เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (16 พ.ย.) ที่บ้านพักเบเวอร์ลี่ฮิวส์ ถนนแจ้งวัฒนะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เคยบอกว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ ว่า ตนยังไม่ได้ระบุว่าจะปรับครม.วันไหน งานพระราชพิธีฯ จะมีการไว้ทุกข์ในวันที่ 14-16 พ.ย. แต่งานจริงๆ จะมีถึงวันที่ 19 พ.ย. จากนั้นระหว่างวันที่ 20-26 พ.ย. ตนต้องไปร่วมประชุม เอเปก ที่ประเทศเปรู ดังนั้นอย่าเพิ่งไปพูดว่าจะปรับครม.วันไหน สำหรับเรื่องตัวบุคคลนั้นได้คิดไว้แล้ว แต่ยังไม่เจาะจง 100 % ตอนนี้ยังพูดไรมากไม่ได้
เมื่อถามว่าจะปรับอย่างไร ปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ จะมีการสลับตำแหน่งหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ปรับไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ซึ่งจะต้องหารือกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งก่อน เมื่อถามว่าจะมีการปรับในตำแหน่งบุคคลที่มีความขัดแย้งในการทำงานที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีขัดแย้ง เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะถือโอกาสนี้ปรับ ครม.ด้วยเลยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานมา
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า จะมีการก่อเหตุความไม่สงบหลังวันที่ 16 พ.ย.ว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะเกิดความรุนแรงอะไร เพียงแต่ขอร้องให้ช่วยกันรักษาความสงบในช่วงงานพระราชพิธีฯ แต่เท่าที่รับฟังรายงานจากทางตำรวจ ทหาร มาทุกวัน ไม่พบว่ามีไรผิดปกติ เมื่อวานนี้ตอนตีหนึ่งกว่าๆประชาชนก็ยังเนื่องแน่น ทุกคนจดจ่ออยู่กับการถวายความอาลัย การจัดงานถือว่าเป็นไปด้วยดี ประสบความสำเร็จน่าภาคภูมิใจ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ประชาชนมีส่วนร่วมถวายดอกไม้จัน แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี
เมื่อถามถึงการหย่าร้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุเพียงสั้นๆว่า เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เคยพูดคุยกัน นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธจะตอบคำถามกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
**"แม้ว"หย่าเมียไม่มีผลทางคดี
ด้านนายสัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงการจดทะเบียนหย่าของพ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมานว่า หากมีการหย่าจริง คงไม่มีผลต่อคดีความที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการสมรสเพียง 2 คดี คือคดีที่ดินรัชดาฯ และการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท
สำหรับคดีที่ดินรัชดาฯ องค์ประกอบความผิดของคดี คือ การทำสัญญาโดยคู่สมรส แต่ได้ตัดสินแล้ว ส่วนการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ศาลได้เปิดโอกาสให้ยื่นคำร้องถอนอายัด ซึ่งหากพิสูจน์ไม่ได้ ทรัพย์จะตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีอื่นเป็นคดีที่มีความผิดอาญาไม่เกี่ยวกับฐานะของคู่สมรส ใครเป็นผู้กระทำผิด ก็เป็นความผิดของคนนั้น
**เชื่อหย่าเพื่อผลทางการเมือง
นายสัก กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะหย่าเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดการทรัพย์สิน เนื่องจากหากจดทะเบียนหย่าแล้ว คู่สมรสไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมการจัดการทรัพย์สินอีก การจัดการทรัพย์สินจะเป็นของแต่ละฝ่าย มีความอิสระและสะดวกมากขึ้น อาจเป็นการนำไปอ้างกรณีการเพิกถอนวีซ่าของทางการอังกฤษ ด้วยเหตุผลทางการเมือง หากหย่าแล้วคุณหญิงพจมาน อาจใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้กลับไปใช้อังกฤษเป็นฐานในการดำเนินการทางการเมืองได้
**ปั้นข่าวปรับครม.กลบกระแสยี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีประกาศจะปรับครม. หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ ว่าเป็นการพยายามจะสร้างข่าวขึ้นมากลบเกลื่อนกระแสความไม่ยอมรับของประชาชน ที่นับวันจะเพิ่มขึ้น และขยายวงออกไปเรื่อยๆ ดูจากผลการสำรวจของเอเบคโพลล์ จะเห็นได้ว่าประชาชนร้อยละ 60 เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างข่าวขึ้นมาในขณะนี้ เพื่อต่ออายุตัวเอง และเบี่ยงเบนประเด็นที่สังคมอยากจะได้คำตอบ และความรับผิดชอบจากรัฐบาลในกรณี เหตุการณ์ 7 ต.ค. ซึ่งล่วงเลยมาเป็นเวลานับเดือนแล้ว รัฐบาลจึงทำสองเรื่องขึ้นมาในขณะนี้ คือ การปรับ ครม. รัฐบาลประเมินว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธีฯแล้ว กระแสกดดันทางการเมืองจะมากขึ้น จึงรีบประกาศล่วงหน้าว่าจะปรับครม. ทั้งที่ความจำเป็นในการปรับ แทบจะไม่มี เพราะการที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ลาออกเพียงคนเดียว ก็ไม่ได้ทำให้การทำงานมีปัญหา
"ถ้าจะปรับครม.เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน นายกฯ จะต้องปรับทั้งคณะ เพราะครม.ทุกคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีแต่ความขัดแย้งซึ่งกันและกัน การปรับ ครม.ก็ไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้น ถ้านายกฯจะเลือกปรับเพื่อแก้ปัญหา และเพื่อหนีปัญหา นายกฯควรจะเอาตัวเองลาออกจากตำแหน่งไปเลย จะทำให้ครม.ชุดนี้หมดสภาพไปทั้งคณะด้วย"
**สร้างทำเนียบฯใหม่เบนประเด็น
นอกจากนี้ นายกฯ ยังพยายามสร้างข่าวเรื่องจะสร้างทำเนียบรัฐบาลใหม่ หลังกลับมาจากกลับจากเยือนประเทศอินเดีย ตนจึงอยากถามว่า นายกฯ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะนายกฯ เป็นนายกฯที่ไร้ทำเนียบฯ ตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วกลับมาเรียกร้องหาทำเนียบใหม่ทำไม การจุดประเด็นเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมแผนงาน และเตรียมการใดๆเลย ทั้งด้านสถานที่ ด้านงบประมาณ แล้วจะสร้างทำเนียบใหม่ให้เป็นจริงได้อย่างไร การสร้างทำเนียบใหม่เป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นสัญลักษณ์ในเชิงบริหารของประเทศชาติ แค่รัฐสภาคิดจะสร้างใหม่ใช้เวลา 10 กว่าปีแล้วก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้
"การสร้างทำเนียบที่มีความสำคัญยิ่งกว่ารัฐสภา จะใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็ยังไม่เห็นช่องทางแห่งความสำเร็จจะเป็นไปได้ก็เพียงความฝันของนายกฯ ที่ฝันไปเรื่อยๆ แต่ประชาชนก็ไม่คิดจะร่วมฝันกับนายกฯ คนนี้ไปด้วย ตราบใดที่มีนายกฯคนนี้ประชาชนก็คงจะฝันร้ายตลอดไป" นายเทพไท กล่าว
**หย่ากันครอบครัวได้รับผลกระทบ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงเรื่องการหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยอมรับว่าเป้าหมายนั้นไม่สามารถคาดได้ชัดเจน เพราะไม่มีใครที่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่ชี้แจงเช่นกัน ขณะที่โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพิ่งทราบภายหลัง และยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ แต่การที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณเอง
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง เชื่อว่าเป็นนัยที่สำคัญ น่าจะเป็นพฤติกรรมอำพราง สร้างภาพตามความถนัดของพ.ต.ท.ทักษิณ การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจว่าไม่สามารถห้ามได้ ต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้ว แต่ใช้มาตรฐานเดียวกับน้องเขย ทำนองคลิปพาสาวเข้าโรงแรมแล้วบอกเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ้างได้
"การหย่าครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณการแตกหักโดยไม่ให้มีผลกระทบในการต่อสู้ให้ถึงครอบครัว ถือโอกาสหลีกเลี่ยง หลังจากนี้เชื่อว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้น การต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนจนตรอก มีความต้องการให้ชัดเจนและแตกหักทางการเมืองขึ้นโดยเร็ว พ.ต.ท.ทักษิณ หมดเหตุผลและหนทางที่จะอธิบายกับสังคมโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยการอ้างว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ด้วยเหตุที่อังกฤษ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย ได้เพิกถอนวีซ่าไม่ให้นักต่อสู้เข้าไปลี้ภัยการเมือง ถือว่าเป็นเหตุผลใหญ่ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างขอลี้ภัยอีกต่อไปไม่ได้ ในขณะที่น้องเขยของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐ จึงไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ สังคมโลกจึงย่อมรับรู้แล้วว่า นักประชาธิปไตยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการตรวจสอบ ก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง"
**จี้"สมชาย"สกัดเหตุรุนแรง
นายเทพไท กล่าวว่า หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดหน้าตัก ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ชักธงรบกับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นศัตรูทุกคน ทั้งผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ บุคคลชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการป่าวประกาศโฆษณาของสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งประเทศ ที่บอกว่าหลังวันที่16 พ.ย.ไปแล้ว จะมีความรุนแรง มีการขนอาวุธเข้ากรุงเพื่อก่อวินาศกรรม อยากทราบว่าคนที่อ้างว่าขนอาวุธ หมายถึงกลุ่มใด ทั้งนี้เพราะสาวกของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่นิยมความรุนแรงไปที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เข้าใจว่าไปขอส่วนบุญ หรือไปรับแผนการที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิยมความรุนแรงทั้งสิ้น
"ความรุนแรงที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุด อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เมีย ส่วนน้องเขยไม่เกี่ยว คำตอบเช่นนี้ สังคมไม่ต้องการ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่าให้สมกับฉายา "สมชาย สายลม" พัดไปพัดมาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนทั้งประเทศ มีนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนไม่มี มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากหยุดความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือวิธีอื่นใดก็ได้ ที่สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ดีกว่าเกิดความรุนแรง" นายเทพไท กล่าว
** "ถาวร"เชื่อหย่าเพราะมีกิ๊ก
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณหย่าขาดคุณหญิงพจมาน ว่า น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเหตุผลของครอบครัว ไม่เกี่ยวกับคดีความ หรือเรื่องข้อกฎหมาย เพราะการหย่าดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคดีความได้ เนื่องจากถูกตัดสินไปแล้ว และคดีอาญาถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ขณะที่คดีแพ่งก็เหลือเพียงการยึดทรัพย์จากความร่ำรวยผิดปกติ
ดังนั้น การหย่าขาดไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินดังกล่าวถูกแบ่งแยกเป็นของคนใดคนหนึ่ง ทั้งสองจึงมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ได้ทรัพย์สินเหล่านี้มาโดยชอบหรือไม่ มีการเสียภาษีหรือไม่ ส่วนข้ออ้างที่ว่า เป็นเพราะคุณหญิงพจมาน ทนไม่ไหวที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเล่นการเมืองต่อไปนั้น ตนคิดว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ทำให้ดูสวยหรูเท่านั้น ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลดีต่อตัวอดีตนายกฯ เพราะทำให้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกซุบซิบนินทา
**"แม้ว"ยังไม่ขอแยกทรัพย์สิน"อ้อ"
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่าร้างกับคุณหญิงพจมานว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่เบื้องต้นเห็นว่า หากมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายครอบครัว ทั้งนี้ อย่าไปคิดล่วงหน้าว่าจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน เพราะขณะนี้ยังไม่มีการขอศาลแยกทรัพย์สิน ส่วนจะดำเนินการสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องดูขั้นตอนที่จะขอศาลเยาวชน และครอบครัว
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. เห็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว ตนไม่ขอวิจารณ์ ขณะที่กรณีการแยกทรัพย์สินนั้น แล้วแต่ละฝ่ายจะมอง
เมื่อถามว่าจะปรับอย่างไร ปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ จะมีการสลับตำแหน่งหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ปรับไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ซึ่งจะต้องหารือกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งก่อน เมื่อถามว่าจะมีการปรับในตำแหน่งบุคคลที่มีความขัดแย้งในการทำงานที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีขัดแย้ง เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะถือโอกาสนี้ปรับ ครม.ด้วยเลยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานมา
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า จะมีการก่อเหตุความไม่สงบหลังวันที่ 16 พ.ย.ว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะเกิดความรุนแรงอะไร เพียงแต่ขอร้องให้ช่วยกันรักษาความสงบในช่วงงานพระราชพิธีฯ แต่เท่าที่รับฟังรายงานจากทางตำรวจ ทหาร มาทุกวัน ไม่พบว่ามีไรผิดปกติ เมื่อวานนี้ตอนตีหนึ่งกว่าๆประชาชนก็ยังเนื่องแน่น ทุกคนจดจ่ออยู่กับการถวายความอาลัย การจัดงานถือว่าเป็นไปด้วยดี ประสบความสำเร็จน่าภาคภูมิใจ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ประชาชนมีส่วนร่วมถวายดอกไม้จัน แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี
เมื่อถามถึงการหย่าร้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุเพียงสั้นๆว่า เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เคยพูดคุยกัน นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธจะตอบคำถามกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
**"แม้ว"หย่าเมียไม่มีผลทางคดี
ด้านนายสัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงการจดทะเบียนหย่าของพ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมานว่า หากมีการหย่าจริง คงไม่มีผลต่อคดีความที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการสมรสเพียง 2 คดี คือคดีที่ดินรัชดาฯ และการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท
สำหรับคดีที่ดินรัชดาฯ องค์ประกอบความผิดของคดี คือ การทำสัญญาโดยคู่สมรส แต่ได้ตัดสินแล้ว ส่วนการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ศาลได้เปิดโอกาสให้ยื่นคำร้องถอนอายัด ซึ่งหากพิสูจน์ไม่ได้ ทรัพย์จะตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีอื่นเป็นคดีที่มีความผิดอาญาไม่เกี่ยวกับฐานะของคู่สมรส ใครเป็นผู้กระทำผิด ก็เป็นความผิดของคนนั้น
**เชื่อหย่าเพื่อผลทางการเมือง
นายสัก กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะหย่าเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดการทรัพย์สิน เนื่องจากหากจดทะเบียนหย่าแล้ว คู่สมรสไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมการจัดการทรัพย์สินอีก การจัดการทรัพย์สินจะเป็นของแต่ละฝ่าย มีความอิสระและสะดวกมากขึ้น อาจเป็นการนำไปอ้างกรณีการเพิกถอนวีซ่าของทางการอังกฤษ ด้วยเหตุผลทางการเมือง หากหย่าแล้วคุณหญิงพจมาน อาจใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้กลับไปใช้อังกฤษเป็นฐานในการดำเนินการทางการเมืองได้
**ปั้นข่าวปรับครม.กลบกระแสยี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีประกาศจะปรับครม. หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ ว่าเป็นการพยายามจะสร้างข่าวขึ้นมากลบเกลื่อนกระแสความไม่ยอมรับของประชาชน ที่นับวันจะเพิ่มขึ้น และขยายวงออกไปเรื่อยๆ ดูจากผลการสำรวจของเอเบคโพลล์ จะเห็นได้ว่าประชาชนร้อยละ 60 เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างข่าวขึ้นมาในขณะนี้ เพื่อต่ออายุตัวเอง และเบี่ยงเบนประเด็นที่สังคมอยากจะได้คำตอบ และความรับผิดชอบจากรัฐบาลในกรณี เหตุการณ์ 7 ต.ค. ซึ่งล่วงเลยมาเป็นเวลานับเดือนแล้ว รัฐบาลจึงทำสองเรื่องขึ้นมาในขณะนี้ คือ การปรับ ครม. รัฐบาลประเมินว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธีฯแล้ว กระแสกดดันทางการเมืองจะมากขึ้น จึงรีบประกาศล่วงหน้าว่าจะปรับครม. ทั้งที่ความจำเป็นในการปรับ แทบจะไม่มี เพราะการที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ลาออกเพียงคนเดียว ก็ไม่ได้ทำให้การทำงานมีปัญหา
"ถ้าจะปรับครม.เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน นายกฯ จะต้องปรับทั้งคณะ เพราะครม.ทุกคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีแต่ความขัดแย้งซึ่งกันและกัน การปรับ ครม.ก็ไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้น ถ้านายกฯจะเลือกปรับเพื่อแก้ปัญหา และเพื่อหนีปัญหา นายกฯควรจะเอาตัวเองลาออกจากตำแหน่งไปเลย จะทำให้ครม.ชุดนี้หมดสภาพไปทั้งคณะด้วย"
**สร้างทำเนียบฯใหม่เบนประเด็น
นอกจากนี้ นายกฯ ยังพยายามสร้างข่าวเรื่องจะสร้างทำเนียบรัฐบาลใหม่ หลังกลับมาจากกลับจากเยือนประเทศอินเดีย ตนจึงอยากถามว่า นายกฯ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะนายกฯ เป็นนายกฯที่ไร้ทำเนียบฯ ตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วกลับมาเรียกร้องหาทำเนียบใหม่ทำไม การจุดประเด็นเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมแผนงาน และเตรียมการใดๆเลย ทั้งด้านสถานที่ ด้านงบประมาณ แล้วจะสร้างทำเนียบใหม่ให้เป็นจริงได้อย่างไร การสร้างทำเนียบใหม่เป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นสัญลักษณ์ในเชิงบริหารของประเทศชาติ แค่รัฐสภาคิดจะสร้างใหม่ใช้เวลา 10 กว่าปีแล้วก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้
"การสร้างทำเนียบที่มีความสำคัญยิ่งกว่ารัฐสภา จะใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็ยังไม่เห็นช่องทางแห่งความสำเร็จจะเป็นไปได้ก็เพียงความฝันของนายกฯ ที่ฝันไปเรื่อยๆ แต่ประชาชนก็ไม่คิดจะร่วมฝันกับนายกฯ คนนี้ไปด้วย ตราบใดที่มีนายกฯคนนี้ประชาชนก็คงจะฝันร้ายตลอดไป" นายเทพไท กล่าว
**หย่ากันครอบครัวได้รับผลกระทบ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงเรื่องการหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยอมรับว่าเป้าหมายนั้นไม่สามารถคาดได้ชัดเจน เพราะไม่มีใครที่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่ชี้แจงเช่นกัน ขณะที่โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพิ่งทราบภายหลัง และยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ แต่การที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณเอง
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง เชื่อว่าเป็นนัยที่สำคัญ น่าจะเป็นพฤติกรรมอำพราง สร้างภาพตามความถนัดของพ.ต.ท.ทักษิณ การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจว่าไม่สามารถห้ามได้ ต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้ว แต่ใช้มาตรฐานเดียวกับน้องเขย ทำนองคลิปพาสาวเข้าโรงแรมแล้วบอกเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ้างได้
"การหย่าครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณการแตกหักโดยไม่ให้มีผลกระทบในการต่อสู้ให้ถึงครอบครัว ถือโอกาสหลีกเลี่ยง หลังจากนี้เชื่อว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้น การต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนจนตรอก มีความต้องการให้ชัดเจนและแตกหักทางการเมืองขึ้นโดยเร็ว พ.ต.ท.ทักษิณ หมดเหตุผลและหนทางที่จะอธิบายกับสังคมโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยการอ้างว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ด้วยเหตุที่อังกฤษ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย ได้เพิกถอนวีซ่าไม่ให้นักต่อสู้เข้าไปลี้ภัยการเมือง ถือว่าเป็นเหตุผลใหญ่ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างขอลี้ภัยอีกต่อไปไม่ได้ ในขณะที่น้องเขยของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐ จึงไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ สังคมโลกจึงย่อมรับรู้แล้วว่า นักประชาธิปไตยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการตรวจสอบ ก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง"
**จี้"สมชาย"สกัดเหตุรุนแรง
นายเทพไท กล่าวว่า หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดหน้าตัก ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ชักธงรบกับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นศัตรูทุกคน ทั้งผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ บุคคลชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการป่าวประกาศโฆษณาของสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งประเทศ ที่บอกว่าหลังวันที่16 พ.ย.ไปแล้ว จะมีความรุนแรง มีการขนอาวุธเข้ากรุงเพื่อก่อวินาศกรรม อยากทราบว่าคนที่อ้างว่าขนอาวุธ หมายถึงกลุ่มใด ทั้งนี้เพราะสาวกของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่นิยมความรุนแรงไปที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เข้าใจว่าไปขอส่วนบุญ หรือไปรับแผนการที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิยมความรุนแรงทั้งสิ้น
"ความรุนแรงที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุด อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เมีย ส่วนน้องเขยไม่เกี่ยว คำตอบเช่นนี้ สังคมไม่ต้องการ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่าให้สมกับฉายา "สมชาย สายลม" พัดไปพัดมาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนทั้งประเทศ มีนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนไม่มี มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากหยุดความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือวิธีอื่นใดก็ได้ ที่สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ดีกว่าเกิดความรุนแรง" นายเทพไท กล่าว
** "ถาวร"เชื่อหย่าเพราะมีกิ๊ก
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณหย่าขาดคุณหญิงพจมาน ว่า น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเหตุผลของครอบครัว ไม่เกี่ยวกับคดีความ หรือเรื่องข้อกฎหมาย เพราะการหย่าดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคดีความได้ เนื่องจากถูกตัดสินไปแล้ว และคดีอาญาถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ขณะที่คดีแพ่งก็เหลือเพียงการยึดทรัพย์จากความร่ำรวยผิดปกติ
ดังนั้น การหย่าขาดไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินดังกล่าวถูกแบ่งแยกเป็นของคนใดคนหนึ่ง ทั้งสองจึงมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ได้ทรัพย์สินเหล่านี้มาโดยชอบหรือไม่ มีการเสียภาษีหรือไม่ ส่วนข้ออ้างที่ว่า เป็นเพราะคุณหญิงพจมาน ทนไม่ไหวที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเล่นการเมืองต่อไปนั้น ตนคิดว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ทำให้ดูสวยหรูเท่านั้น ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลดีต่อตัวอดีตนายกฯ เพราะทำให้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกซุบซิบนินทา
**"แม้ว"ยังไม่ขอแยกทรัพย์สิน"อ้อ"
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่าร้างกับคุณหญิงพจมานว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่เบื้องต้นเห็นว่า หากมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายครอบครัว ทั้งนี้ อย่าไปคิดล่วงหน้าว่าจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน เพราะขณะนี้ยังไม่มีการขอศาลแยกทรัพย์สิน ส่วนจะดำเนินการสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องดูขั้นตอนที่จะขอศาลเยาวชน และครอบครัว
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. เห็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว ตนไม่ขอวิจารณ์ ขณะที่กรณีการแยกทรัพย์สินนั้น แล้วแต่ละฝ่ายจะมอง