ผู้จัดการรายวัน - “พันธมิตรฯ” ขานรับ กมธ.สภาสูง เหตุ 7 ตุลาทมิฬ ลั่น “สมชาย” ต้องออก “มหา” ปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยถึง “พัลลภ” ยันบึ้มในที่ชุมนุมไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ “พิภพ” ไม่ใส่ใจ ความจริงวันนี้ เชื่อสร้างความขัดแย้งคนในชาติ “สนธิ” ชื่นชม อภิรักษ์และปชป. ชูเป็นตัวอย่างจริยธรรมที่ดี ย้ำควรตอบแทนเลือก ปชป. นั่งผู้ว่ากทม.อีก พร้อมสอนมวยการเมืองให้ “อนุพงษ์” ยันแค่ตั้งกรรมกาฯสอบขัตติยะไม่พอ ต้องกักบริเวณด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตร ภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า มีกลุ่มการ์ดอาสาและกลุ่มนักรบศรีวิชัย คอยดูแลความเรียบร้อยตรวจตรากระเป๋าของผู้ชุมนมุที่นำเข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ขณะที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกทม. ได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ มาช่วยกันเคลื่อนย้ายยางรถยนต์ และกระสอบทราย ออกจากบนถนนราชดำเนินนอก เพื่อเปิดทางในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงราชนครินทร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าเปลี่ยนเส้นทางเสด็จแล้ว แต่ทางพันธมิตรฯ ต้องการที่จะแสดงความจงรักภักดี แกนนำจึงสั่งให้เปิดเส้นทางดังกล่าว
**พบวัตถุต้องสงสัยที่ทำเนียบอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้าที่ทางแกนนำจะแถลงข่าว ในช่วงเวลา 10.00 น. ได้พบวัตถุต้องสงสัยวางไว้บริเวณข้างห้องน้ำติดกับกำแพงทำเนียบฯ ฝั่งประตู 1 ซึ่งห่างห้องผู้สื่อข่าวเล็กน้อย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกตื่น ก่อนที่การ์ดพันธมิตรฯ จะนำยางรถยนต์มาครอบไว้ พร้อมกับประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นระเบิดหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย สองแกนนำพันธมิตร ร่วมแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทงว่า อย่าเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมเพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงนั้น หมายถึงทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะหมายถึง และนายกฯคงรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ตรงไหนเสี่ยง หรือไม่เสี่ยง จึงต้องทำให้พื้นที่ ที่เสี่ยงมีความเสี่ยงลดน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพันธมิตรฯยอมรับว่าพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาล เป็นพื้นที่เสี่ยง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พื้นที่ในทำเนียบฯไม่มีความเสี่ยง ถ้ารัฐบาลไม่ให้ท้ายกลุ่มอันธพาลที่มาจ้องทำร้ายพันธมิตรฯ เหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะทำเนียบฯไม่ใช่สนามรบ มีแต่ประชาชนคนธรรมดาที่มาชุมนุมอย่างสันติ จึงไม่มีความเสี่ยง และถ้าพื้นที่จุดไหนที่มีเหตุการณ์รุนแรง หรือเป็นพื้นที่เสี่ยง คงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันรักษาความปลอดภัย
**จี้รัฐบาลรับผิดชอบต่อผลสอบ
ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบเหตุการณ์ วันที่ 7 ตุลาฯ ของวุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สรุปผลการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวออกมาว่า รัฐบาลและตำรวจ เป็นฝ่ายสั่งการที่ทำให้เกิดความรุนแรง นายพิภพ กล่าวว่า เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ โดยขั้นสูงสุดจะต้องลาออกจากตำแหน่ง ต่ำสุดจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งพักข้าราชการคนที่เกี่ยวข้องทันที ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าวมีการยิงประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่ยอมสั่งการอะไรที่จะยุติเหตุการณ์รุนแรง ตามหลัก นายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง แต่ด้วยความที่นายสมชาย มีความหน้าด้าน และอ่อนด้อยทางด้านจริยธรรมทางการเมืองจึงไม่เคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(ผอ.กอ.รมน.) จะมาดำรงตำแหน่งรองนากยรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง แทนพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ขอเอ่ยถึงบุคคลคนนี้ ถามต่อว่า ดูเหมือนว่าพล.ต.จำลอง ไม่อยากแตะต้องพล.อ.พัลลภ เลย หรือว่าพันธมิตรฯจะมีแผนส่งพล.อ. พัลลภ ให้เป็นสายลับกับพ.ต.ท.ทักษิณ พล.ต.จำลอง รีบตอบปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง “ไม่ใช่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ไม่อยากเอ่ยถึงบุคคลคนนี้เท่านั้น ไม่มีนัยยะไม่มีลับลวงพราง ไม่มีแผนทั้งสิ้น เพราะผมเป็นคนตรงไปครงมา พูดแต่ความจริง”พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนกรณีที่จะมีการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี นั้นนายพิภพ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯไม่ได้ใส่ใจในการจัดรายการดังกล่าว ซึ่งก็ได้บอกทางรัฐบาลแล้วว่า การจัดรายการที่ใช้ภาษีอากรของประชาชนที่เป็นประโยชน์กับคนบางกลุ่ม โดยทางเจ้าหน้าที่รัฐบาล ไม่ควรเปิดช่อง เพราะจะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง ดังนั้นรัฐบาลต้องออกมารับผิดชอบการใช้สื่อของรัฐ
ถามว่า แต่ทางรัฐบาลระบุว่า สาเหตุที่เปิดพื้นที่รายการความจริงวันนี้สัญจรที่วัดสวนแก้ว เป็นไปเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้มีความเสมอภาคกัน นายพิภพ กล่าวว่า การเปิดพื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่เพื่อประชาชน แต่เป็นคนเพียงกลุ่มเดียว หากรัฐบาลยังจัดรายการดังกล่าวอยู่ จะนำไปสู่ความแตกแยกจนเกิดความรุนแรงขึ้นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเหตุเกิดระเบิดเช้ามืดของวันที่ 11 พ.ย. ที่ตำรวจออกมาระบุว่า เหตุระเบิดเกิดจากภายในทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้เป็นการใช้ปืนยิงเข้ามาจากพื้นที่รอบนอกนั้น พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า พันธมิตรฯไม่ได้สร้างสถานการณ์ และคงไม่ใครที่จะนำชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
“ใครจะบ้าทำเรื่องแบบนี้ เอาระเบิดมาปาใส่ตัวเอง มันเจ็บนะอาจถึงตายได้ ชีวิตของผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และผู้ชุมนุมก็ไม่ได้เป็นตำรวจ หรือทหาร เป็นเพียงคนธรรมดา การเฝ้าระวังเมื่อทำได้แค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว” พล.ต.จำลองกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ระบุว่า หลังจากวันที่ 19 พ.ย. เสร็จงานพระราชพิธีฯ แล้วจะนำ 47 โรนินซามูไรไร้สังกัด เข้าจัดการกับพันธมิตรฯ พล.ต. จำลอง กล่าวเหมือน*ทุกครั้งว่า ไม่ขอเอ่ยถึงบุคคลคนนี้
***สนธิชมอภิรักษ์จริยธรรมสูง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบฯ ว่า ความกลัวคือความถดถอยทางจิตวิญาณ สังคมไทยเกิดความกลัวกันมาก ทำให้ระบอบทักษิณเติบโตได้ ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องพูดถึงคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน และพรรคประชาธิปัตย์
“คุณอภิรักษ์ลาออก และพรรคปชป.มีมติให้ลาออก ผมโล่งอก อย่างน้อยที่สุด พรรคปชป.ที่ผมไม่ได้เป็นสมาชิกยังมีจริยธรรมสูงสุดในพรรคการเมืองทั้งหลาย การทำเช่นนี้เป็นตัวอย่างการเมืองที่อีกหน่อยถ้ามีการพิพากษาชี้มูลจากปปช.ไปยังพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชชิมาธิปไตย อย่างน้อยที่สุดจริยธรรมที่สร้างวันนี้เป็นบรรทัดฐานให้ทางพรรคพปช.จำเป็นต้องไม่หน้าด้านอยู่ต่อ เพราะคุณอภิรักษ์ได้ทำเป็นตัวอย่างแล้ว”
การที่ปชป.ทำเช่นนี้ สมควรที่ผมต้องแสดงจุดยืนที่มีต่อ ปชป. ของผมเอง ถ้าเห็นด้วยก็ทำตามผม จากนี้ไป ปชป. จะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม . ขอให้พวกเราเลือกปชป. เพื่อตอบแทนจริยธรรมที่พรรคนี้มี
“ผมดีใจที่ปชป.กล้าพอมองระยะยาว ถ้ากล้าหาญเพิ่มกว่าเก่าจะขอบคุณเขาน่าจะมีความกล้าหาญทางการเมืองมากกว่านี้อีกหลายด้านครับ” นายสนธิกล่าว
**สอนมวยการเมืองให้อนุพงษ์
อีกเรื่องหนึ่งคือ วันนี้ ( 12 พ.ย.) ต้องขอบคุณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในที่สุดกล้าตัดสินใจตั้งคณะกรรมการฯสอบวินัยพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ถึงแม้ว่าจะช้าไปอย่างมากๆก็ตาม แต่แสดงว่ายังพอมียางอายอยู่บ้าง ผมต้องอธิบายเรื่องบางเรื่องให้คุณอนุพงษ์เข้าใจก่อน
เมื่อคุณอนุพงษ์พูดว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ขอชี้แจงว่า พูดเช่นนี้เพราะคุณอนุพงษ์ยังไม่เข้าใจการเมืองของเมืองไทยในปัจจุบัน น่าเสียดายที่อุตส่าห์เรียนปริญญาโทที่นิด้า มีอาจารย์ชื่อ สมบัติ ธำรงธัญญวงษ์ เพราะถ้าอนุพงษ์เข้าใจการเมืองเมืองไทยจะรู้ว่า ที่เป็นอยู่นี้นอกจากน้ำเน่าแล้วยังเป็นการเมืองผูกขาดและเผด็จการด้วย
ถ้าจะให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง ทำไมไม่ให้ช่อง 5 และเครือข่ายวิทยุ เปิดเวลาให้พวกเราได้แสดงออกทางการเมืองบ้าง แสดงว่าคุณอนุพงษ์ไม่เข้าใจพื้นฐานทางการเมืองเลยนิดเดียว เอาตำรามาพูดว่าการเมืองต้องแก้ได้ด้วยการเมืองผมไม่อยากบอกว่า เป็นความคิดที่ไร้เดียงสาจนเกินไป
คุณอนุพงษ์ ถ้าต้องการให้การเมืองแก้ได้ด้วยการเมืองคุณกำลังบังคับให้พวกเราที่ถูกใส่กุญแจมือเบื้องหลังไปสู้อีกฝ่ายที่เอาเอ็นบีทีของรัฐบาลมาถ่มถุยทุกวัน ทุกวินาที ถ้าอนุพงษ์เข้าใจการเมืองที่แท้จริงไม่พูดโดยไร้เดียงสา ต้องรีบจัดการเอาช่อง 5 แบ่งเวลามาให้เราแสดงออก พร้อมเครือข่ายทางทหารด้วย ถ้าเช่นนั้นแล้วการเมืองจึงแก้ได้ด้วยการเมืองครับ
“เราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เพียงแต่ให้โอกาสเราได้แสดงออก เอาความจริงของสังคมให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ความจริงของสังคมที่เป็นไปอย่างทุกวันนี้”
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยคือ ปัญหาการด้อยปัญญา การไม่รู้ การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การรู้ไม่เท่าทัน และการไม่รู้อะไรเลย คุณอนุพงษ์ครับ ผมไม่อยากมาสอนเรื่องการเมืองคุณอนุพงษ์ เพราะคุณเป็นทหาร ลำพังการเป็นทหาร กว่าคุณจะเริ่มรู้สึกว่าลูกน้องคุณเป็นนายพล ทำตัวเป็นกุ๊ย ในยศนายพล กว่าคุณจะรู้ต้องใช้เวลาตั้งนาน การเป็นผบ.ทบ.ของคุณ นอกจากตั้งคณะกรรมการสอบวินัยแล้ว ต้องสั่งกักบริเวณด้วย
**ต้องกักบริเวณขัตติยะ
นายสนธิกล่าวต่อว่าปัญหาที่สำคัญสุดของสังคมไทยไม่ใช่เรื่องปัญญาเท่านั้น ยังมีปัญหาเรื่องความกล้าหาญของคนที่ได้รับหน้าที่ เมื่อเรามีคนได้รับหน้าที่มอบหมายแต่ไม่มีความกล้าหาญที่จะทำ
“ผมขอวิพากษ์วิจารณ์ว่า การตั้งกรรมการฯ คุณตั้งช้าเกินไป แต่ดีกว่าไม่ตั้ง แต่ขอเถอะ เมื่อคนหนึ่งถูกตั้งคณะกรรมการฯ แสดงว่าคดีมีมูลต้องออกคำสั่งกักบริเวณ ขัตติยะ ด้วย ถึงจะพิสูจน์ความจริงใจที่คุณมีต่อการออกคำสั่งครั้งนี้ เพราะถ้าไม่ออกคำสั่งกักบริเวณ แสดงว่ามีความจำเป็นกดดันจากสังคมทำให้ต้องตั้งคณะกรรมการฯ”
นายสนธิกล่าวว่า เป็นข่าวสิริมงคลมาก ที่พวกเราเปิดทาง เราชุมนุมกันแล้วว่า การ์ดเรามีโอกาสบาดเจ็บทางการกลั่นแกล้ง เรายินดีพลีชีพ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเคารพพระบาทสมเด็จเพระเจ้าอยู่หัว
อีกข่าวคือ เส้นทางเสด็จเปลี่ยนจากถนนหลานหลวงมาเป็นถนนราชดำเนินแล้ว และการเปลี่ยนเส้นทางไม่ใช่เป็นการริเริ่มจากตำรวจเสียด้วยซ้ำ วันนี้เราไม่มีพันธมิตรเสื้อเหลือง นปก.เสื้อแดง ไม่มีซ้ายไม่มีขวา วันนี้สังคมไทยมาจุดสุดท้ายที่เขาเรียกว่าเปิดหน้าชกกัน ตรงที่ว่า วันนี้เราจะตัดสินใจกันตรงจุดง่ายๆ เข้าใจกันดี คือว่า ใครก็ตามต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ในรูปแบบที่เราเคยมีมา ไม่มีการกล่าวล่วงล้ำ ไม่มีการละเมิด ไม่จาบจ้วง ให้มายืนข้างเรา แสดงจุดยืนให้ชัดทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน นักธุรกิจ แสดงจุดยืนให้ชัด ไม่จำเป็นต้องมาร่วมกับพธม. แต่เราจะบอกว่าที่เราสู้มาตลอดวันนี้ คือ วันที่ตัดสินกันว่าเรายืนอยู่ข้างพระมหากษัตริย์ ถ้าใครยืนให้ก้าวข้ามมายืนรวมกับพวกเรา
อย่าลืมวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราจะร่วมพิธีของพระพี่นางฯ จะไม่มีการพูดเรื่องการเมือง แต่ต้องมาให้พร้อมแต่งชุดดำมา ต้องรู้ว่าวันนี้วันลอยกระทง ผมไม่อยากร้องเพลงลอยกระทง แต่เมื่อเช้านี้มีคนทำกระทงใหญ่มีรูปผมและคุณทักษิณ ผมอยู่ขวา คุณทักษิณอยู่ซ้ายมี 2 นัยคือ นัยแรก มันสองคนนี้ทำให้บ้านเมือง เขามองอะไรตื้นๆ จะลอยให้สองคนออกไป อีกนัยหนึ่งคือว่า เมื่อจับมันผูกในกระทงเดียวกันออกไปแล้ว ชาติหน้าต้องเกิดมาคู่กันใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผมจะกราบเรียนว่า นัยแรก ผมไม่ใช่ตัวยุ่งของสังคม ไม่ใช่เลย ถ้าทักษิณเป็นคนที่มีศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม รักชาติบ้านเมือง ทำเพื่อแผ่นดิน ผมไม่มีสิทธิ์ว่าคุณทักษิณ พี่น้องไม่มีใครมานั่งชุมนุมที่นี่เลย เพราะฉะนั้น คนที่บอกว่ามันวุ่นเหลือเกิน นปก.ก็วุ่น พธม.ก็วุ่น แสดงว่าคนพวกนี้น่ากลัวมากที่สุดในสังคมไทย เพราะคนพวกนี้เห็นไฟไฟม้บ้านเขา เขายังไม่รู้ว่าทำไมไฟไหม้บ้าน เขาจะลากเตียงมานอนอยู่ริมถนนมองไฟไหม้บ้านไปเรื่อยๆ นี่คือคนในสังคมไทย มีอีกพอสมควรเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะคนพวกนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะไม่ถามไถ่ว่าทำไมถึงเกิด ใครทำให้เกิด เขาไม่ยุ่งอะไร ขอทำมาหากิน อย่างเดียว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
**วันนี้เปิดถนนราชดำเนินนอกได้
เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (12 พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการเปิดถนนราชดำเนินนอก บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า วันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) น่าจะสามารถเปิดถนนให้สัญจรได้ หลังจากทำการรื้อสิ่งกีดขวาง และทำความสะอาดพื้นถนนเสร็จ ส่วนกิจกรรมวันลอยกระทงวันนี้ ที่ทางพันธมิตรฯไม่จัดขึ้น เนื่องจากเป็นวันที่พันธมิตรฯ เกรงว่า จะไม่ปลอดภัย เพราะอาจจะเป็นการเปิดช่องให้บุคคลผู้ไม่ประสงค์ดี เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวชื่นชมในสปิริตของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ประกาศลาออกจาก ผู้ว่าฯ กทม.หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีซื้อรถและเรือดับเพลิง เพราะนักการเมืองไทยทุกวันนี้มักขาดจริยธรรม ความจริงหาก นายอภิรักษ์ จะใช้กฎหมายเพื่อหาช่องส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยก่อนก็สามารถทำได้ แต่ นายอภิรักษ์ ได้ตัดสินใจลาออก จึงถือเป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่ดี อยากให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่มีคดีติดตัวหลายคดี ได้สำเหนียกและปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวขอบคุณที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นการแสดงให้เห็นว่าทางกองทัพไม่เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ เสธ.แดง ที่ข่มขู่ประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งมีความผิดทางวินัย ที่บอกว่า หลังจากงานพระราชพิธีฯ วันที่ 19 พ.ย.จะทอดกฐินหลวง โดยให้ 47 โรนินซามูไรในสังกัด เข้าจัดการกับพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดที่มีไม่เว้นแต่ละวัน ว่า เหตุระเบิดล่าสุดของเช้ามืดวันที่ 11 พ.ย.ที่ทางสารวัตรทหารได้เข้าจับกุมรถเบนซ์ และรถวอลโว่ 2 คัน โดยตนทราบมา ว่า มีอาวุธร้ายแรงอยู่ภายในรถ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต กลับออกมาให้ข่าวว่า เป็นอาวุธปลอม จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการแอบช่วยเหลือผู้ต้องหามากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตร ภายในทำเนียบรัฐบาล ว่า มีกลุ่มการ์ดอาสาและกลุ่มนักรบศรีวิชัย คอยดูแลความเรียบร้อยตรวจตรากระเป๋าของผู้ชุมนมุที่นำเข้ามาในพื้นที่อย่างละเอียด รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ขณะที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกทม. ได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ มาช่วยกันเคลื่อนย้ายยางรถยนต์ และกระสอบทราย ออกจากบนถนนราชดำเนินนอก เพื่อเปิดทางในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงราชนครินทร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าเปลี่ยนเส้นทางเสด็จแล้ว แต่ทางพันธมิตรฯ ต้องการที่จะแสดงความจงรักภักดี แกนนำจึงสั่งให้เปิดเส้นทางดังกล่าว
**พบวัตถุต้องสงสัยที่ทำเนียบอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้าที่ทางแกนนำจะแถลงข่าว ในช่วงเวลา 10.00 น. ได้พบวัตถุต้องสงสัยวางไว้บริเวณข้างห้องน้ำติดกับกำแพงทำเนียบฯ ฝั่งประตู 1 ซึ่งห่างห้องผู้สื่อข่าวเล็กน้อย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกตื่น ก่อนที่การ์ดพันธมิตรฯ จะนำยางรถยนต์มาครอบไว้ พร้อมกับประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นระเบิดหรือไม่
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย สองแกนนำพันธมิตร ร่วมแถลงข่าวกับสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทงว่า อย่าเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมเพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงนั้น หมายถึงทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะหมายถึง และนายกฯคงรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ตรงไหนเสี่ยง หรือไม่เสี่ยง จึงต้องทำให้พื้นที่ ที่เสี่ยงมีความเสี่ยงลดน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพันธมิตรฯยอมรับว่าพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาล เป็นพื้นที่เสี่ยง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พื้นที่ในทำเนียบฯไม่มีความเสี่ยง ถ้ารัฐบาลไม่ให้ท้ายกลุ่มอันธพาลที่มาจ้องทำร้ายพันธมิตรฯ เหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะทำเนียบฯไม่ใช่สนามรบ มีแต่ประชาชนคนธรรมดาที่มาชุมนุมอย่างสันติ จึงไม่มีความเสี่ยง และถ้าพื้นที่จุดไหนที่มีเหตุการณ์รุนแรง หรือเป็นพื้นที่เสี่ยง คงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันรักษาความปลอดภัย
**จี้รัฐบาลรับผิดชอบต่อผลสอบ
ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบเหตุการณ์ วันที่ 7 ตุลาฯ ของวุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สรุปผลการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวออกมาว่า รัฐบาลและตำรวจ เป็นฝ่ายสั่งการที่ทำให้เกิดความรุนแรง นายพิภพ กล่าวว่า เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ โดยขั้นสูงสุดจะต้องลาออกจากตำแหน่ง ต่ำสุดจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งพักข้าราชการคนที่เกี่ยวข้องทันที ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าวมีการยิงประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่ยอมสั่งการอะไรที่จะยุติเหตุการณ์รุนแรง ตามหลัก นายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง แต่ด้วยความที่นายสมชาย มีความหน้าด้าน และอ่อนด้อยทางด้านจริยธรรมทางการเมืองจึงไม่เคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(ผอ.กอ.รมน.) จะมาดำรงตำแหน่งรองนากยรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง แทนพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ขอเอ่ยถึงบุคคลคนนี้ ถามต่อว่า ดูเหมือนว่าพล.ต.จำลอง ไม่อยากแตะต้องพล.อ.พัลลภ เลย หรือว่าพันธมิตรฯจะมีแผนส่งพล.อ. พัลลภ ให้เป็นสายลับกับพ.ต.ท.ทักษิณ พล.ต.จำลอง รีบตอบปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง “ไม่ใช่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ไม่อยากเอ่ยถึงบุคคลคนนี้เท่านั้น ไม่มีนัยยะไม่มีลับลวงพราง ไม่มีแผนทั้งสิ้น เพราะผมเป็นคนตรงไปครงมา พูดแต่ความจริง”พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนกรณีที่จะมีการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี นั้นนายพิภพ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯไม่ได้ใส่ใจในการจัดรายการดังกล่าว ซึ่งก็ได้บอกทางรัฐบาลแล้วว่า การจัดรายการที่ใช้ภาษีอากรของประชาชนที่เป็นประโยชน์กับคนบางกลุ่ม โดยทางเจ้าหน้าที่รัฐบาล ไม่ควรเปิดช่อง เพราะจะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง ดังนั้นรัฐบาลต้องออกมารับผิดชอบการใช้สื่อของรัฐ
ถามว่า แต่ทางรัฐบาลระบุว่า สาเหตุที่เปิดพื้นที่รายการความจริงวันนี้สัญจรที่วัดสวนแก้ว เป็นไปเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้มีความเสมอภาคกัน นายพิภพ กล่าวว่า การเปิดพื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่เพื่อประชาชน แต่เป็นคนเพียงกลุ่มเดียว หากรัฐบาลยังจัดรายการดังกล่าวอยู่ จะนำไปสู่ความแตกแยกจนเกิดความรุนแรงขึ้นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเหตุเกิดระเบิดเช้ามืดของวันที่ 11 พ.ย. ที่ตำรวจออกมาระบุว่า เหตุระเบิดเกิดจากภายในทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้เป็นการใช้ปืนยิงเข้ามาจากพื้นที่รอบนอกนั้น พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า พันธมิตรฯไม่ได้สร้างสถานการณ์ และคงไม่ใครที่จะนำชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
“ใครจะบ้าทำเรื่องแบบนี้ เอาระเบิดมาปาใส่ตัวเอง มันเจ็บนะอาจถึงตายได้ ชีวิตของผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และผู้ชุมนุมก็ไม่ได้เป็นตำรวจ หรือทหาร เป็นเพียงคนธรรมดา การเฝ้าระวังเมื่อทำได้แค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว” พล.ต.จำลองกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ระบุว่า หลังจากวันที่ 19 พ.ย. เสร็จงานพระราชพิธีฯ แล้วจะนำ 47 โรนินซามูไรไร้สังกัด เข้าจัดการกับพันธมิตรฯ พล.ต. จำลอง กล่าวเหมือน*ทุกครั้งว่า ไม่ขอเอ่ยถึงบุคคลคนนี้
***สนธิชมอภิรักษ์จริยธรรมสูง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบฯ ว่า ความกลัวคือความถดถอยทางจิตวิญาณ สังคมไทยเกิดความกลัวกันมาก ทำให้ระบอบทักษิณเติบโตได้ ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องพูดถึงคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน และพรรคประชาธิปัตย์
“คุณอภิรักษ์ลาออก และพรรคปชป.มีมติให้ลาออก ผมโล่งอก อย่างน้อยที่สุด พรรคปชป.ที่ผมไม่ได้เป็นสมาชิกยังมีจริยธรรมสูงสุดในพรรคการเมืองทั้งหลาย การทำเช่นนี้เป็นตัวอย่างการเมืองที่อีกหน่อยถ้ามีการพิพากษาชี้มูลจากปปช.ไปยังพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชชิมาธิปไตย อย่างน้อยที่สุดจริยธรรมที่สร้างวันนี้เป็นบรรทัดฐานให้ทางพรรคพปช.จำเป็นต้องไม่หน้าด้านอยู่ต่อ เพราะคุณอภิรักษ์ได้ทำเป็นตัวอย่างแล้ว”
การที่ปชป.ทำเช่นนี้ สมควรที่ผมต้องแสดงจุดยืนที่มีต่อ ปชป. ของผมเอง ถ้าเห็นด้วยก็ทำตามผม จากนี้ไป ปชป. จะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม . ขอให้พวกเราเลือกปชป. เพื่อตอบแทนจริยธรรมที่พรรคนี้มี
“ผมดีใจที่ปชป.กล้าพอมองระยะยาว ถ้ากล้าหาญเพิ่มกว่าเก่าจะขอบคุณเขาน่าจะมีความกล้าหาญทางการเมืองมากกว่านี้อีกหลายด้านครับ” นายสนธิกล่าว
**สอนมวยการเมืองให้อนุพงษ์
อีกเรื่องหนึ่งคือ วันนี้ ( 12 พ.ย.) ต้องขอบคุณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในที่สุดกล้าตัดสินใจตั้งคณะกรรมการฯสอบวินัยพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ถึงแม้ว่าจะช้าไปอย่างมากๆก็ตาม แต่แสดงว่ายังพอมียางอายอยู่บ้าง ผมต้องอธิบายเรื่องบางเรื่องให้คุณอนุพงษ์เข้าใจก่อน
เมื่อคุณอนุพงษ์พูดว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ขอชี้แจงว่า พูดเช่นนี้เพราะคุณอนุพงษ์ยังไม่เข้าใจการเมืองของเมืองไทยในปัจจุบัน น่าเสียดายที่อุตส่าห์เรียนปริญญาโทที่นิด้า มีอาจารย์ชื่อ สมบัติ ธำรงธัญญวงษ์ เพราะถ้าอนุพงษ์เข้าใจการเมืองเมืองไทยจะรู้ว่า ที่เป็นอยู่นี้นอกจากน้ำเน่าแล้วยังเป็นการเมืองผูกขาดและเผด็จการด้วย
ถ้าจะให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง ทำไมไม่ให้ช่อง 5 และเครือข่ายวิทยุ เปิดเวลาให้พวกเราได้แสดงออกทางการเมืองบ้าง แสดงว่าคุณอนุพงษ์ไม่เข้าใจพื้นฐานทางการเมืองเลยนิดเดียว เอาตำรามาพูดว่าการเมืองต้องแก้ได้ด้วยการเมืองผมไม่อยากบอกว่า เป็นความคิดที่ไร้เดียงสาจนเกินไป
คุณอนุพงษ์ ถ้าต้องการให้การเมืองแก้ได้ด้วยการเมืองคุณกำลังบังคับให้พวกเราที่ถูกใส่กุญแจมือเบื้องหลังไปสู้อีกฝ่ายที่เอาเอ็นบีทีของรัฐบาลมาถ่มถุยทุกวัน ทุกวินาที ถ้าอนุพงษ์เข้าใจการเมืองที่แท้จริงไม่พูดโดยไร้เดียงสา ต้องรีบจัดการเอาช่อง 5 แบ่งเวลามาให้เราแสดงออก พร้อมเครือข่ายทางทหารด้วย ถ้าเช่นนั้นแล้วการเมืองจึงแก้ได้ด้วยการเมืองครับ
“เราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เพียงแต่ให้โอกาสเราได้แสดงออก เอาความจริงของสังคมให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ความจริงของสังคมที่เป็นไปอย่างทุกวันนี้”
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยคือ ปัญหาการด้อยปัญญา การไม่รู้ การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การรู้ไม่เท่าทัน และการไม่รู้อะไรเลย คุณอนุพงษ์ครับ ผมไม่อยากมาสอนเรื่องการเมืองคุณอนุพงษ์ เพราะคุณเป็นทหาร ลำพังการเป็นทหาร กว่าคุณจะเริ่มรู้สึกว่าลูกน้องคุณเป็นนายพล ทำตัวเป็นกุ๊ย ในยศนายพล กว่าคุณจะรู้ต้องใช้เวลาตั้งนาน การเป็นผบ.ทบ.ของคุณ นอกจากตั้งคณะกรรมการสอบวินัยแล้ว ต้องสั่งกักบริเวณด้วย
**ต้องกักบริเวณขัตติยะ
นายสนธิกล่าวต่อว่าปัญหาที่สำคัญสุดของสังคมไทยไม่ใช่เรื่องปัญญาเท่านั้น ยังมีปัญหาเรื่องความกล้าหาญของคนที่ได้รับหน้าที่ เมื่อเรามีคนได้รับหน้าที่มอบหมายแต่ไม่มีความกล้าหาญที่จะทำ
“ผมขอวิพากษ์วิจารณ์ว่า การตั้งกรรมการฯ คุณตั้งช้าเกินไป แต่ดีกว่าไม่ตั้ง แต่ขอเถอะ เมื่อคนหนึ่งถูกตั้งคณะกรรมการฯ แสดงว่าคดีมีมูลต้องออกคำสั่งกักบริเวณ ขัตติยะ ด้วย ถึงจะพิสูจน์ความจริงใจที่คุณมีต่อการออกคำสั่งครั้งนี้ เพราะถ้าไม่ออกคำสั่งกักบริเวณ แสดงว่ามีความจำเป็นกดดันจากสังคมทำให้ต้องตั้งคณะกรรมการฯ”
นายสนธิกล่าวว่า เป็นข่าวสิริมงคลมาก ที่พวกเราเปิดทาง เราชุมนุมกันแล้วว่า การ์ดเรามีโอกาสบาดเจ็บทางการกลั่นแกล้ง เรายินดีพลีชีพ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเคารพพระบาทสมเด็จเพระเจ้าอยู่หัว
อีกข่าวคือ เส้นทางเสด็จเปลี่ยนจากถนนหลานหลวงมาเป็นถนนราชดำเนินแล้ว และการเปลี่ยนเส้นทางไม่ใช่เป็นการริเริ่มจากตำรวจเสียด้วยซ้ำ วันนี้เราไม่มีพันธมิตรเสื้อเหลือง นปก.เสื้อแดง ไม่มีซ้ายไม่มีขวา วันนี้สังคมไทยมาจุดสุดท้ายที่เขาเรียกว่าเปิดหน้าชกกัน ตรงที่ว่า วันนี้เราจะตัดสินใจกันตรงจุดง่ายๆ เข้าใจกันดี คือว่า ใครก็ตามต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ ในรูปแบบที่เราเคยมีมา ไม่มีการกล่าวล่วงล้ำ ไม่มีการละเมิด ไม่จาบจ้วง ให้มายืนข้างเรา แสดงจุดยืนให้ชัดทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน นักธุรกิจ แสดงจุดยืนให้ชัด ไม่จำเป็นต้องมาร่วมกับพธม. แต่เราจะบอกว่าที่เราสู้มาตลอดวันนี้ คือ วันที่ตัดสินกันว่าเรายืนอยู่ข้างพระมหากษัตริย์ ถ้าใครยืนให้ก้าวข้ามมายืนรวมกับพวกเรา
อย่าลืมวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราจะร่วมพิธีของพระพี่นางฯ จะไม่มีการพูดเรื่องการเมือง แต่ต้องมาให้พร้อมแต่งชุดดำมา ต้องรู้ว่าวันนี้วันลอยกระทง ผมไม่อยากร้องเพลงลอยกระทง แต่เมื่อเช้านี้มีคนทำกระทงใหญ่มีรูปผมและคุณทักษิณ ผมอยู่ขวา คุณทักษิณอยู่ซ้ายมี 2 นัยคือ นัยแรก มันสองคนนี้ทำให้บ้านเมือง เขามองอะไรตื้นๆ จะลอยให้สองคนออกไป อีกนัยหนึ่งคือว่า เมื่อจับมันผูกในกระทงเดียวกันออกไปแล้ว ชาติหน้าต้องเกิดมาคู่กันใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผมจะกราบเรียนว่า นัยแรก ผมไม่ใช่ตัวยุ่งของสังคม ไม่ใช่เลย ถ้าทักษิณเป็นคนที่มีศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม รักชาติบ้านเมือง ทำเพื่อแผ่นดิน ผมไม่มีสิทธิ์ว่าคุณทักษิณ พี่น้องไม่มีใครมานั่งชุมนุมที่นี่เลย เพราะฉะนั้น คนที่บอกว่ามันวุ่นเหลือเกิน นปก.ก็วุ่น พธม.ก็วุ่น แสดงว่าคนพวกนี้น่ากลัวมากที่สุดในสังคมไทย เพราะคนพวกนี้เห็นไฟไฟม้บ้านเขา เขายังไม่รู้ว่าทำไมไฟไหม้บ้าน เขาจะลากเตียงมานอนอยู่ริมถนนมองไฟไหม้บ้านไปเรื่อยๆ นี่คือคนในสังคมไทย มีอีกพอสมควรเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะคนพวกนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะไม่ถามไถ่ว่าทำไมถึงเกิด ใครทำให้เกิด เขาไม่ยุ่งอะไร ขอทำมาหากิน อย่างเดียว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
**วันนี้เปิดถนนราชดำเนินนอกได้
เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (12 พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการเปิดถนนราชดำเนินนอก บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า วันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) น่าจะสามารถเปิดถนนให้สัญจรได้ หลังจากทำการรื้อสิ่งกีดขวาง และทำความสะอาดพื้นถนนเสร็จ ส่วนกิจกรรมวันลอยกระทงวันนี้ ที่ทางพันธมิตรฯไม่จัดขึ้น เนื่องจากเป็นวันที่พันธมิตรฯ เกรงว่า จะไม่ปลอดภัย เพราะอาจจะเป็นการเปิดช่องให้บุคคลผู้ไม่ประสงค์ดี เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวชื่นชมในสปิริตของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ประกาศลาออกจาก ผู้ว่าฯ กทม.หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีซื้อรถและเรือดับเพลิง เพราะนักการเมืองไทยทุกวันนี้มักขาดจริยธรรม ความจริงหาก นายอภิรักษ์ จะใช้กฎหมายเพื่อหาช่องส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยก่อนก็สามารถทำได้ แต่ นายอภิรักษ์ ได้ตัดสินใจลาออก จึงถือเป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่ดี อยากให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่มีคดีติดตัวหลายคดี ได้สำเหนียกและปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวขอบคุณที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นการแสดงให้เห็นว่าทางกองทัพไม่เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ เสธ.แดง ที่ข่มขู่ประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งมีความผิดทางวินัย ที่บอกว่า หลังจากงานพระราชพิธีฯ วันที่ 19 พ.ย.จะทอดกฐินหลวง โดยให้ 47 โรนินซามูไรในสังกัด เข้าจัดการกับพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดที่มีไม่เว้นแต่ละวัน ว่า เหตุระเบิดล่าสุดของเช้ามืดวันที่ 11 พ.ย.ที่ทางสารวัตรทหารได้เข้าจับกุมรถเบนซ์ และรถวอลโว่ 2 คัน โดยตนทราบมา ว่า มีอาวุธร้ายแรงอยู่ภายในรถ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต กลับออกมาให้ข่าวว่า เป็นอาวุธปลอม จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการแอบช่วยเหลือผู้ต้องหามากกว่า