xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มทัวร์เหนือ-อีสาน-ตะวันออกเข้าR3a ปั้นโปรแกรมนำเที่ยว-ดึงคนจีนเข้าไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ท่าเรือเมืองห้วยทราย จุดหมายแรกของการเดินทางสู่ถนนสายอาร์ 3เอ
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – กลุ่มทัวร์ไทยจากเหนือ-อีสาน-ตะวันออก เข้าสำรวจแหล่งท่องเที่ยวตามแนว R3a อีกรอบก่อนทำโปรแกรมนำเที่ยวขายทัวร์จีน หลังพบนักท่องเที่ยวจีนจากโซนตะวันออก ทะลักเข้าชายแดนจีนใต้-ตะวันตกเพิ่มมากขึ้นทุกปี ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนใต้ต้องการเที่ยวทะเลไทย ททท. สิบสองปันนา ย้ำตลาดทัวร์มังกรปีกลายทำเงินสูงกว่า 1.5 หมื่นล้าน เชื่อมั่นหากไทยไฟเขียวบอร์เดอร์พาส ( Border Pass ) 4 ชาติส่งคนเที่ยวไทยอีกเพียบ

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม -16 พฤศจิกายน สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย นำโดยนายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ นายกสมาคมฯ พร้อมเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นักธุรกิจจากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพิษณุโลก มุกดาหาร และเมืองพัทยา ได้ร่วมกันเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวบนถนน R3a ระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ข้ามแม่น้ำโขงไปยังเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )ไปยังเมืองหลวงน้ำทา-เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ติดกับชายแดนจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ภาคธุรกิจใน เชียงราย ได้นำคณะสำรวจเส้นทางมาแล้วหลายครั้ง เที่ยวนี้ได้นำผู้ประกอบการจากพื้นที่อื่นที่ต้องการจะพัฒนาให้เกิดความร่วมมือทางด้านธุรกิจท่องเที่ยวเดินทางไปสำรวจด้วย

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันถนนอาร์สามเอระหว่างไทย-สปป.ลาว ทั้งสองแขวงคือหลวงน้ำทา บ่อแก้ว และมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จหมดแล้ว สามารถใช้สัญจรไปมา เพื่อการท่องเที่ยวได้แม้จะต้องรอให้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย ก่อน แต่เส้นทางคมนาคมรวมทั้งการอำนวยความสะดวกของประเทศเพื่อนบ้านถือว่าดีมาก ดังนั้นในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยเป็นใจกับทุกๆ ฝ่าย การส่งเสริมให้มีเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ – นักท่องเที่ยว

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการพบปะกับธุรกิจจีน รวมทั้งคนในแวดวงการท่องเที่ยวมานาน พบว่าคนจีนจำนวนมากที่มาจากโซนที่เจริญแล้วโดยเฉพาะจีนตะวันออกได้เดินทางไปเยือนมณฑลหยุนหนัน ปีละหลายล้านคน และปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนตอนใต้ก็ดีวันดีคืนตามภาวะการเจริญเติบโตของจีนที่สวนกระแสโลก ทำให้นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ผ่านทางมณฑลทางตอนใต้ เพื่อลงไปเที่ยวทะเล ซึ่งพื้นที่ทางจีนตอนใต้และตะวันตก ไม่มีทะเล หากจะเดินทางไปเที่ยวยังจีนตะวันออกก็ห่างไกลกว่าการเดินผ่านประเทศไทยหลายพันกิโลเมตร

“คนกลุ่มนี้ได้ยินชื่อเสียงของทะเลไทยมานาน และอยากมาเที่ยว ซึ่งขณะนี้เส้นทางคมนาคม-การทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศของคนจีนก็ทำได้สะดวกมากขึ้น ดังนั้น ถ้าเราปล่อยไปตามปกติคนจีนเหล่านี้ก็จะทะลักไปเที่ยวทะเลโดยถนนอาร์สามเอ แต่สิ่งที่ปล่อยทิ้งเอาไว้คือเชียงรายและภาคเหนือในฐานะต้นทางที่พวกเราได้ร่วมกันผลักความร่วมมือระหว่างประเทศมาโดยตลอดก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้น สมาคมฯ จึงดึงหลายภาคส่วนและหลายพื้นที่มาร่วมมือกันเพื่อจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่ขายให้กับนักท่องเที่ยวจีน”

เขาบอกว่า โปรแกรมนำเที่ยวที่วางไว้ในเบื้องต้น คือ เดินทางจากจีนตอนใต้-ถนนอาร์สามเอ-บ่อหาน (จีน)-แขวงหลวงน้ำทา-หลวงบ่อแก้ว ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 1 วัน และมาถึง จ.เชียงราย ภาคเหนือ กำหนดให้พักและท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 5 วัน อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม จากนั้นจึงเดินทางจากภาคเหนือผ่านพิษณุโลก ไปยังภาคตะวันออก ทะเลเมืองพัทยา ส่วนการเดินทางกลับก็ทำตามความต้องการจากผลการสำรวจเบื้องต้น คือ คนจีนไม่อยากกลับทางเก่า แต่อยากเข้าไปยัง สปป.ลาว ดังนั้น จึงจัดให้เดินทางออกไปทางมุกดารหาร รวมระยะเวลาประมาณ 10 วัน

นายกสมาคมท่องเที่ยวฯเชียงราย หวังไว้ว่า หลังเสร็จจากการสำรวจเส้นทางครั้งนี้ ก็จะจัดทำโปรแกรมนำเที่ยวที่สามารถขายให้กับนักท่องเที่ยวจีนขึ้น ซึ่งทางสมาคมฯ มองว่า การดึงผู้ประกอบการนำเที่ยวจากจังหวัดอื่น ๆ ตามแนวเส้นทาง ทั้งพิษณุโลก มุกดาหาร และพัทยา จะทำให้เกิดความร่วมมือในกลุ่มผู้ประกอบการนำเที่ยว และทำให้การบริการดีขึ้น สามารถกระจายผลประโยชน์ที่เกิดจากถนนอาร์สามเอ อย่างทั่วถึง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอาเหมือนเดิมก็จะไม่มีการพัฒนาใดๆ

ก่อนหน้านี้ “ผู้จัดการรายวัน” ได้สัมภาษณ์ Yuan Song Qing ผู้ช่วยการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีน ถึงแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยว 4 ชาติลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (ไทย พม่า ลาว จีน หรือสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ) เขาระบุว่า ปี 2007 รัฐบาลท้องถิ่นสิบสองปันนา โดยการท่องเที่ยวได้ทำแผนเสนอต่อรัฐบาลกลาง ให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยว 4 ประเทศ มีจุดเริ่มต้นจากสิบสองปันนา ผ่าน สปป.ลาว ตามถนน R3a เข้าสู่ประเทศไทย แล้วเดินทางย้อนกลับเข้าพม่า ผ่านถนน R3b กลับ จีนทางเมืองลา ประเทศไทย – ต้าล่อ โดยใช้บัตรผ่านแดน หรือบอร์เดอร์พาส เท่านั้น ไม่ต้องใช้พาสต์ปอร์ต-วีซ่าใด ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังรอคำตอบอยู่

Yuan Song Qing ย้ำว่า 20 กว่าปีที่ผ่านมา จีน มุ่งมั่นพัฒนาการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง จน ณ วันนี้ ถือว่าใกล้สมบูรณ์แบบแล้ว โดยในกรณีของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ที่เป็นเมืองชายแดนด้านตะวันตกของ จีน ขณะนี้การคมนาคมสะดวกทุกเส้นทาง ทั้งทางบกผ่านถนนคุน-มั่ง กงลู่ ที่แล้วเสร็จ ,ทางน้ำผ่านแม่น้ำโขง ไปถึง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และทางอากาศ อันเป็นไปตามนโยบายเชื่อมโยงจีนกับอาเซียน

ในปี 2007 หรือ 2550 ที่ผ่านมา สิบสองปันนาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในพื้นที่มากถึง 5 ล้านกว่าคน มีเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 3,400 ล้านหยวน หรือประมาณ 15,640 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 4.6 บาท/ 1 หยวน)

“ถ้าเราสามารถเปิดโปรแกรมท่องเที่ยว 4 ชาติโดยใช้บอร์เดอร์พาสผ่านตลอดได้ตามแผน เชื่อว่าจะทำให้การท่องเที่ยวของสิบสองปันนา โตขึ้นกว่าปี 2007 อีกไม่น้อยกว่า 1-2 เท่าตัวจริงตามที่สมาคมท่องเที่ยวของ จีน เคยศึกษาไว้” Yuan Song Qing กล่าว

เขาบอกอีกว่า การเติบโตของการท่องเที่ยวสิบสองปันนาที่ว่านี้ หมายรวมถึงการท่องเที่ยวในภาคเหนือของไทยด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวหลักที่ ททท.สิบสองปันนา เสนอขึ้นไป และเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเมื่อปี 2003 หรือ 5 ปีที่แล้ว จีนได้ลงนามในข้อตกลงการใช้บอร์เดอร์พาสร่วมกับทางพม่า – ลาว ที่โดยข้อเท็จจริงเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกันแล้ว เหลือเพียงไทยเท่านั้น ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ และถือเป็นปัญหาที่ทำให้ข้อตกลงการใช้บอร์เดอร์พาส ในประเทศภาคีสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไม่ขยายตัวเท่าที่ควร แม้จะผ่านการเจรจา หารือกันมาหลายครั้ง หลายระดับ ตั้งแต่นายกเทศมนตรี – อบจ. - ผู้ว่าราชการจังหวัดอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือของไทย

“โครงการนี้ ถือเป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวสิบสองปันนา ซึ่งขณะนี้ถ้าพูดถึงอุปสรรคจริง ๆ ก็จะเหลือเพียงนโยบายของรัฐบาลไทย และสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตามถนน R3a กับ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ของไทยเท่านั้น”

กำลังโหลดความคิดเห็น