เอเอฟพี – สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่ายอดขายปืนในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนตุลาคม เนื่องจากพวกนักเล่นปืนหวั่นเกรงกันว่า หากบารัค โอบามา ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ก็จะร่วมมือกับพวกเดโมแครตในคองเกรสคุมเข้มเรื่องอาวุธปืนมากขึ้น
ทั้งนี้ เอฟบีไอได้อ้างข้อมูลการซื้อขายอาวุธปืนของตำรวจที่ว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการซื้อขายอาวุธปืนในสหรัฐฯ ถึง 1.18 ล้านกระบอก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปืนยาวถึงราว 150,000 กระบอก และแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานตัวเลขชัดเจน แต่ยอดขายปืนไรเฟิล ปืนพก และปืนกึ่งอัตโนมัติก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเข่นกัน
“แน่นอนว่าผลการเลือกตั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่ชัดเจนมากทีเดียวว่าโอบามาจะได้ชัยชนะ และยอดขายปืนก็ทะยานตัวขึ้นตอนปลายเดือน” โทนี แอสชไลแมน โฆษกของมูลนิธิกีฬายิงปืนแห่งชาติ กล่าว
พวกเจ้าของร้านค้าปืนต่างก็แสดงความหวั่นวิตกในทำนองเดียวกันว่า ต่อไปรัฐบาลคงควบคุมการซื้อขายอาวุธปืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอบามานั้นมีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นพวกต่อต้านการใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์แตกตื่นแห่ซื้อปืนเก็บไว้นี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งที่บิล คลินตันได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 1992
ทั้งนี้ เอฟบีไอได้อ้างข้อมูลการซื้อขายอาวุธปืนของตำรวจที่ว่า ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการซื้อขายอาวุธปืนในสหรัฐฯ ถึง 1.18 ล้านกระบอก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปืนยาวถึงราว 150,000 กระบอก และแม้ว่าจะยังไม่มีรายงานตัวเลขชัดเจน แต่ยอดขายปืนไรเฟิล ปืนพก และปืนกึ่งอัตโนมัติก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเข่นกัน
“แน่นอนว่าผลการเลือกตั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่ชัดเจนมากทีเดียวว่าโอบามาจะได้ชัยชนะ และยอดขายปืนก็ทะยานตัวขึ้นตอนปลายเดือน” โทนี แอสชไลแมน โฆษกของมูลนิธิกีฬายิงปืนแห่งชาติ กล่าว
พวกเจ้าของร้านค้าปืนต่างก็แสดงความหวั่นวิตกในทำนองเดียวกันว่า ต่อไปรัฐบาลคงควบคุมการซื้อขายอาวุธปืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอบามานั้นมีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นพวกต่อต้านการใช้อาวุธ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์แตกตื่นแห่ซื้อปืนเก็บไว้นี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งที่บิล คลินตันได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 1992