ผู้จัดการรายวัน – เอกชนท่องเที่ยวเฮรัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไฮซีซั่นปีนี้ยังพอมีหวังฟื้นท่องเที่ยวต่อลมหายใจได้ เผยวันชาติจีนปีนี้ ขอนักท่องเที่ยวกลับคืนมาได้ 50% ของที่ยกเลิกไปก็พอใจแล้ว เผยช่วงพรก.ฉุกเฉิน ยกเลิกห้องพักกว่า 50,000 ห้อง ระบุจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบปลายปีตัวเลขรวมนักท่องเที่ยวทำได้อย่างดีก็แค่ 14..5 ล้านคน รายได้ 5 แสนล้านบาท พลาดเป้าที่ตั้งไว้แน่นอน
วานนี้ (15 ก.ย.51) ในการประชุมของศูนย์ปฎิบัติการวางแผนการท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤต (ศ.ว.ก.) นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน (T.C.T.A) กล่าวว่า ภาคเอกชนดีใจที่รัฐบาลยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งทำให้ยังพอมีหวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นปีนี้ได้
**ยังหวังกู้ตลาดจีนช่วงวันชาติ***
สำหรับตลาดจีน สมาคมฯได้รีบแจ้งข่าวการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปยังบริษัทนำเที่ยวที่ประเทศจีนแล้ว ซึ่งเขาก็ดีใจ และพร้อมที่จะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ในช่วงวันชาติของจีน ซึ่งจะอยู่ระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค.ของทุกปี
แต่ยอมรับว่า จาก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ การปิดสนามบิน ทำให้ ทัวร์จากประเทศจีนที่จะเดินทางมาในช่วงเวลาดังกล่าวยกเลิกไปมาก โดยเฉพาะชาร์เตอร์ไฟล์ท ยกเลิก 100% ดังนั้น เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเช่นนี้ ผู้ประกอบการก็จะเร่งจับมือกับคู่ค้าที่ประเทศจีน จัดแพกเกจทัวร์มาให้มากที่สุด ซึ่งหากสามารถดึงกลับมาได้ประมาณ 50% ของการเดินทางในเที่ยวบินโดยสารไฟล์ทปกติ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“ปกติช่วงวันชาติของจีน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากถึงปีละ 5-6 หมื่นคน และ ปีนี้เราคาดหวังว่าจะได้มากขึ้น เพราะ ชาวจีนไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศในช่วงการแข่งขันโอลิมปิคที่ผ่านมา จึงเตรียมที่จะท่องเที่ยวในช่วงวันชาติแทน ประกอบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดทัวร์จีนก็เดินทางเข้ามาประเทศไทยคึกคักกว่าทุกปี ทำสมาคมฯคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศไทยรวมแล้วมากถึง 1.5 ล้านคน มากกว่าที่ ททท.ตั้งเป้าว่าจะได้ราว 1.2 ล้านคน แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สมาคมจึงหวังว่าทั้งปี ทำตัวเลขได้เพียง 7.5 แสนคนก็ถือว่าดีแล้ว” นายศิษฎิวัชร กล่าว
***โรงแรมยกเลิกกว่า 5 หมื่นห้อง***
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม และตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีนักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพักทุกวัน เฉลี่ยวันละ 40% ของจำนวนที่จองไว้ ในที่นี้แบ่งเป็นส่วนของนักท่องเที่ยว ที่มีการยกเลิกราว 50% ของที่จองไว้ ส่วนภาคนักธุรกิจและคอร์ปอเรท ยกเลิกราว 20% ของยอดที่จองไว้ จึงประมาณว่าช่วงที่ผ่านมามีการยกเลิกห้องพักมากกว่า 5 หมื่นห้อง ขณะที่ยอดจองใหม่ก็ไม่มีมาเพิ่มเติม
แต่ล่าสุดหลัง ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีรายงานแจ้งว่า ทริปผู้สอนศาสนาจากอเมริกา จำนวน 500 คน พักนาน 8 วัน ที่จองเดินทางมาเชียงใหม่เดือนนี้ ยังตกลงตามกำหนดการณ์เดิม และผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้า ฟู้ดส์ แอนด์ โฮเทล ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย. นี้ ที่สยามพารากอน ซึ่งจะมีร้านค้ากว่า 2 พัน ร้าน จาก 40 ประเทศ ก็ยังยืนยันเข้าร่วมงานเช่นเดิม จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า เมื่อประเทศไทยกลับสู่สถานการณ์ปกติ ต่างชาติ และ นักท่องเที่ยวก็พร้อมที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเช่นเดิม
***เอกชนฟันธงรายได้เหลือ 5 แสนลบ.***
จากข้อมูลดังกล่าว นายอภิชาต สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวเสริมว่า ภาคเอกชน มีความเห็นตรงกันว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น จะเป็นผลให้ ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่ได้ตามที่ ททท.ตั้งเป้าไว้ 15.48 ล้านคนแน่นอน แต่จะได้อย่างมากก็ประมาณ 14.5 ล้านคน ส่วนรายได้ เฉพาะตลาดต่างประเทศที่ ททท.ตั้งเป้าว่าจะได้ 6 แสนล้านบาท ก็จะลดเหลือ 5 แสนล้านบาท ก็ถือว่าดีที่สุด
ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ตัดสินใจเปลี่ยนเดสติเนชั่นไปแล้ว คงจะเรียกกลับคืนไม่ได้ แต่เราจะมีหวังกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจ หากเราเร่งทำการตลาดเชิงรุก เช่น เมกกะแฟมทริป ที่กำลังจะมาถึงนี้ และ การใช้เวทีโรดโชว์ ชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนเอกชน ใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า ทำให้ไฮซีซั่นปีนี้ เรายังพอมีหวังจะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้ส่วนหนึ่ง
**ลุ้นอีก 10 วันเลิกประกาศเตือน***
ด้านนายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการ ด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ยังมีความหวังที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้ทันในไฮซีซั่นปีนี้ โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่เขาจะตัดสินใจบุ๊กกิ้งช่วงปลายเดือนกันยายน เพื่อเดินทางมาเข้ามาตั้งแต่เดือน ตุลาคมเป็นต้นไป ส่วนตลาดจีน ด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ เชื่อว่า ตลาดจีนจะฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนกลับได้เร็ว แต่ยอมรับว่าตลาดที่จะต้องเสียไปแน่นอนในปีนี้คือ กลุ่มมิตติ้งและอินเซนทีฟ ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหนังสือเตือนนักท่องเที่ยว ที่หลายประเทศได้ออกมานั้น คาดว่า ภายใน 10-15 วัน แต่ละประเทศที่ออกประกาศเตือนน่าจะเริ่มมีการยกเลิก ซึ่งเป็นปกติของเหตุการณ์ภายหลังประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะ ต้องขอรอดูและประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนถอนหนังสือเตือน
“ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้กระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรุนแรง พอๆกับช่วงเกิดโรคระบาดซาร์ส เพราะ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยุติเมื่อใด ซึ่งจะต่างจาก สึนามิ ซึ่งเกิดแล้วจบทันที เหลือเพียงการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว การทำงานของ ศ.ว.ก. จึงต้องวิเคราะห์ต่างกัน”
วานนี้ (15 ก.ย.51) ในการประชุมของศูนย์ปฎิบัติการวางแผนการท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤต (ศ.ว.ก.) นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน (T.C.T.A) กล่าวว่า ภาคเอกชนดีใจที่รัฐบาลยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งทำให้ยังพอมีหวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นปีนี้ได้
**ยังหวังกู้ตลาดจีนช่วงวันชาติ***
สำหรับตลาดจีน สมาคมฯได้รีบแจ้งข่าวการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปยังบริษัทนำเที่ยวที่ประเทศจีนแล้ว ซึ่งเขาก็ดีใจ และพร้อมที่จะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทย ในช่วงวันชาติของจีน ซึ่งจะอยู่ระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค.ของทุกปี
แต่ยอมรับว่า จาก การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ การปิดสนามบิน ทำให้ ทัวร์จากประเทศจีนที่จะเดินทางมาในช่วงเวลาดังกล่าวยกเลิกไปมาก โดยเฉพาะชาร์เตอร์ไฟล์ท ยกเลิก 100% ดังนั้น เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเช่นนี้ ผู้ประกอบการก็จะเร่งจับมือกับคู่ค้าที่ประเทศจีน จัดแพกเกจทัวร์มาให้มากที่สุด ซึ่งหากสามารถดึงกลับมาได้ประมาณ 50% ของการเดินทางในเที่ยวบินโดยสารไฟล์ทปกติ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
“ปกติช่วงวันชาติของจีน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากถึงปีละ 5-6 หมื่นคน และ ปีนี้เราคาดหวังว่าจะได้มากขึ้น เพราะ ชาวจีนไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศในช่วงการแข่งขันโอลิมปิคที่ผ่านมา จึงเตรียมที่จะท่องเที่ยวในช่วงวันชาติแทน ประกอบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดทัวร์จีนก็เดินทางเข้ามาประเทศไทยคึกคักกว่าทุกปี ทำสมาคมฯคาดว่าถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศไทยรวมแล้วมากถึง 1.5 ล้านคน มากกว่าที่ ททท.ตั้งเป้าว่าจะได้ราว 1.2 ล้านคน แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สมาคมจึงหวังว่าทั้งปี ทำตัวเลขได้เพียง 7.5 แสนคนก็ถือว่าดีแล้ว” นายศิษฎิวัชร กล่าว
***โรงแรมยกเลิกกว่า 5 หมื่นห้อง***
ทางด้านนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม และตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีนักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพักทุกวัน เฉลี่ยวันละ 40% ของจำนวนที่จองไว้ ในที่นี้แบ่งเป็นส่วนของนักท่องเที่ยว ที่มีการยกเลิกราว 50% ของที่จองไว้ ส่วนภาคนักธุรกิจและคอร์ปอเรท ยกเลิกราว 20% ของยอดที่จองไว้ จึงประมาณว่าช่วงที่ผ่านมามีการยกเลิกห้องพักมากกว่า 5 หมื่นห้อง ขณะที่ยอดจองใหม่ก็ไม่มีมาเพิ่มเติม
แต่ล่าสุดหลัง ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีรายงานแจ้งว่า ทริปผู้สอนศาสนาจากอเมริกา จำนวน 500 คน พักนาน 8 วัน ที่จองเดินทางมาเชียงใหม่เดือนนี้ ยังตกลงตามกำหนดการณ์เดิม และผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้า ฟู้ดส์ แอนด์ โฮเทล ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย. นี้ ที่สยามพารากอน ซึ่งจะมีร้านค้ากว่า 2 พัน ร้าน จาก 40 ประเทศ ก็ยังยืนยันเข้าร่วมงานเช่นเดิม จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า เมื่อประเทศไทยกลับสู่สถานการณ์ปกติ ต่างชาติ และ นักท่องเที่ยวก็พร้อมที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเช่นเดิม
***เอกชนฟันธงรายได้เหลือ 5 แสนลบ.***
จากข้อมูลดังกล่าว นายอภิชาต สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวเสริมว่า ภาคเอกชน มีความเห็นตรงกันว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น จะเป็นผลให้ ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่ได้ตามที่ ททท.ตั้งเป้าไว้ 15.48 ล้านคนแน่นอน แต่จะได้อย่างมากก็ประมาณ 14.5 ล้านคน ส่วนรายได้ เฉพาะตลาดต่างประเทศที่ ททท.ตั้งเป้าว่าจะได้ 6 แสนล้านบาท ก็จะลดเหลือ 5 แสนล้านบาท ก็ถือว่าดีที่สุด
ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ตัดสินใจเปลี่ยนเดสติเนชั่นไปแล้ว คงจะเรียกกลับคืนไม่ได้ แต่เราจะมีหวังกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจ หากเราเร่งทำการตลาดเชิงรุก เช่น เมกกะแฟมทริป ที่กำลังจะมาถึงนี้ และ การใช้เวทีโรดโชว์ ชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนเอกชน ใช้สายสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า ทำให้ไฮซีซั่นปีนี้ เรายังพอมีหวังจะดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้ส่วนหนึ่ง
**ลุ้นอีก 10 วันเลิกประกาศเตือน***
ด้านนายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการ ด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ยังมีความหวังที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้ทันในไฮซีซั่นปีนี้ โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่เขาจะตัดสินใจบุ๊กกิ้งช่วงปลายเดือนกันยายน เพื่อเดินทางมาเข้ามาตั้งแต่เดือน ตุลาคมเป็นต้นไป ส่วนตลาดจีน ด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ เชื่อว่า ตลาดจีนจะฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะสามารถเปลี่ยนกลับได้เร็ว แต่ยอมรับว่าตลาดที่จะต้องเสียไปแน่นอนในปีนี้คือ กลุ่มมิตติ้งและอินเซนทีฟ ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหนังสือเตือนนักท่องเที่ยว ที่หลายประเทศได้ออกมานั้น คาดว่า ภายใน 10-15 วัน แต่ละประเทศที่ออกประกาศเตือนน่าจะเริ่มมีการยกเลิก ซึ่งเป็นปกติของเหตุการณ์ภายหลังประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะ ต้องขอรอดูและประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนถอนหนังสือเตือน
“ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้กระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรุนแรง พอๆกับช่วงเกิดโรคระบาดซาร์ส เพราะ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยุติเมื่อใด ซึ่งจะต่างจาก สึนามิ ซึ่งเกิดแล้วจบทันที เหลือเพียงการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว การทำงานของ ศ.ว.ก. จึงต้องวิเคราะห์ต่างกัน”