“สมเกียรติ” หยัน “นช.แม้ว” จนตรอก หลังถูกทางการอังกฤษเพิกถอนวีซ่า จนต้องกลายเป็น “นักการเมืองสัมภเวสี” จนต้องระหกระเหินไปจีน-ฟิลิปปินส์ ก่อนแฉ “อดีตนายกฯ” จ่อใช้แผน “ลัทธิก่อการร้าย” หวังสร้างความรุนแรงให้ประประเทศชาติเพื่อตัวเอง วอน “แนวร่วมพันธมิตรฯ” ยืนหยัดสู้ “ทรราช” อย่าหวั่นไหวต่อเหตุร้ายรายวัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (9 ต.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวงานทอดกฐินที่วัดหนองปรู อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า ตนไปเป็นประธานทอดกฐินที่วัดดังกล่าว ซึ่งไม่มีใครจองกฐินเลย ก็เลยเอาเงินส่วนบริจาคไป 10,000 บาท แต่พี่น้องที่ไปร่วมทอดกฐินบริจาคคืนให้กับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี 31,000 บาท เชื่อหรือไม่ว่ามีแต่พันธมิตรฯ ล้วนๆ ที่ไปรำรอบโบสถ์ของวัดที่ห่างไกลขนาดนั้น ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่ร่วมกันบริจาคเงิน สิ่งของ และเครื่องดื่มมาให้กับพี่น้อง และแกนนำพันธมิตรฯ
ส่วนกรณีที่พันธมิตรฯ ฮุสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รวมตัวกันไปขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า นายชัชวาลซึ่งเป็นประธานพันธมิตรฯ ระบุว่า เขารู้ล่วงหน้าไม่ถึง 2 ชั่วโมง เขาจึงตัดสินใจโทรรวบรวมแนวร่วมพันธมิตรฯ ได้ทั้งสิ้น 7 คน โดยต้องไปซื้อกระดาษกับปากกาเอาข้างหน้า จึงเขียนง่ายๆ เพื่อเขียนขับไล่นายสมัคร พอเขาออกจากสนามบินแล้วขับรถกลับบ้าน เขาก็ปรึกษากันทั้ง 7 คนว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่ที่ไปทำร้ายคนแก่ที่ใกล้จะปิดฉากชีวิต ทำให้พวกเขาซึมเศร้าอยู่พักใหญ่
“แต่ในวันรุ่งขึ้น นายสมัครกลับเขียนจดหมาย 3 หน้ากระดาษ ระบุว่าพันธมิตรฯ ฮุสตัน ใช้คำหยาบคาย แต่พันธมิตรฯ ฮุสตัน เขาจึงยืนยันว่าเขาตัดสินใจถูก เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้คำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว โดยเมื่อตอนที่นายสมัครกับครอบครัวไปถึง พันธมิตรฯ ฮุสตันยืนยันว่าเขาพูดเพียงประโยคเดียว คือ พวกขายชาติมาแล้ว เราจึงตั้งขบวนต้อนรับ นั่นแค่เพียงประโยคเดียว ครั้งเดียว แต่นายสมัครกลับบอกว่า คนไทยอยู่ไกลบ้านแบ่งแยกกัน แล้วยังมาใช้คำหยาบคายกับนายสมัคร” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนได้ไปพบกับ 2 นักวิชาการจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ตนได้ไปดูเดี่ยวไมโครโฟนของนางสาวอัญชลี ไพรีรัก ปรากฏว่า บัตรจำนวน 1,200 ใบ หมดเกลี้ยงภายใน 2 ชั่วโมง ที่สำคัญเขาเข้าไปนั่งกับพื้นโรงแรมเต็มไปหมด แต่พอเดินออกมาเจอ นปก.5 คน แต่ไม่กล้าด่าตน ทำเพียงแค่พูดกันไปพูดกันมาเท่านั้น ฉะนั้น เราจึงเห็นว่ากระแสของพันธมิตรฯ สูงมาก นั่นหมายถึงเส้นทางของพันธมิตรฯ ได้เชื่อมต่อระหว่างสังคมชั้นสูงไปจนถึงสังคมชนบท
“อาการของพวกชนบทกำลังอยู่ในอาการมึนงงสงสัย ว่าทำไมคนที่เขานิยมชื่นชอบถึงจ่อที่จะติดคุก ฉะนั้น ถ้าใครไปให้ข้อมูลให้พวกเขาหายสงสัย เขาก็จะลุกขึ้นสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมกัน ที่สำคัญมีคนชนบทเอาเงินมาให้ผม 3,000 บาท บอกเอาเงินไปกู้ชาติ นั่นแสดงให้เห็นว่าฟ้าชนบทเปิดขึ้นแล้ว ถามว่าพี่น้องรู้จักบินลาดินหรือไม่ โดยเขาจะโฟนอิน และส่งคลิปเข้าไป เพราะเข้าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล แต่ตอนนี้ไอ้หน้าเหลี่ยมกำลังจะแซงหน้าไปแล้ว และต่อไปเครื่องมือที่เหลืออยู่ของไอ้หน้าเหลี่ยมก็คือ โฟนอิน และคลิปวิดีโอ ฉะนั้นจึงเปรียบเสมือนลัทธิก่อการร้ายที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะใน กทม.” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ของเราจะถูกซื้อตัวออกไป แล้วให้ไปพกอาวุธร้ายแรง เพื่อให้คนเกิดความกลัว ฉะนั้นเมื่อมีคนแทรกซึมเข้ามา เราก็ไล่ออกไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แต่เขาเข้ามาเพ่นพ่านอีกจำนวนมาก เราจึงถูกแทรกซึมได้ง่าย ฉะนั้น แนวรบก่อการร้ายแนวใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสูด และกระทรวงการต่างประเทศตาบอด แต่ประเทศอังกฤษเขาเห็น เพราะเขาเพิกถอนวีซ่าให้โจร แต่ไทยกลับออกพาสปอร์ให้โจร และถ้าเราประกาศเลิกซื้อมือตบ ประเทศจีนก็จะไล่โจรไปเหมือนกัน
“พอไปประเทศประเทศฟิลิปปินส์ เขาก็หวั่นๆ พอไปประเทศจีน เขาก็กลัวว่าคนเสื้อเหลืองจะไปล้อมสถานทูต ฉะนั้นนักการเมืองสัมภเวสีคนนี้ จะไปอยู่ตามตะเขบชายแดน เหมือนนายพอลพต เฮงสัมริน อดีตผู้นำกัมพูชา ซึ่งเราก็จะไปตั้งพันธมิตรฯ เป็นจุดๆ ตามชายแดน ที่แน่ๆ คือ แนวรบที่ทำเนียบฯ เป็นแนวรบไม่เปลี่ยนแปลง จึงขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ เตรียมตัวเอาไว้ เพราะสงครามประชาชนรูปแบบใหม่ กำลังจะเกิดการแย่งชิงประชาชนภาคชนบท เพราะถ้าใครแย่งชิงได้มากกว่า ฝ่ายนั้นก็จะได้รับชัยชนะ ดังนั้นขอให้พี่น้องจงหนักแน่นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า พี่น้องพันธมิตรฯ อย่าถามเลยว่ากลัวหรือไม่ เพราะการยืนหยัดเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์จากสงครามกู้ชาติเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แล้วพี่น้องพันธมิตรฯ จะไปกลัวสงครามย่อยๆ เช่นนี้ได้อย่างไร