ผู้จัดการรายวัน - ธ.ก.ส.ประชุมสรุปยอดความเสียหายลูกค้าประสบภัยน้ำท่วมภายในสิ้นเดือนนี้ ออกมาตรการตัดหนี้สูญสำหรับผู้เสียชีวิตอัดแคมเปญยืดหนี้เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน เบื้องต้นพบยอดความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาทเดือดร้อนเกือบ 2 แสนครอบครัว
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาปรับปรุงมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ และเสนอต่อกระทรวงการคลังเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้แนวทางการให้ความช่วยเหลือประกอบด้วย 1.การตัดหนี้สูญสำหรับเกษตรกรที่เสียชีวิต โดยธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2.การขยายระยะเวลาในการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้เก่าที่ได้รับความเสียหาย จากเดิม 1 ปี เป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระแทน และ 3.ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับลูกหนี้เพื่อฟื้นฟูอาชีพ เพิ่มจากรายละ 3 หมื่น เป็นรายละไม่เกิน 1 แสนบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน โดยลบจากอัตราดอกเบี้ยที่คิดอยู่ที่ 3% โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชำระดอกเบี้ยในส่วนต่างให้
“วงเงินที่รัฐบาลจะสนับสนุนใน 2 มาตรการดังกล่าวเดิมคาดได้ว่าจะอยุ่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท แต่ดูเหมือนยิ่งนานวันสถานกาณ์น้ำมท่วมดูเมหือนจะกลับทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อน้ำเริ่มลงมาที่ภาคกลาง จะยิ่งกินพื้นที่การเกษตรให้เสียหายในวงกว้างมากขึ้น เช่น นาข้าว และบ่อปลา เป็นต้น”
ทั้งนี้จากรายงานของพื้นที่สาขาที่ได้รายงานมาเป็นระยะปรากฎว่า ยอดความเสียหายที่ตรวจสอบเบื้องต้น มีพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 1.2 ล้านไร่ จากเดิมที่ไม่ถึง 1 ล้านไร่ พื้นที่ขุดบ่อเลี้ยงปลาเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ จากเมื่อ 2 วันก่อนที่เสียหาย 9,000 ไร่ ส่วนโค - กระบือ ประมาณ 2,000 ตัว สัตว์ปีกกว่า 1 แสน ตัว รวมแล้วเป็นเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ประมาณ 1.8 แสนครอบครัว โดยมีหนี้อยู่กับ ธ.ก.ส. 1 พัน ล้านบาท
นายเอ็นนู กล่าวด้วยว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือนั้น จะมีพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าไปเยี่ยมเยียนเกษตรกร หากพบว่าความเสียหายมีมากเท่ากับครึ่งหนึ่งของรายได้ ก็จะถือว่าเสียหายรุนแรง ซึ่งจะใช้มาตรการพิเศษในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ รักษาการแทนผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาปรับปรุงมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ และเสนอต่อกระทรวงการคลังเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้แนวทางการให้ความช่วยเหลือประกอบด้วย 1.การตัดหนี้สูญสำหรับเกษตรกรที่เสียชีวิต โดยธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2.การขยายระยะเวลาในการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้เก่าที่ได้รับความเสียหาย จากเดิม 1 ปี เป็นเวลา 3 ปี โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระแทน และ 3.ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับลูกหนี้เพื่อฟื้นฟูอาชีพ เพิ่มจากรายละ 3 หมื่น เป็นรายละไม่เกิน 1 แสนบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน โดยลบจากอัตราดอกเบี้ยที่คิดอยู่ที่ 3% โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชำระดอกเบี้ยในส่วนต่างให้
“วงเงินที่รัฐบาลจะสนับสนุนใน 2 มาตรการดังกล่าวเดิมคาดได้ว่าจะอยุ่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท แต่ดูเหมือนยิ่งนานวันสถานกาณ์น้ำมท่วมดูเมหือนจะกลับทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อน้ำเริ่มลงมาที่ภาคกลาง จะยิ่งกินพื้นที่การเกษตรให้เสียหายในวงกว้างมากขึ้น เช่น นาข้าว และบ่อปลา เป็นต้น”
ทั้งนี้จากรายงานของพื้นที่สาขาที่ได้รายงานมาเป็นระยะปรากฎว่า ยอดความเสียหายที่ตรวจสอบเบื้องต้น มีพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 1.2 ล้านไร่ จากเดิมที่ไม่ถึง 1 ล้านไร่ พื้นที่ขุดบ่อเลี้ยงปลาเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ จากเมื่อ 2 วันก่อนที่เสียหาย 9,000 ไร่ ส่วนโค - กระบือ ประมาณ 2,000 ตัว สัตว์ปีกกว่า 1 แสน ตัว รวมแล้วเป็นเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ประมาณ 1.8 แสนครอบครัว โดยมีหนี้อยู่กับ ธ.ก.ส. 1 พัน ล้านบาท
นายเอ็นนู กล่าวด้วยว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือนั้น จะมีพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าไปเยี่ยมเยียนเกษตรกร หากพบว่าความเสียหายมีมากเท่ากับครึ่งหนึ่งของรายได้ ก็จะถือว่าเสียหายรุนแรง ซึ่งจะใช้มาตรการพิเศษในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
