xs
xsm
sm
md
lg

"ชาย"ปิดปากแม้ว-อ้อบ้านแตก ปชป.ชี้ข่าวปรับครม.-ทำเนียบใหม่แค่กลบยี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (16 พ.ย.) ที่บ้านพักเบเวอร์ลี่ฮิวส์ ถนนแจ้งวัฒนะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เคยบอกว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ ว่า ตนยังไม่ได้ระบุว่าจะปรับครม.วันไหน งานพระราชพิธีฯ จะมีการไว้ทุกข์ในวันที่ 14-16 พ.ย. แต่งานจริงๆ จะมีถึงวันที่ 19 พ.ย. จากนั้นระหว่างวันที่ 20-26 พ.ย. ตนต้องไปร่วมประชุม เอเปก ที่ประเทศเปรู ดังนั้นอย่าเพิ่งไปพูดว่าจะปรับครม.วันไหน สำหรับเรื่องตัวบุคคลนั้นได้คิดไว้แล้ว แต่ยังไม่เจาะจง 100 % ตอนนี้ยังพูดไรมากไม่ได้
เมื่อถามว่าจะปรับอย่างไร ปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ จะมีการสลับตำแหน่งหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ปรับไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ซึ่งจะต้องหารือกับบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งก่อน เมื่อถามว่าจะมีการปรับในตำแหน่งบุคคลที่มีความขัดแย้งในการทำงานที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีขัดแย้ง เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะถือโอกาสนี้ปรับ ครม.ด้วยเลยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นยังไม่ได้รับการประสานมา
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า จะมีการก่อเหตุความไม่สงบหลังวันที่ 16 พ.ย.ว่า ตนไม่ได้พูดว่าจะเกิดความรุนแรงอะไร เพียงแต่ขอร้องให้ช่วยกันรักษาความสงบในช่วงงานพระราชพิธีฯ แต่เท่าที่รับฟังรายงานจากทางตำรวจ ทหาร มาทุกวัน ไม่พบว่ามีไรผิดปกติ เมื่อวานนี้ตอนตีหนึ่งกว่าๆประชาชนก็ยังเนื่องแน่น ทุกคนจดจ่ออยู่กับการถวายความอาลัย การจัดงานถือว่าเป็นไปด้วยดี ประสบความสำเร็จน่าภาคภูมิใจ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ประชาชนมีส่วนร่วมถวายดอกไม้จัน แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี
เมื่อถามถึงการหย่าร้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุเพียงสั้นๆว่า เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เคยพูดคุยกัน นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธจะตอบคำถามกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะได้กลับมาดำรงตำแหน่งนี้อีกครั้ง

**"แม้ว"หย่าเมียไม่มีผลทางคดี
ด้านนายสัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงการจดทะเบียนหย่าของพ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมานว่า หากมีการหย่าจริง คงไม่มีผลต่อคดีความที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการสมรสเพียง 2 คดี คือคดีที่ดินรัชดาฯ และการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท
สำหรับคดีที่ดินรัชดาฯ องค์ประกอบความผิดของคดี คือ การทำสัญญาโดยคู่สมรส แต่ได้ตัดสินแล้ว ส่วนการอายัดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ศาลได้เปิดโอกาสให้ยื่นคำร้องถอนอายัด ซึ่งหากพิสูจน์ไม่ได้ ทรัพย์จะตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีอื่นเป็นคดีที่มีความผิดอาญาไม่เกี่ยวกับฐานะของคู่สมรส ใครเป็นผู้กระทำผิด ก็เป็นความผิดของคนนั้น

**เชื่อหย่าเพื่อผลทางการเมือง
นายสัก กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะหย่าเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะการจัดการทรัพย์สิน เนื่องจากหากจดทะเบียนหย่าแล้ว คู่สมรสไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมการจัดการทรัพย์สินอีก การจัดการทรัพย์สินจะเป็นของแต่ละฝ่าย มีความอิสระและสะดวกมากขึ้น อาจเป็นการนำไปอ้างกรณีการเพิกถอนวีซ่าของทางการอังกฤษ ด้วยเหตุผลทางการเมือง หากหย่าแล้วคุณหญิงพจมาน อาจใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้กลับไปใช้อังกฤษเป็นฐานในการดำเนินการทางการเมืองได้
**ปั้นข่าวปรับครม.กลบกระแสยี้
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีประกาศจะปรับครม. หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ ว่าเป็นการพยายามจะสร้างข่าวขึ้นมากลบเกลื่อนกระแสความไม่ยอมรับของประชาชน ที่นับวันจะเพิ่มขึ้น และขยายวงออกไปเรื่อยๆ ดูจากผลการสำรวจของเอเบคโพลล์ จะเห็นได้ว่าประชาชนร้อยละ 60 เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างข่าวขึ้นมาในขณะนี้ เพื่อต่ออายุตัวเอง และเบี่ยงเบนประเด็นที่สังคมอยากจะได้คำตอบ และความรับผิดชอบจากรัฐบาลในกรณี เหตุการณ์ 7 ต.ค. ซึ่งล่วงเลยมาเป็นเวลานับเดือนแล้ว รัฐบาลจึงทำสองเรื่องขึ้นมาในขณะนี้ คือ การปรับ ครม. รัฐบาลประเมินว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธีฯแล้ว กระแสกดดันทางการเมืองจะมากขึ้น จึงรีบประกาศล่วงหน้าว่าจะปรับครม. ทั้งที่ความจำเป็นในการปรับ แทบจะไม่มี เพราะการที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ลาออกเพียงคนเดียว ก็ไม่ได้ทำให้การทำงานมีปัญหา
"ถ้าจะปรับครม.เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน นายกฯ จะต้องปรับทั้งคณะ เพราะครม.ทุกคนในรัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มีแต่ความขัดแย้งซึ่งกันและกัน การปรับ ครม.ก็ไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์การเมืองดีขึ้น ถ้านายกฯจะเลือกปรับเพื่อแก้ปัญหา และเพื่อหนีปัญหา นายกฯควรจะเอาตัวเองลาออกจากตำแหน่งไปเลย จะทำให้ครม.ชุดนี้หมดสภาพไปทั้งคณะด้วย"

**สร้างทำเนียบฯใหม่เบนประเด็น
นอกจากนี้ นายกฯ ยังพยายามสร้างข่าวเรื่องจะสร้างทำเนียบรัฐบาลใหม่ หลังกลับมาจากกลับจากเยือนประเทศอินเดีย ตนจึงอยากถามว่า นายกฯ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะนายกฯ เป็นนายกฯที่ไร้ทำเนียบฯ ตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วกลับมาเรียกร้องหาทำเนียบใหม่ทำไม การจุดประเด็นเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมแผนงาน และเตรียมการใดๆเลย ทั้งด้านสถานที่ ด้านงบประมาณ แล้วจะสร้างทำเนียบใหม่ให้เป็นจริงได้อย่างไร การสร้างทำเนียบใหม่เป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นสัญลักษณ์ในเชิงบริหารของประเทศชาติ แค่รัฐสภาคิดจะสร้างใหม่ใช้เวลา 10 กว่าปีแล้วก็ยังหาจุดลงตัวไม่ได้
"การสร้างทำเนียบที่มีความสำคัญยิ่งกว่ารัฐสภา จะใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็ยังไม่เห็นช่องทางแห่งความสำเร็จจะเป็นไปได้ก็เพียงความฝันของนายกฯ ที่ฝันไปเรื่อยๆ แต่ประชาชนก็ไม่คิดจะร่วมฝันกับนายกฯ คนนี้ไปด้วย ตราบใดที่มีนายกฯคนนี้ประชาชนก็คงจะฝันร้ายตลอดไป" นายเทพไท กล่าว
**หย่ากันครอบครัวได้รับผลกระทบ
นายเทพไท ยังกล่าวถึงเรื่องการหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยอมรับว่าเป้าหมายนั้นไม่สามารถคาดได้ชัดเจน เพราะไม่มีใครที่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงไม่ชี้แจงเช่นกัน ขณะที่โฆษกส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพิ่งทราบภายหลัง และยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ แต่การที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณเอง
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมือง เชื่อว่าเป็นนัยที่สำคัญ น่าจะเป็นพฤติกรรมอำพราง สร้างภาพตามความถนัดของพ.ต.ท.ทักษิณ การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจว่าไม่สามารถห้ามได้ ต้องยอมรับว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้ว แต่ใช้มาตรฐานเดียวกับน้องเขย ทำนองคลิปพาสาวเข้าโรงแรมแล้วบอกเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ้างได้
"การหย่าครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณการแตกหักโดยไม่ให้มีผลกระทบในการต่อสู้ให้ถึงครอบครัว ถือโอกาสหลีกเลี่ยง หลังจากนี้เชื่อว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้น การต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนจนตรอก มีความต้องการให้ชัดเจนและแตกหักทางการเมืองขึ้นโดยเร็ว พ.ต.ท.ทักษิณ หมดเหตุผลและหนทางที่จะอธิบายกับสังคมโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยการอ้างว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ด้วยเหตุที่อังกฤษ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย ได้เพิกถอนวีซ่าไม่ให้นักต่อสู้เข้าไปลี้ภัยการเมือง ถือว่าเป็นเหตุผลใหญ่ แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างขอลี้ภัยอีกต่อไปไม่ได้ ในขณะที่น้องเขยของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐ จึงไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ สังคมโลกจึงย่อมรับรู้แล้วว่า นักประชาธิปไตยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการตรวจสอบ ก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง"

**จี้"สมชาย"สกัดเหตุรุนแรง
นายเทพไท กล่าวว่า หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดหน้าตัก ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ชักธงรบกับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นศัตรูทุกคน ทั้งผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ บุคคลชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการป่าวประกาศโฆษณาของสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งประเทศ ที่บอกว่าหลังวันที่16 พ.ย.ไปแล้ว จะมีความรุนแรง มีการขนอาวุธเข้ากรุงเพื่อก่อวินาศกรรม อยากทราบว่าคนที่อ้างว่าขนอาวุธ หมายถึงกลุ่มใด ทั้งนี้เพราะสาวกของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่นิยมความรุนแรงไปที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เข้าใจว่าไปขอส่วนบุญ หรือไปรับแผนการที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิยมความรุนแรงทั้งสิ้น
"ความรุนแรงที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุด อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เมีย ส่วนน้องเขยไม่เกี่ยว คำตอบเช่นนี้ สังคมไม่ต้องการ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่าให้สมกับฉายา "สมชาย สายลม" พัดไปพัดมาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนทั้งประเทศ มีนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนไม่มี มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากหยุดความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือวิธีอื่นใดก็ได้ ที่สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ดีกว่าเกิดความรุนแรง" นายเทพไท กล่าว

** "ถาวร"เชื่อหย่าเพราะมีกิ๊ก
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณหย่าขาดคุณหญิงพจมาน ว่า น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเหตุผลของครอบครัว ไม่เกี่ยวกับคดีความ หรือเรื่องข้อกฎหมาย เพราะการหย่าดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคดีความได้ เนื่องจากถูกตัดสินไปแล้ว และคดีอาญาถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ขณะที่คดีแพ่งก็เหลือเพียงการยึดทรัพย์จากความร่ำรวยผิดปกติ
ดังนั้น การหย่าขาดไม่ได้ทำให้ทรัพย์สินดังกล่าวถูกแบ่งแยกเป็นของคนใดคนหนึ่ง ทั้งสองจึงมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ได้ทรัพย์สินเหล่านี้มาโดยชอบหรือไม่ มีการเสียภาษีหรือไม่ ส่วนข้ออ้างที่ว่า เป็นเพราะคุณหญิงพจมาน ทนไม่ไหวที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเล่นการเมืองต่อไปนั้น ตนคิดว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ทำให้ดูสวยหรูเท่านั้น ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะมีผลดีต่อตัวอดีตนายกฯ เพราะทำให้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ถูกซุบซิบนินทา

**"แม้ว"ยังไม่ขอแยกทรัพย์สิน"อ้อ"
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ หย่าร้างกับคุณหญิงพจมานว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่เบื้องต้นเห็นว่า หากมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายครอบครัว ทั้งนี้ อย่าไปคิดล่วงหน้าว่าจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สิน เพราะขณะนี้ยังไม่มีการขอศาลแยกทรัพย์สิน ส่วนจะดำเนินการสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องดูขั้นตอนที่จะขอศาลเยาวชน และครอบครัว
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. เห็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว ตนไม่ขอวิจารณ์ ขณะที่กรณีการแยกทรัพย์สินนั้น แล้วแต่ละฝ่ายจะมอง
กำลังโหลดความคิดเห็น