xs
xsm
sm
md
lg

ธ.ก.ส.ลุยปล่อยกู้เพิ่มแสนล้าน โอด ศก.ชะลอ-หนี้เน่าส่อแววพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อครึ่งปีแรกฉลุย พร้อมอัดฉีดครึ่งหลังอีกแสนล้าน แต่ห่วงราคาพืชผลตกต่ำ จากผลกระทบวิกฤตการเงินโลก ทำให้เอ็นพีแอลพุ่ง เหตุเกษตรกรขายสินค้าได้ราคาต่ำลง ทำความสามารถชำระหนี้หดตาม เร่งลงพื้นที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ชาวบ้านนำวิธีพอเพียงมาใช้รับมือ

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรการเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนของปีบัญชีธนาคาร (1เม.ย.-30 ก.ย.51) ที่ผ่านมา ปล่อยสินเชื่อสู่ภาคเกษตร การสร้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลไปแล้วทั้งหมด 1.83 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายถึง 80.57% จากที่วางไว้ 1.01 แสนล้านบาท และครึ่งปีหลังพร้อมที่จะอัดฉีดเสริมภาพคล่องสู่ภาคการผลิตอีกไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท จากเป้าหมายปล่อยสินเชื่อทั้งปี 2.59 แสนล้านบาท

แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่า ครึ่งปีหลังนี้ ธ.ก.ส.เป็นห่วงเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่อาจเพิ่มสูงกว่าปัจจุบันที่ 9.6% หรือ 4 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 4 แสนล้านบาท ขึ้นไปอีก 4.5% ได้ เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก และภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีปัญหา ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกรไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

“โดยปกติแล้ว เดือน ม.ค.จะมียอดหนี้ชำระคืนถึง 5 หมื่นล้านบาท และ มี.ค.อีก 2 แสนล้านบาท แต่ปีนี้เป็นห่วงว่าจะไม่เป็นไปตามที่คาด แต่ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ไม่ได้ห่วงเรื่องเอ็นพีแอลมากนัก เพราะเกษตรกรแม้ไม่มีเงินมาชำระแต่ก็ไม่หนี และจะมาชำระเมื่อมีเงินคืน ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ไปแล้ว เพื่อให้ลงไปติดตามสถานการณ์ของเกษตรกรว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ใช่ไปติดตามทวงหนี้ แต่เป็นการไปแนะนำให้ปลูกพืชเชิงผสมผสาน ลดต้นทุนการผลิต และสร้างวินัยการออมเงิน เพื่อให้พึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด รายไหนที่ไม่ไหวจริงๆ ก็จะพิจารณาตัดหนี้สูญเป็นรายกรณีไป”

ทั้งนี้ พื้นที่ที่ ธ.ก.ส.กังวลเรื่องการชำระหนี้คืนในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้บางจังหวัด เนื่องจากขณะนี้ราคายางผันผวนค่อนข้างมาก ส่วนเดือน มี.ค.2552 จะเป็นพื้นที่ภาคกลางและอีสานเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะส่งผลชัดเจนมากขึ้น ทำให้ราคาพืชผลของเกษตรกรที่ส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาข้าว อาจได้รับผลกระทบ แต่ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ยังคงวางเป้าหมายที่จะควบคุมเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 10%

โดยในระหว่างที่ ธ.ก.ส.ดำเนินการสรรหาผู้จัดการธนาคารคนใหม่แทน นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการคนเดิมที่หมดวาระไปแล้วนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคารตามแผนที่วางไว้แต่อย่างใด เนื่องจากธนาคารมีบุคลากรที่พร้อมดำเนินงานตามแผนอยู่แล้ว ซึ่งในขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการสรรหามาแล้วประมาณ 3 เดือนแต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายเอ็นนู กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ได้วางบทบาทตัวเองใหม่ เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันด้านการลงทุน ช่วยให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียน ลดต้นทุนการผลิต และเน้นด้านการผลิตเพื่อแปรรูป การตลาดเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะต่อยอดผู้ฝากเงิน ด้วยการรักษาระดับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ที่สูงกว่า 10% โดยครึ่งปีแรก ธ.ก.ส.ระดมเงินฝากได้ 10,385 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 20.6% จากที่วางไว้ 8,369 ล้านบาท จากเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค เงินฝากดอกเบี้ยทันใจ เงินฝากเกษียณมั่งคั่ง เงินออมลูกรัก สลากออมทรัพย์ทวีสิน คาดว่า ครึ่งปีหลังจะได้อีก 17,000 ล้านบาท พร้อมทั้งสนับสนุนให้พนักงานและเกษตรกรลูกค้านำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในวิถีชีวิตประจำวัน เพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น