ลูกชายกำนันตำบลจันจว้า พยานคดี “ยงยุทธ” โกงเลือกตั้ง ร้องขอความเป็นธรรม ให้ส่ง ตร.คุ้มครองบิดา เกรงไม่ได้รับความปลอดภัย หลังเป็นพยานให้กับ กกต.พร้อมร้องให้โอนคดีพยายามฆ่าของบิดาให้ตำรวจส่วนกลางทำ เพื่อความเป็นธรรม ลูกชาย เผย หลังบิดาเป็นพยานคดีนี้ชีวิตถูกคุกคาม โทร.ขู่ เขียนจดหมายขู่ฆ่า ระบุ “กูจะฆ่ามึงให้ตายเหมือนหมาเร็ววันนี้”
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายชัย ชำนาญกิจ ทนายความสภาทนายความได้พานายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชาย นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานในคดี นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พบ พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากนายชัยวัฒน์ถูกข่มขู่คุกคามหลังไปเป็นพยานในคดีนี้
นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลังจากที่ นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย ได้กล่าวหา นายยงยุทธ ว่า ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกบิดาไปให้ถ้อยคำเป็นพยานและดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ สรุปสำนวนมีความเห็นว่า นายยงยุทธ กระทำความผิด จากนั้นก็ได้ดำเนินการส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยให้รับสำนวนไว้พิจารณาไต่สวน เป็นเหตุให้นายยงยุทธต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร
“ภายหลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจและทหาร ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ และโยกย้ายข้าราชการที่มีความใกล้ชิดกับนายยงยุทธ มาปฏิบัติหน้าที่แทน” นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า หลังจากที่บิดาไปให้การเป็นพยานในคดีนี้ก็ได้มีการคุกคามชีวิต และมีโทรศัพท์ข่มขู่จนบิดาต้องหลบซ่อนตัวไม่กล้าอยู่บ้าน เพราะกลัวถูกเอาชีวิตมีจดหมายข่มขู่เอาชีวิตบิดาส่งมาถึงบ้านมีข้อความ”กูจะฆ่ามึงให้ตายเหมือนหมาเร็ววันนี้” นอกจากนั้น ยังส่งเจ้าหน้าที่มาติดต่อร้องขอมายังบิดา และตนเองกลับคำให้การในชั้นการพิจารณาของศาล โดยเสนอแลกกับทรัพย์สินแล้วแต่ครอบครัวตนเองต้องการ แต่เมื่อบิดาและครอบครัวปฎิเสธ ก็ถูกคุกคามข่มขู่ตนเองและครอบครัวรวมทั้งญาติที่บวชเป็นพระภิกษุด้วย นอกจากนั้นยังมีการเสนอให้มารดาของตนเองเข้ารักษาพยาบาลทั้งที่ไม่ได้ป่วยเป็นอะไร เพื่อให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้บิดาของตนเองปรากฏตัว
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า เมื่อตนเองและครอบครัวไม่ยอมก็มีความพยายามกลั่นแกล้งกล่าวหาว่า บิดาของตนเองกระทำความผิดฐานพยายามฆ่ากำนันคนหนึ่งซึ่งมีความสนิทคุ้นเคยกับบิดาข้าพเจ้าเป็นอย่างดี เป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ท้องที่ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมทั้งมีการขออนุมัติหมายจับต่อศาล เพื่อมุ่งหวังว่าบิดาของตนเองจะกลับคำให้การในชั้นศาลให้การเป็นประโยชน์ต่อนายยงยุทธ
“ที่ตนเองมาร้องของความเป็นธรรมในวันนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตำรวจไปคุ้มครองบิดา เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตหลังเป็นพยานให้กับ กกต.นอกจากนั้น ยังต้องการให้โอนคดีพยายามฆ่าของบิดามาให้ตำรวจส่วนกลางคดีแทนเพื่อความเป็นธรรม บิดาจะได้ออกมาต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายไม่ต้องหลบซ่อนตัวอยู่แบบนี้” นายเกรียงไกร กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อทำการตรวจสอบและดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายชัย ชำนาญกิจ ทนายความสภาทนายความได้พานายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชาย นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานในคดี นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พบ พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเนื่องจากนายชัยวัฒน์ถูกข่มขู่คุกคามหลังไปเป็นพยานในคดีนี้
นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลังจากที่ นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย ได้กล่าวหา นายยงยุทธ ว่า ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เรียกบิดาไปให้ถ้อยคำเป็นพยานและดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ สรุปสำนวนมีความเห็นว่า นายยงยุทธ กระทำความผิด จากนั้นก็ได้ดำเนินการส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยให้รับสำนวนไว้พิจารณาไต่สวน เป็นเหตุให้นายยงยุทธต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร
“ภายหลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้มีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจและทหาร ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ และโยกย้ายข้าราชการที่มีความใกล้ชิดกับนายยงยุทธ มาปฏิบัติหน้าที่แทน” นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า หลังจากที่บิดาไปให้การเป็นพยานในคดีนี้ก็ได้มีการคุกคามชีวิต และมีโทรศัพท์ข่มขู่จนบิดาต้องหลบซ่อนตัวไม่กล้าอยู่บ้าน เพราะกลัวถูกเอาชีวิตมีจดหมายข่มขู่เอาชีวิตบิดาส่งมาถึงบ้านมีข้อความ”กูจะฆ่ามึงให้ตายเหมือนหมาเร็ววันนี้” นอกจากนั้น ยังส่งเจ้าหน้าที่มาติดต่อร้องขอมายังบิดา และตนเองกลับคำให้การในชั้นการพิจารณาของศาล โดยเสนอแลกกับทรัพย์สินแล้วแต่ครอบครัวตนเองต้องการ แต่เมื่อบิดาและครอบครัวปฎิเสธ ก็ถูกคุกคามข่มขู่ตนเองและครอบครัวรวมทั้งญาติที่บวชเป็นพระภิกษุด้วย นอกจากนั้นยังมีการเสนอให้มารดาของตนเองเข้ารักษาพยาบาลทั้งที่ไม่ได้ป่วยเป็นอะไร เพื่อให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้บิดาของตนเองปรากฏตัว
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า เมื่อตนเองและครอบครัวไม่ยอมก็มีความพยายามกลั่นแกล้งกล่าวหาว่า บิดาของตนเองกระทำความผิดฐานพยายามฆ่ากำนันคนหนึ่งซึ่งมีความสนิทคุ้นเคยกับบิดาข้าพเจ้าเป็นอย่างดี เป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ท้องที่ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมทั้งมีการขออนุมัติหมายจับต่อศาล เพื่อมุ่งหวังว่าบิดาของตนเองจะกลับคำให้การในชั้นศาลให้การเป็นประโยชน์ต่อนายยงยุทธ
“ที่ตนเองมาร้องของความเป็นธรรมในวันนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตำรวจไปคุ้มครองบิดา เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตหลังเป็นพยานให้กับ กกต.นอกจากนั้น ยังต้องการให้โอนคดีพยายามฆ่าของบิดามาให้ตำรวจส่วนกลางคดีแทนเพื่อความเป็นธรรม บิดาจะได้ออกมาต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมายไม่ต้องหลบซ่อนตัวอยู่แบบนี้” นายเกรียงไกร กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อทำการตรวจสอบและดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
