ที่พรรคชาติไทย เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (11 พ.ย.) มีการประชุม ส.ส. พรรคชาติไทย โดยมีนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ซึ่งขอลาประชุมเนื่องจากติดภารกิจที่ จ.สุพรรณบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมมีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันและความคืบหน้าเกี่ยวกับการการต่อสู้ในคดียุบพรรคชาติไทย ที่ได้ขอเลื่อนเวลาในการ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 15 วัน แม้ว่าทางพรรคจะมีข้อได้เปรียบจากข้อเท็จจริงเพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดี เนื่องจากกรณี การให้ใบแดงกับนายมณเฑียร สงฆ์ประชา ผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท กรรมการบริหารพรรคชาติไทย ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งนั้น ล่าสุดทางอัยการจังหวัดชัยนาทได้มีความเห็นสั่งไม่ส่งฟ้องคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากในส่วนของฝ่ายผู้กล่าวหาได้ขอ กลับคำให้การไปแล้ว รวมถึงข้อพิรุธในการสรุปสำนวนคดีในชั้นของฝ่ายสืบสวน สอบสวนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลางที่ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดชัยนาท
นายประภัตร กล่าวในที่ประชุมพรรคว่า หากมีสื่อมวลชนสอบถามถึงความเห็น และความคืบหน้าของคดีให้ตอบไปว่า คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้ไปถามที่นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ แกนนำพรรคในฐานะที่เป็นคณะทำงานด้านกฎหมายในคดีนี้โดยตรงจะดีที่สุด
นายประภัตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ทีมกฎหมายของพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ร่วมหารือถึงแนวทางต่อสู้ ในคดียุบพรรคทั้ง 3 ว่า ตนไม่มีความเห็นเพราะตอบไปเดี๋ยวจะพลาด เหมือนที่มีคนตอบมาแล้ว
วันเดียวกัน นายไนเจล บราวด์ หัวหน้าทีมพม่าและแม่โขง สำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย เดินทางมายังที่ทำการพรรคพลังประชาชน และหารือกับ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
ร.ท.กุเทพ กล่าวภว่า นายไนเจล ได้มาขอพบกับฝ่ายการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อต้องการรับทราบสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทย โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ที่ต้องเผชิญกับปัญหาคดียุบพรรค ซึ่งได้ชี้แจงว่า พรรคจะใช้แนวทางตามกรอบกฎหมายต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกวิถีทาง ส่วนกรณีการถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ได้รับการชี้แจงว่าเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์ของคนเข้าเมือง ถือเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ยึดกฎระเบียบเป็นหลัก
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะรักษาการรองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวยอมรับว่า มีข้อเสนอของ ส.ส.บางส่วนต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่าควรให้ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อให้คนของพรรคพลังประชาชนในลำดับถัดไปเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน เพื่อรักษาที่นั่งในสภาไว้ อย่างไรก็ตาม พรรคยังไม่มีมติในเรื่องนี้
ส่วนจะดำเนินการได้จริงหรือไม่นั้น นายบุญจง กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับส.ส.สัดส่วนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนส.ส.เขตต้องรอจนสิ้นสุดกระบวนการตัดสิน จากนั้นจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใหม่ แม้จะถูกยุบพรรค ก็จะไม่มีการยุบสภาตามที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ย้ำเสมอว่าจะบริหารประเทศทำประโยชน์ให้ประชาชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะลาออกจากส.ส.สัดส่วนหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ทราบ
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง กระแสข่าวว่า พรรคพลังประชาชน จะให้ ส.ส.สัดส่วนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ลาออก เป็นการเปิดทางให้กับคนที่ยังไม่ได้เป็นส.ส.เลื่อนลำดับเข้ามาทำหน้าที่แทน เพื่อยังคงให้ได้เสียงข้างมากในสภาฯ หากมีการยุบพรรค ว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ หาก ส.ส.สัดส่วนลาออก ก็จะต้องเลื่อนคนที่อยู่ลำดับถัดไปขึ้นแทน เพราะหากมีการ ยุบพรรคจริงคนที่เป็นส.ส.ก็สามารถที่จะไปหาพรรคอยู่ได้ภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ( 8 )
การจะลาออกก็ต้องมีเหตุผล แต่หากส.ส.เขตจะลาออกเพื่อไปสังกัดพรรคอื่น ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าให้ยุบพรรคถ้าลาออกก็จะทำให้สิ้น สมาชิสภาการเป็นส.ส.ทันที เพราะยังไม่มีเหตุอันควรตามรัฐธรรมนูญ ผมก็ไม่รู้ว่า เขาจะลาออกไปเพื่ออะไร นายสุทธิพล กล่าว
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้โอกาสพรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคพลังประชาชน ยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาว่า ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญรวมถึงอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ร้อง ยังไม่ได้ประสานมายัง กกต.ว่าจะขอหลักฐานและเอกสารต่างๆ รวมถึงให้ไปเป็นพยานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีหมายเรียกให้คนของ กกต.ไปเป็นพยานก็พร้อมให้ความร่วมมือ
นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ของ 20 ส.ว. ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวน่าจะอยู่ในชั้นดำเนินการของฝ่ายสำนักกฎหมาย และคดีแล้ว จากนั้นจะตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเข้าข่ายกฎหมายที่ กกต.พิจารณา ได้หรือไม่ ก่อนจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมมีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันและความคืบหน้าเกี่ยวกับการการต่อสู้ในคดียุบพรรคชาติไทย ที่ได้ขอเลื่อนเวลาในการ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 15 วัน แม้ว่าทางพรรคจะมีข้อได้เปรียบจากข้อเท็จจริงเพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดี เนื่องจากกรณี การให้ใบแดงกับนายมณเฑียร สงฆ์ประชา ผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท กรรมการบริหารพรรคชาติไทย ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งนั้น ล่าสุดทางอัยการจังหวัดชัยนาทได้มีความเห็นสั่งไม่ส่งฟ้องคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากในส่วนของฝ่ายผู้กล่าวหาได้ขอ กลับคำให้การไปแล้ว รวมถึงข้อพิรุธในการสรุปสำนวนคดีในชั้นของฝ่ายสืบสวน สอบสวนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลางที่ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดชัยนาท
นายประภัตร กล่าวในที่ประชุมพรรคว่า หากมีสื่อมวลชนสอบถามถึงความเห็น และความคืบหน้าของคดีให้ตอบไปว่า คดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ให้ไปถามที่นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ แกนนำพรรคในฐานะที่เป็นคณะทำงานด้านกฎหมายในคดีนี้โดยตรงจะดีที่สุด
นายประภัตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ทีมกฎหมายของพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ร่วมหารือถึงแนวทางต่อสู้ ในคดียุบพรรคทั้ง 3 ว่า ตนไม่มีความเห็นเพราะตอบไปเดี๋ยวจะพลาด เหมือนที่มีคนตอบมาแล้ว
วันเดียวกัน นายไนเจล บราวด์ หัวหน้าทีมพม่าและแม่โขง สำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย เดินทางมายังที่ทำการพรรคพลังประชาชน และหารือกับ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
ร.ท.กุเทพ กล่าวภว่า นายไนเจล ได้มาขอพบกับฝ่ายการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อต้องการรับทราบสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทย โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ที่ต้องเผชิญกับปัญหาคดียุบพรรค ซึ่งได้ชี้แจงว่า พรรคจะใช้แนวทางตามกรอบกฎหมายต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกวิถีทาง ส่วนกรณีการถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ได้รับการชี้แจงว่าเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ที่พิจารณาตามหลักเกณฑ์ของคนเข้าเมือง ถือเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ยึดกฎระเบียบเป็นหลัก
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะรักษาการรองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวยอมรับว่า มีข้อเสนอของ ส.ส.บางส่วนต่อที่ประชุมพรรคพลังประชาชนว่าควรให้ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อให้คนของพรรคพลังประชาชนในลำดับถัดไปเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน เพื่อรักษาที่นั่งในสภาไว้ อย่างไรก็ตาม พรรคยังไม่มีมติในเรื่องนี้
ส่วนจะดำเนินการได้จริงหรือไม่นั้น นายบุญจง กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับส.ส.สัดส่วนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนส.ส.เขตต้องรอจนสิ้นสุดกระบวนการตัดสิน จากนั้นจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใหม่ แม้จะถูกยุบพรรค ก็จะไม่มีการยุบสภาตามที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ย้ำเสมอว่าจะบริหารประเทศทำประโยชน์ให้ประชาชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะลาออกจากส.ส.สัดส่วนหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ไม่ทราบ
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง กระแสข่าวว่า พรรคพลังประชาชน จะให้ ส.ส.สัดส่วนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ลาออก เป็นการเปิดทางให้กับคนที่ยังไม่ได้เป็นส.ส.เลื่อนลำดับเข้ามาทำหน้าที่แทน เพื่อยังคงให้ได้เสียงข้างมากในสภาฯ หากมีการยุบพรรค ว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ หาก ส.ส.สัดส่วนลาออก ก็จะต้องเลื่อนคนที่อยู่ลำดับถัดไปขึ้นแทน เพราะหากมีการ ยุบพรรคจริงคนที่เป็นส.ส.ก็สามารถที่จะไปหาพรรคอยู่ได้ภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ( 8 )
การจะลาออกก็ต้องมีเหตุผล แต่หากส.ส.เขตจะลาออกเพื่อไปสังกัดพรรคอื่น ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยว่าให้ยุบพรรคถ้าลาออกก็จะทำให้สิ้น สมาชิสภาการเป็นส.ส.ทันที เพราะยังไม่มีเหตุอันควรตามรัฐธรรมนูญ ผมก็ไม่รู้ว่า เขาจะลาออกไปเพื่ออะไร นายสุทธิพล กล่าว
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญให้โอกาสพรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคพลังประชาชน ยื่นคำชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาว่า ขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญรวมถึงอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ร้อง ยังไม่ได้ประสานมายัง กกต.ว่าจะขอหลักฐานและเอกสารต่างๆ รวมถึงให้ไปเป็นพยานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีหมายเรียกให้คนของ กกต.ไปเป็นพยานก็พร้อมให้ความร่วมมือ
นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ของ 20 ส.ว. ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวน่าจะอยู่ในชั้นดำเนินการของฝ่ายสำนักกฎหมาย และคดีแล้ว จากนั้นจะตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเข้าข่ายกฎหมายที่ กกต.พิจารณา ได้หรือไม่ ก่อนจะเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง