เสลี่ยงกลีบบัวมาจัดภายในนิทรรศการหรือไม่นั้นเห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะการอัญเชิญราชรถ และพระยานมาศออกจากโรงราชรถ จะต้องมีพิธีบวงสรวง และนำมาใช้งานเท่านั้น หากประชาชนอยากจะเข้าชมให้มาชมได้ที่ โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครจะดีกว่า

“ช่วงระหว่างที่กรมประชาสัมพันธ์เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการภายในพระเมรุกรมศิลปากร จะขอความร่วมมือให้กรมประชาสัมพันธ์ ช่วยดูแลการจัดระบบการเข้าชม จำกัดจำนวนผู้เข้าชมให้เกิดความเหมาะสม และขอความร่วมมือไปยังประชาชนให้ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมโดยรอบพระเมรุ อย่านำไม้ดอกไม้ประดับออกไปจากพื้นที่ เพราะจะทำให้คนที่มาชมภายหลังไม่ได้เห็นความสวยงาม อย่างไรก็ตาม ให้รอฟังประกาศจากทางราชการว่า จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาเก็บดอกไม้เมื่อใดจะเหมาะสมกว่า”อธิบดีกรมศิลปากรกล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนการดำเนินการพระเมรุภายหลังเสร็จสิ้นการจัดนิทรรศการแล้ว กรมศิลปากร จะดำเนินการรื้อถอน พระเมรุ และอาคารประกอบอื่นๆ โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้หน่วยงานต่างๆ ส่วนที่2 เปิดประมูลและส่วนที่ 3 จะนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เช่น พระโกศจันทน์ รูปปั้นเทวดา สัตว์หิมพานต์ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาอีกด้วย

**”สมชาย”ขอบคุณทุกฝ่ายที่จัดงาน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี
  กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชน ซึ่งหลังเสร็จพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  บริเวณถนนราชดำเนินประชาชนยังอยู่กันเนืองแน่นก็ภาคภูมิใจที่เห็นว่าทุกคนใจจดใจจ่อ ร่วมกันแสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ทุกคนอยากจะมีส่วนร่วม เพราะในหัวใจของคนไทยทุกคนมีความจงรักภักดี ซึ่งงานครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดเจน 

ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และการจัดงานทั้งหมดเท่าที่ดูแล้ว  แม้พระราชพิธียังไม่จบสิ้น  แต่งานทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ทุกอย่างจัดได้อย่างสมพระเกียรติ  ถือเป็นความร่วมมือของทุก ๆ คน ต้องขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการจัดงานที่ได้ร่วมกันจัดงานมาตั้งแต่ต้น ถึงวันนี้ทุกคนก็หายเหนื่อย รวมทั้งฝ่ายจัดริ้วขบวนพระอิสริยยศ ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก  ได้นำกำลังพลมาเดินในริ้วขบวนทำให้งานยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ

**ขอความร่วมมือช่วยรักษาความงามรอบพระเมรุ
นายประวิทย์ บุญมี
ผู้อำนวยการฝ่ายเกษตร สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวถึงการชมความงามของพระเมรุ และไม้ดอกไม้ประดับโดยรอบ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงว่า จะมีการเปิดนิทรรศการ “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ในระหว่างวันที่ 18 -30 พ.ย.นี้ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมความงามของพระเมรุ และภูมิทัศน์โดยรอบ โดยทั้งในระหว่างงานนิทรรศการและระหว่างนี้ขอความร่วมมือประชาชนที่ชมความงาม ช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่รอบสนามหลวง อย่าได้หยิบ เด็ด ดึง จับ ถอน ดอกไม้ และไม้ประดับอื่นๆ

“หากจะถ่ายรูปก็ขออย่าได้เข้าไปนั่งหรือดึงดอกไม้ตามสนามหญ้า เพื่อให้ความสวยงามดังกล่าวยังคงทน และให้คนที่มาภายหลังไปรับชมความสวยงามที่เท่าเทียมเหมือนวันแรก ไม่ใช่นานวันความงดงามลดลง”นายประวิทย์ กล่าวและว่า ส่วนการแจกดอกไม้ในมณฑลพิธีนั้น จะดำเนินการหลังเสร็จสิ้นการจัดงานนิทรรศการในวันที่ 30 พ.ย.นี้เท่านั้น”

**เตรียมนำพันธุ์ไม้ 55,000 ต้นเสริม
นายประวิทย์กล่าวต่อว่าระหว่างวันที่ 18 -30 พ.ย.ว่า ได้จัดเตรียมพันธุ์ไม้ใหม่ เพื่อทดแทนพันธุ์ไม้ที่หมดอายุในสัปดาห์หน้า เกือบ 27% จำนวน 55,000 ต้น ส่วนใหญ่เป็นดอกไม้เมืองหนาว อาทิ อาชูการ์ ฟอร์เก็ตมีนอท ไวโอล่า พิทูเนีย มอร์นิ่งกอรี่ ลิ้นมังกร เพื่อให้ความสวยงามคงทนไปจนถึงสิ้นเดือน ส่วนในเขตรั้วราชวัติ และรอบพระเมรุ จะยังคงสภาพเดิมทุกประการ เน้นพันธุ์ไม้สีฟ้าอมม่วงเป็นหลัก

สำหรับพันธุ์ไม้ที่ห่วงเป็นพิเศษที่ต้องดูแลให้สวยงามคงทนตลอดงานนิทรรศการ คือ โลบีเรีย บูลมูน เนื่องจากเป็นไม้เมืองหนาวมีกลีบบาง หากมีฝนตกหนัก หรือแดดร้อนจัด กลีบดอกจะได้รับความเสียหาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนพันธุ้ไม้ใหม่ที่มีกลีบหนาเข้ามาทดแทน เนื่องจากมีความคงทนมากกว่า แต่ยังคงเน้นเป็นดอกไม้สีฟ้าเป็นหลัก ส่วนดอกฟอร์เก็ตมีนอท ซึ่งถือเป็นดอกไม้สำคัญของงาน เพราะสื่อความหมายว่า  “พสกนิกรจะจดจำพระองค์ไปชั่วนิจนิรันดร์” มีปัญหาเรื่องกลีบโรยเร็ว ขณะนี้ได้สั่งการให้เตรียมต้นไม้ใหม่มาทดแทนแล้ว 

นายประวิทย์กล่าวว่า การดูแลไม้ดอกไม้ประดับรอบพระเมรุนั้น มีการให้ปุ๋ยและสารเคมีบ้าง เพื่อให้ดอกไม้คงทน และเป็นแนวทางเดียวกับสวนแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แต่สิ่งที่ห่วงมาก คือ เรื่องของคนที่เดินทางเข้ามา ขอความร่วมมือให้ช่วยดูแลต้นไม้ และคำนึงถึงคนข้างหลังเสมอ อย่าดึง อย่าถอนดอกไม้ต้นไม้ เพื่อให้ความงามดังกล่าวเก็บไว้ชื่นชมได้นาน และมีความสมบูรณ์เหมือนเช่นวันแรกที่เปิดให้เข้าชม อย่างไรก็ตาม คงไม่มีปักป้ายห้ามหรือกั้นรั้วเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเคารพต่อสถานที่ และมีความระมัดระวัง

**บุตรชายปู่ประสมเผยภูมิใจที่สุด
นายวิริยะ สุสุทธิ
บุตรชายคนสุดท้อง หรือคนที่ 8 ของนายประสม สุสุทธิ หัวหน้าคณะช่างแทงหยวก จาก จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า การที่ได้ถวายงานของครอบครัวสุสุทธิ ที่มีบิดาและพี่ชายอีก 7 คน รวมถึงหลาน ๆ ในการแทงหยวกประดับตกแต่งพระจิตกาธาน ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นับเป็นความสูงสุดของการทำงาน ที่ทำอย่างสุดความสามารถเต็มพลกำลังและฝีมือ ถือเป็นตัวแทนของช่างเมืองเพชร  และความดีใจที่สุดคือได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดถวายแด่พระองค์ โดยเฉพาะความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดมิได้จากพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับ นายประสม เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ รักษาอาการมะเร็งปอดและไตอักเสบ แพทย์โรงพยาบาลศิริราชล้างไตแล้วสองครั้ง และอยู่ระหว่างเตรียมขั้นตอนการผ่าตัด.

**ปชช.เช้าร่วมงานไม่ขาดสาย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่มณฑลพิธี ท้องสนามหลวงว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวานนี้(16 พ.ย.) ประชาชนยังคงเดินทางมาที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงอย่างไม่ขาดสาย หลังส่วนหนึ่งกลับไปเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ขณะที่มีบางส่วนนอนค้างที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อรอชมมหรสพที่แสดงจนถึงรุ่งเช้า และรอรับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงชมริ้วขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระอัฐิ-พระสรีรางคาร

**สื่อนอกจำนวนมากติดตามรายงานข่าว**
ทางด้านสื่อมวลชนต่างประเทศจำนวนมาก ให้ความสนใจติดตามรายงานข่าวงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อาทิ สำนักข่าวเอเอฟพี, สำนักข่าวเอพี, สำนักข่าวรอยเตอร์, สำนักข่าวยูพีไอ, สำนักข่าวบลูมเบิร์ก, สำนักข่าวซินหัวของจีน, สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ของกาตาร์, สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย, โทรทัศน์บีบีซี, โทรทัศน์แชนเนลนิวส์เอเชีย ของสิงคโปร์, วิทยุเอบีซี ของออสเตรเลีย, วิทยุเนเธอร์แลนด์, เว็บไซต์เอเชียวัน ของสิงคโปร์

เอเอฟพีไปสัมภาษณ์ นายสมาน ศรีงาม อายุ 52 ปี ซึ่งเล่าว่า ตนเองไม่ได้นอนหลับ แต่ทำสมาธิตลอดทั้งคืนวันเสาร์(15) ขณะที่แชนเนลนิวส์เอเชียรายงานว่า มีสตรีกลุ่มหนึ่งจากจังหวัดชุมพร เดินทางกันตลอดทั้งคืนวันศุกร์ เพื่อเข้าร่วมส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ สู่สวรรคาลัย สตรีผู้หนึ่งในกลุ่มนี้บอกว่า เธอรักสมเด็จพระพี่นางมาก เพราะพระองค์ทรง “ติดดิน” ขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวว่า พระองค์ทรงงานหนักมากเพื่อพสกนิกร ดังนั้นตนเองจึงต้องเข้าร่วมงานส่งเสด็จคราวนี้ เพื่อแสดงความรำลึกความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่อีกคนหนึ่งก็กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย รู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถมีส่วนมีบทบาทเล็กๆ ของตนเอง ด้วยการเข้าร่วมงานพระราชพิธีคราวนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น