นครศรีธรรมราช - ปชป.เชื่อ “ทักษิณ” หย่าเมียชักธงรบแตกหักผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ-ชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ ตอกย้ำสังคมโลกรับรู้ หลังอังกฤษถอนวีซ่าทักษิณ-ที่แท้แค่เผด็จการในคราบ ปชต. หวั่นรุนแรงนองเลือด-สายฮาร์ดคอร์เคลื่อนไหวชัดแนะ “สมชาย สายลม” ตัดสินใจ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้จดทะเบียนหย่าขาดกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยอมรับว่าเป้าหมายนั้นไม่สามารถคาดได้ชัดเจนและแท้จริงได้ เพราะไม่มีใครที่สามารถแจงข้อเท็จจริงได้ และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เองนั้นไม่ชี้แจงเช่นกัน โฆษกส่วนตัวเองนั้นยังเพิ่งทราบภายหลังยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หย่านั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณเอง ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นเรื่องภายในของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจก้าวล่วงได้
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ในทางการเมืองเชื่อว่าเป็นนัยที่สำคัญเชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมอำพราง สร้างภาพตามความถนัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจว่าไม่สามารถห้ามได้ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้วแต่ใช้มาตรฐานเดียวกับน้องเขย ทำนองคลิปพาสาวเข้าโรงแรมแล้วเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ้างได้
“การหย่าครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณการแตกหักโดยไม่ให้มีผลกระทบในการต่อสู้ให้ถึงครอบครัว ถือโอกาสหลีกเลี่ยงหลังจากนี้เชื่อว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้น การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนจนตรอกมีความต้องการให้ชัดเจนและแตกหักทางการเมืองขึ้นโดยเร็ว พ.ต.ท.ทักษิณ หมดเหตุผลและหนทางที่จะอธิบายกับสังคมโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยการอ้างว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยเหตุที่อังกฤษ ซึ่งถือแนบต้นแบบของประชาธิปไตยเพิกถอนวีซ่าไม่ให้นักต่อสู้เข้าไปลี้ภัยการเมือง ถือว่าเป็นเหตุผลใหญ่ แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างขอลี้ภัยอีกต่อไปไม่ได้ ในขณะที่น้องเขยของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐจึงไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ สังคมโลกจึงย่อมรับรู้แล้วว่านักประชาธิปไตยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการตรวจสอบก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดหน้าตักทิ้งไพ่ใบสุดท้ายชักธงรบกับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นศัตรูทุกคนทั้งผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ บุคคลชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการป่าวประกาศโฆษณาของสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งประเทศ ที่บอกว่าหลังวันที่ 16 พ.ย.ไปแล้ว จะมีความรุนแรงมีการขนอาวุธเข้ากรุงเพื่อก่อวินาศกรรม อยากทราบว่าคนที่อ้างว่าขนอาวุธหมายถึงกลุ่มใด ทั้งนี้เพราะสาวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นิยมความรุนแรงไปที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เข้าใจว่าไปขอส่วนบุญหรือไปรับแผนการที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิยมความรุนแรงทั้งสิ้น
“ความรุนแรงที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุด อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เมีย-น้องเขยไม่เกี่ยว คำตอบเช่นนี้สังคมไม่ต้องการ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่าให้สมกับฉายา “สมชาย สายลม” พัดไปพัดมาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนทั้งประเทศมีนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่มี มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากหยุดความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวต่อไปได้โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือวิธีอื่นใดก็ได้ที่สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ดีกว่าเกิดความรุนแรง” นายเทพไท กล่าวในที่สุด
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้จดทะเบียนหย่าขาดกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยอมรับว่าเป้าหมายนั้นไม่สามารถคาดได้ชัดเจนและแท้จริงได้ เพราะไม่มีใครที่สามารถแจงข้อเท็จจริงได้ และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เองนั้นไม่ชี้แจงเช่นกัน โฆษกส่วนตัวเองนั้นยังเพิ่งทราบภายหลังยอมรับว่าไม่รู้สาเหตุ แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หย่านั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณเอง ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นเรื่องภายในของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจก้าวล่วงได้
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ในทางการเมืองเชื่อว่าเป็นนัยที่สำคัญเชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมอำพราง สร้างภาพตามความถนัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ การที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เข้าใจว่าไม่สามารถห้ามได้ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กลายเป็นคนสาธารณะไปแล้วแต่ใช้มาตรฐานเดียวกับน้องเขย ทำนองคลิปพาสาวเข้าโรงแรมแล้วเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ้างได้
“การหย่าครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังส่งสัญญาณการแตกหักโดยไม่ให้มีผลกระทบในการต่อสู้ให้ถึงครอบครัว ถือโอกาสหลีกเลี่ยงหลังจากนี้เชื่อว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้น การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนคนจนตรอกมีความต้องการให้ชัดเจนและแตกหักทางการเมืองขึ้นโดยเร็ว พ.ต.ท.ทักษิณ หมดเหตุผลและหนทางที่จะอธิบายกับสังคมโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยการอ้างว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยเหตุที่อังกฤษ ซึ่งถือแนบต้นแบบของประชาธิปไตยเพิกถอนวีซ่าไม่ให้นักต่อสู้เข้าไปลี้ภัยการเมือง ถือว่าเป็นเหตุผลใหญ่ แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างขอลี้ภัยอีกต่อไปไม่ได้ ในขณะที่น้องเขยของตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐจึงไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ สังคมโลกจึงย่อมรับรู้แล้วว่านักประชาธิปไตยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักประชาธิปไตยที่ปฏิเสธการตรวจสอบก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดหน้าตักทิ้งไพ่ใบสุดท้ายชักธงรบกับคนที่ถูกเขามองว่าเป็นศัตรูทุกคนทั้งผู้ที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ บุคคลชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน ความรุนแรงจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการป่าวประกาศโฆษณาของสมาชิกพรรคพลังประชาชนทั้งประเทศ ที่บอกว่าหลังวันที่ 16 พ.ย.ไปแล้ว จะมีความรุนแรงมีการขนอาวุธเข้ากรุงเพื่อก่อวินาศกรรม อยากทราบว่าคนที่อ้างว่าขนอาวุธหมายถึงกลุ่มใด ทั้งนี้เพราะสาวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นิยมความรุนแรงไปที่ฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เข้าใจว่าไปขอส่วนบุญหรือไปรับแผนการที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่นิยมความรุนแรงทั้งสิ้น
“ความรุนแรงที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รัฐบาลต้องรับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารสูงสุด อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หรือบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เมีย-น้องเขยไม่เกี่ยว คำตอบเช่นนี้สังคมไม่ต้องการ นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่าให้สมกับฉายา “สมชาย สายลม” พัดไปพัดมาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ประชาชนทั้งประเทศมีนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่มี มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากหยุดความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวต่อไปได้โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือวิธีอื่นใดก็ได้ที่สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ดีกว่าเกิดความรุนแรง” นายเทพไท กล่าวในที่สุด