นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม ฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุม ว่าวิปฝ่ายค้านมีความเป็นห่วงและวิตกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังถูกเพิกถอนวีซ่าประเทศอังกฤษว่า อาจทำให้สถานการณ์ของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยมีข้อกังวลใน 2 ระดับคือ
1.ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดเผยศัตรูของตนเอง โดยการโฟนอินผ่านรายการ ความจริงวันนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมของเครือข่าย แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) และกิจกรรของนักการเมืองของคนบ้านเลขที่111 โดยห่วงว่าจะยิ่งทำให้วิกฤติความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่กลไกของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีท่าทีใดๆ ที่จะออกมาปกป้องประเทศ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้จะเห็นว่ากลไลที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่าย กว้างขวาง มากขึ้นและลามที่จะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองเข้าไปเข้าไปยังวัด ทั้งนี้เชื่อว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี ในวันที่16 พ.ย.นี้ และไปสอดคล้องกับข่าวการขนอาวุธสงคราม เข้ามาใน กทม.ด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยเฉพาะการจับกุมผู้ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ
2. การเคลื่อนไหวระหว่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ และบริษัทประชาสัมพันธ์นั้น ตรงนี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมและรายชื่อศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตรงนี้ประเด็นคือหากรายชื่อที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดออกมาแล้วไม่ทราบว่าจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่ผลกระทบที่ตามมาคือทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นทางการค้าระหว่างประเทศ และเราเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ จงใจที่จะให้เราเสียเปรียบ การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่อการลงทุนระหว่างประเทศและสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุด
นายสาทิตย์ ได้เสนอแนวทางยุติปัญหาความขัดแย้ง 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาลจะต้องถอนพาสปอร์ตแดงของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของประเทศ 2. อัยการสูงสุด ควรติดตามคดีที่เกี่ยวกับรัฐและทำหนังสือชี้แจงไปยังรัฐบาลทั้ง190 ประเทศ ให้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ 3.นายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศต้องเลือกข้างระหว่างประเทศ หรือพี่เมียนายกฯ อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นอีกนายสมชาย ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะต้องใช้อำนาจเท่าที่มียับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
ประธานวิปฝ่ายค้านยังได้ตั้งข้อสังเกตุอีกว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ส.ส. ในพื้นที่ว่ามีขบวนการเคลื่อนไหว จงใจให้ร้ายสถาบันสูงสุดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ จ.สมุทรปราการ ที่มีการแจกใบปลิว ไปแปะไว้หน้ากระจกรถ ตามสถานที่ ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเนื้อหาดังกล่าวชาวบ้านที่ไปพบ เมื่ออ่านก็ยังตกใจ แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ในจังหวัดกับไม่มีการดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ที่ จ.เชียงราย ยังพบการพิมพ์ เอกสารเป็นรูปเล่มโจมตีสถาบัน เนื้อหามีความพยายามเชื่อมโยงกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มหนึ่ง พรรคการเมือพรรคหนึ่งกับสถาบันสูงสุด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่า เป็นฝีมือของพรรคการเมืองหนึ่งอยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ภายใน2-3 วันนี้ วิปฝ่ายค้านจะเปิดเผยเอกสารดังกล่าว โดยขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสภานิติบัญญัติ ด้วยการใช้เสียงข้างมากในสภาดองกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระต่างๆ ได้แก่ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งๆ ที่สภาฯชุดนี้เปิดทำงานมาแล้ว 10 เดือน แต่กลับไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการเตะถ่วงเวลาของประธานสภาผู้แทนราษฎร กับรัฐบาล เพื่อช่วยคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งล่าสุดกด็ยังส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถ่วงเวลาอีก ทั้งนี้วิปฝ่ายค้านเชื่อว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธี วันที่16 พ.ย.นี้ รัฐบาล จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมเปิดสภาสมัยวิสามัญในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่มวงเงินงบประมาณกลางปีงบฯ52 อีก 1 แสนล้าน เกรงว่าจะมีการสอดไส้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นด้วย ที่จะมีการพิจารณางบประมาณ 1แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องรอดูพฤติกรรมที่เหลือ2 สัปดาห์ของรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุม เพราะมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่า หากไม่สามารถยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291ได้ก็ยังมีร่างแก้ไข ของ คปพร. ค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของรัฐสภาซึ่งเชื่อว่า ถ้าพูดแบบนี้ก็เชื่อว่าน่าจะมีการสอดไส้ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยแน่นอน
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ พ.ตค.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะโฟนอินเข้ามาแฉชื่อผู้ที่เป็นศัตรู ว่า เป็นการแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอารมย์โกรธแค้น และต้องตามล้างแค้นคนที่เป็นศัครูอย่างไม่ลดละ ถือเป็นการส่งสัญญาณเพื่อเปิดศึกกับคนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองร้อนแรง ความสมานฉันท์ก็คงจะเกิดขึ้นได้อยาก
นายเทพไท กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังที่จะกลับคำพูดของตนเองที่ประกาศว่า จะหยุดเล่นการเมืองแต่พฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ยังมีความอาฆาแค้น ทางการเมือง และยังคงเดินเกมการเมืองต่อไปอย่างแน่นอน ดูได้จากคำสัมภาษณ์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการ กอ.รมน. ที่เดินทาง ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศจีน และพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ามีทางเดียวที่จะยุติปัญหาและความแตกแยกของคนในชาติได้ ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ ยุติบทบาทแล้ว ทางกลุ่ม นปช. กลุ่มพล.อ.สล้าง บุญนาค และพล.ต.ขัตติ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ก็จะยุติบทบาททันที แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ เคลื่อนไหวภายใต้การสนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ ถึงกล้าออกมาการันตีอย่างนี้
ผมอยากถามคุณทักษิณว่า ทำไมต้องไปเรียกร้องให้คนโน้น คนนี้ หยุดการเคลื่อนไหว อยากให้ย้อนดูตัวเองบ้างว่า หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว หรือยัง เพราะตัวปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คุณทักษิณ ถ้าไม่มีคุณทักษิณก็ไม่มีปัญหา คุณทักษิณ ไม่เคยยอมรับผิด และไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่กับโทษว่าความผิดเป็นของคนอื่น ตัวเองถูกต้องเสมอ การส่งสัญญาณชักธงรบในขณะนี้ ทำให้ลูกพรรคพลังประชาชน ออกมาเคลื่อนไหวขานรับแนวทางของคุณทักษิณ เหมือนกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ เช่น นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คุณทักษิณ จะกลับมาประเทศไทย ในต้นเดือน ธ.ค. นี้ และจะมีคนไปรับเต็มสนามบินสุวรรณภูมิ ในพื้นที่ 2 หมื่นไร่ และยังบอกว่า คุณทักษิณ คืนพาสปรอต์แดงให้กับประเทศไทยแล้ว ทั้งที่นายกฯและรมว.ต่างประเทศ ออกมาบอกว่า ยังไม่มีการคืนพาสปอร์ตแดงแต่อย่างใด
นายเทพไท กล่าวว่ากรณีที่สามเกลอหัวกลม ประกาศในรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT ว่า จะจัดเตรียมรายการความจริงวันนนี้สัญจร ไปเรื่อยๆ เพื่อรองรับโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ใ รวมทั้งกรณีที่นายสุรพงศ์ โตวิจักชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กดดันรมว.ต่างประเทศ ให้ทำหนังสือสอบถามเหตุผลการยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ของอังกฤษ ถือว่าเป็นการเสียมารยาทางการทูตอย่างแรง ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของสมาชิกพรรคพลังประชาชนแต่ละครั้งสร้างความสับสน เพราะมีความขัดแย้งกันภายในตลอดเวลา อาจเป็นเพราะพรรคพลังประชาชน ตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายไม่มีหัวหน้าพรรคคอยควบคุมและคอยตักเตือนลูกพรรค
1.ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดเผยศัตรูของตนเอง โดยการโฟนอินผ่านรายการ ความจริงวันนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมของเครือข่าย แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) และกิจกรรของนักการเมืองของคนบ้านเลขที่111 โดยห่วงว่าจะยิ่งทำให้วิกฤติความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่กลไกของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีท่าทีใดๆ ที่จะออกมาปกป้องประเทศ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้จะเห็นว่ากลไลที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่าย กว้างขวาง มากขึ้นและลามที่จะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองเข้าไปเข้าไปยังวัด ทั้งนี้เชื่อว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี ในวันที่16 พ.ย.นี้ และไปสอดคล้องกับข่าวการขนอาวุธสงคราม เข้ามาใน กทม.ด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยเฉพาะการจับกุมผู้ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ
2. การเคลื่อนไหวระหว่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ และบริษัทประชาสัมพันธ์นั้น ตรงนี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมและรายชื่อศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตรงนี้ประเด็นคือหากรายชื่อที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดออกมาแล้วไม่ทราบว่าจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่ผลกระทบที่ตามมาคือทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นทางการค้าระหว่างประเทศ และเราเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ จงใจที่จะให้เราเสียเปรียบ การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่อการลงทุนระหว่างประเทศและสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุด
นายสาทิตย์ ได้เสนอแนวทางยุติปัญหาความขัดแย้ง 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาลจะต้องถอนพาสปอร์ตแดงของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของประเทศ 2. อัยการสูงสุด ควรติดตามคดีที่เกี่ยวกับรัฐและทำหนังสือชี้แจงไปยังรัฐบาลทั้ง190 ประเทศ ให้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ 3.นายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศต้องเลือกข้างระหว่างประเทศ หรือพี่เมียนายกฯ อย่างไรก็ตามหากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นอีกนายสมชาย ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะต้องใช้อำนาจเท่าที่มียับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
ประธานวิปฝ่ายค้านยังได้ตั้งข้อสังเกตุอีกว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ส.ส. ในพื้นที่ว่ามีขบวนการเคลื่อนไหว จงใจให้ร้ายสถาบันสูงสุดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ จ.สมุทรปราการ ที่มีการแจกใบปลิว ไปแปะไว้หน้ากระจกรถ ตามสถานที่ ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเนื้อหาดังกล่าวชาวบ้านที่ไปพบ เมื่ออ่านก็ยังตกใจ แต่ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ในจังหวัดกับไม่มีการดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ที่ จ.เชียงราย ยังพบการพิมพ์ เอกสารเป็นรูปเล่มโจมตีสถาบัน เนื้อหามีความพยายามเชื่อมโยงกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มหนึ่ง พรรคการเมือพรรคหนึ่งกับสถาบันสูงสุด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่า เป็นฝีมือของพรรคการเมืองหนึ่งอยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ภายใน2-3 วันนี้ วิปฝ่ายค้านจะเปิดเผยเอกสารดังกล่าว โดยขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสภานิติบัญญัติ ด้วยการใช้เสียงข้างมากในสภาดองกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระต่างๆ ได้แก่ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งๆ ที่สภาฯชุดนี้เปิดทำงานมาแล้ว 10 เดือน แต่กลับไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการเตะถ่วงเวลาของประธานสภาผู้แทนราษฎร กับรัฐบาล เพื่อช่วยคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งล่าสุดกด็ยังส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถ่วงเวลาอีก ทั้งนี้วิปฝ่ายค้านเชื่อว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธี วันที่16 พ.ย.นี้ รัฐบาล จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมเปิดสภาสมัยวิสามัญในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่มวงเงินงบประมาณกลางปีงบฯ52 อีก 1 แสนล้าน เกรงว่าจะมีการสอดไส้แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นด้วย ที่จะมีการพิจารณางบประมาณ 1แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องรอดูพฤติกรรมที่เหลือ2 สัปดาห์ของรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุม เพราะมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่า หากไม่สามารถยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291ได้ก็ยังมีร่างแก้ไข ของ คปพร. ค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของรัฐสภาซึ่งเชื่อว่า ถ้าพูดแบบนี้ก็เชื่อว่าน่าจะมีการสอดไส้ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยแน่นอน
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ พ.ตค.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะโฟนอินเข้ามาแฉชื่อผู้ที่เป็นศัตรู ว่า เป็นการแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอารมย์โกรธแค้น และต้องตามล้างแค้นคนที่เป็นศัครูอย่างไม่ลดละ ถือเป็นการส่งสัญญาณเพื่อเปิดศึกกับคนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองร้อนแรง ความสมานฉันท์ก็คงจะเกิดขึ้นได้อยาก
นายเทพไท กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังที่จะกลับคำพูดของตนเองที่ประกาศว่า จะหยุดเล่นการเมืองแต่พฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ยังมีความอาฆาแค้น ทางการเมือง และยังคงเดินเกมการเมืองต่อไปอย่างแน่นอน ดูได้จากคำสัมภาษณ์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการ กอ.รมน. ที่เดินทาง ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศจีน และพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ามีทางเดียวที่จะยุติปัญหาและความแตกแยกของคนในชาติได้ ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ ยุติบทบาทแล้ว ทางกลุ่ม นปช. กลุ่มพล.อ.สล้าง บุญนาค และพล.ต.ขัตติ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ก็จะยุติบทบาททันที แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านี้ เคลื่อนไหวภายใต้การสนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ ถึงกล้าออกมาการันตีอย่างนี้
ผมอยากถามคุณทักษิณว่า ทำไมต้องไปเรียกร้องให้คนโน้น คนนี้ หยุดการเคลื่อนไหว อยากให้ย้อนดูตัวเองบ้างว่า หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว หรือยัง เพราะตัวปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คุณทักษิณ ถ้าไม่มีคุณทักษิณก็ไม่มีปัญหา คุณทักษิณ ไม่เคยยอมรับผิด และไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่กับโทษว่าความผิดเป็นของคนอื่น ตัวเองถูกต้องเสมอ การส่งสัญญาณชักธงรบในขณะนี้ ทำให้ลูกพรรคพลังประชาชน ออกมาเคลื่อนไหวขานรับแนวทางของคุณทักษิณ เหมือนกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ เช่น นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คุณทักษิณ จะกลับมาประเทศไทย ในต้นเดือน ธ.ค. นี้ และจะมีคนไปรับเต็มสนามบินสุวรรณภูมิ ในพื้นที่ 2 หมื่นไร่ และยังบอกว่า คุณทักษิณ คืนพาสปรอต์แดงให้กับประเทศไทยแล้ว ทั้งที่นายกฯและรมว.ต่างประเทศ ออกมาบอกว่า ยังไม่มีการคืนพาสปอร์ตแดงแต่อย่างใด
นายเทพไท กล่าวว่ากรณีที่สามเกลอหัวกลม ประกาศในรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT ว่า จะจัดเตรียมรายการความจริงวันนนี้สัญจร ไปเรื่อยๆ เพื่อรองรับโฟนอิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ใ รวมทั้งกรณีที่นายสุรพงศ์ โตวิจักชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กดดันรมว.ต่างประเทศ ให้ทำหนังสือสอบถามเหตุผลการยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ของอังกฤษ ถือว่าเป็นการเสียมารยาทางการทูตอย่างแรง ซึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของสมาชิกพรรคพลังประชาชนแต่ละครั้งสร้างความสับสน เพราะมีความขัดแย้งกันภายในตลอดเวลา อาจเป็นเพราะพรรคพลังประชาชน ตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายไม่มีหัวหน้าพรรคคอยควบคุมและคอยตักเตือนลูกพรรค