ผู้จัดการรายวัน – "จำลอง" เตือนสติ พปช.-นปช. ปรามไม่ควรไปยื่นขอราชประชาสมาสัย เพื่ออภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นการระคายเคืองไม่บังควร เพราะคดีเข้าสู่ศาลหมดแล้ว จี้แม้วสำนึกผิดก่อน “พิภพ” จับไต๋ขอพระราชทานประชาสมาสัยมาบังหน้า หวังสร้างยุทธศาสตร์ล้อมเมือง กดดันสังคมทุกส่วน “สนธิ” แฉพฤติกรรมแม้ว ตัวบ่อนทำลายความมั่นคงชาติ ชี้เกมวันที่ 1 พ.ย. ถูกออกแบบไว้ล่วงหน้า ลั่นไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องการเมืองอีกแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (3 พ.ย.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ แถลงกรณีที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) และกลุ่ม นปช. จะเดินหน้าทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนายพิภพ กล่าวว่าในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับผิด รับโทษ แต่ยังกล่าวหากระบวนยุติธรรม และชนชั้นสูงว่ากลั่นแกล้งตนเองและครอบครัว รวมทั้งยังกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม
**เกมแม้วชูราชประชาสมาสัย
“พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการให้ความจริงทั้งหมดปรากฏต่อสาธารณะชน และยังมาหาทางออกให้กับความผิดของตนเองโดยการขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงเมตตา โปรดเกล้าแต่งตั้งราชประชาสมาสัย ให้สร้างกลุ่มประชาชนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนว่า ความผิดของตนเองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
นายพิภพ กล่าวต่อว่าหากกระบวนการยุติธรรม ทำให้หมดความน่าเชื่อถือจากพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลตัดสินความผิดไปแล้ว การเดินหน้ายื่นขอราชประชาสมาสัย เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น จะต้องดูกระแสสังคมว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขณะนี้นักวิชาการก็ออกมาต่อต้านอย่างหนัก ว่าจะทำให้กระบวนยุติธรรมหมดความหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ที่จะเปิดช่องทางดังกล่าว และสมควรหรือไม่ ที่ดึงสถาบันฯเข้ามา เรื่องนี้แกนนำพันธมิตรฯไม่ได้วิตกกังวลอะไร หากมีการขออภัยโทษจริง เพราะการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เอาความจริงมาเปิดเผยต่อประชาชนตลอด ตั้งแต่ปี 2549 เป็นสิ่งที่ยืนยันต่อสังคมได้ชัดเจนว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นสิ่งจำเป็นต่อประเทศ เพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าอย่างสง่างาม
"การราชประชาสมาสัย เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้หวังว่าจะสำเร็จ แต่ต้องการออดอ้อนประชาชนให้เห็นใจ ถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ต้องการกดดันประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญขององคมนตรี ใช้เว็บไซต์โจมตีพระมหากษัตริย์ ตรึงกำลังทหาร และดึงมวลชนเสื้อแดง ออกมาเคลื่อนไหว เป็นยุทธศาสตร์ล้อมเมือง ที่พ.ต.ท. ทักษิณ คิดขึ้นเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิด นี่คือความร้าวลึก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคณะไม่ยอมแก้ไข โดยการยอมรับผิด และสำนึกผิดตามกระบวนการยุติธรรม นักการเมืองที่กระทำผิด เมื่อสำนึกผิด ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพูดยอมรับความผิดเลย หากวันนี้ อดีตนายกฯ ยังไม่สำนึกผิด และยังกล่าวหาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เมื่อทำเช่นนี้จะมาถามหาความสมานฉันท์ได้อย่างไร เพราะมันทำให้เกิดการแบ่งพรรค แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น" นายพิภพกล่าว
**แนะทักษิณต้องสำนึกผิดก่อน
ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะดำเนินการอะไรต่อไป อันดับแรกต้องมีความสำนึกผิดก่อน ไม่อย่างนั้นจะผิดไปเรื่อยๆ ซึ่งเห็นว่าความผิดที่ผ่านมาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ควรเอาประชาชนมากดดันสถาบันฯ การอภัยโทษ ตนเห็นว่าไม่บังควร เพราะเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดแล้ว ซึ่งกระบวนการยุติธรรมจะต้องเป็นหลักของสังคม หากกระบวนการยุติธรรมถูกทำลาย ประเทศชาติก็คงไม่มีอะไรเป็นหลักยึด นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรไประคายเคืองพระเบื้องยุคลบาท และไม่มีอะไรที่จะทำให้ผิดกลายเป็นถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราชประชาสมาสัย เพราะขณะนี้เรื่องคดีอยู่ในศาล จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อน ซึ่งขณะนี้การตั้งราชประชาสมาสัย เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยังไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที จะนำเทปบันทึกภาพและเสียงของ อดีตนายกฯ มาเผยแพร่รายการความจริงวันนี้ จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าในการที่จะเอาสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล มาทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเพียงนักโทษการเมืองที่พันธมิตรฯไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฝ่ายค้านไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่สภา เพื่อสอบถามความโปร่งใสของรัฐบาล และให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่ผิด
สำหรับการเจรจาสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พร้อมที่จะเจรจา แต่ยังไม่มีการติดต่อมาจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลามาดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งรูปแบบการเจรจา ฝ่ายรัฐบาลจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลา ก่อน จึงจะพูดคุยเรื่องอื่นต่อได้
**สานเสวนายิ่งสร้างปัญหา
นายพิภพ ยังกล่าวถึง การสานเสวนาระหว่าง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กับพรรคประชาธิปัตย์ว่า การสานเสวนาเป็นเครื่องมือของทางรัฐบาล แม้จะมีการสานเสวนา ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ มีแต่จะสร้างความขัดแย้งมากกว่า
"การสานเสวนา บอกให้ลืมเรื่องอดีตแล้วมาเริ่มใหม่ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาในปัจจุบันเกิดจากอดีต การสานเสวนาต้องพูดจากอดีตก่อน แล้วมาพิจารณาว่าอะไรที่อภัยให้ได้ ถึงจะอภัย แต่ความผิดตามกฏหมายที่เกิดขึ้น ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การสานเสวนา เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือของการสร้างความสามานฉันท์ แต่ไม่ใช่การสร้างความสมานฉันท์ทั้งหมด"
***แฉแม้วบ่อนทำลายชาติ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย. 51 ที่เวทีสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เป็นเหตุการณ์ที่ถูกออกแบบมาล่วงหน้า ก่อนอื่นขอพุดถึง คุณทักษิณก่อน หลายคนเตือนผมว่าเรียกคุณทำไม ต้องเรียกนักโทษชายทักษิณ
ทุกอย่างที่เกิดกับทักษิณเป็นเพราะเขาทำทั้งสิ้น เขาทำตัวเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อหาโกงชาติบ้านเมือง ที่เขาบอกว่า ลูกอยู่ทาง เมียอยู่ทาง ตัวผมอยู่ทาง เขาตำหนิทุกคน แต่ไม่เคยตำหนิตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวกับครอบครัวได้ทำกรรมกับประเทศชาติ
“ผมจะเล่าให้ฟัง รู้หรือไม่ว่าเวลานี้ ปัญหาของชาติ ไม่ใช่ปัญหาทางการเมืองอีกแล้ว แต่เป็นปัญหาของความมั่นคงปลอดภัยของชาติ พี่น้องได้ฟังคำพูดของทักษิณ ตอน 3 ทุ่ม วันที่ 1 พ.ย. แต่พี่น้องพลาดการแสดงละครตอนกลางวันของเขาที่เวทีราชมังคลาฯ เขาเอานักแสดงมืออาชีพมาแสดง เนื้อเรื่องคือ มีกษัตริย์องค์หนึ่งเชื่อปุโรหิต ปุโรหิตนัยปัจจุบันคล้ายกับองคมนตรี เชื่อปุโรหิตคนนั้นใส่ร้ายกับลูกกษัตริย์ว่า ลูกชายของกษัตริย์จะล้มล้าง กษัตริย์เลยสั่งประหารชีวิตลูกชาย แต่มีประชาชนที่รักลูกชายของกษัตริย์ มาล้อมวังเรียกร้องให้กษัตริย์ปล่อยลูกชาย แล้วก็เกิดฟ้าผ่า เศวตฉัตรหักพังทลาย ประชาชนบุกเข้าไปช่วยลูกษัตริย์ แล้วกษัตริย์กับปุโรหิตก็ตาย”
เมื่อละครที่เขาเล่นวันนั้น คืนนั้นคุณทักษิณพูดออกมาว่า “เขา” ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือเล่นงานผม สั่งจำคุก 2 ปี อายุความ 10 ปี แสดงว่าต้องการเอาผมไว้ที่เมืองนอก 10 ปี คำถามคือ คำว่า “เขา” นั้นคือใคร เราต้องโยงกับละคร สองเรื่องนี้ถูกออกแบบมาให้ต่อเนื่องกัน ทักษิณบอกว่าถูกจำคุก 2 ปี อายุความ 10 ปี ต้องบังคับให้อยู่เมืองนอกถึง 10 ปี คำตอบง่ายๆคือ ถ้าคุณเชื่อมั่นความยุติธรรม อายุความติดคุกแค่ 2 ปีคุณก็มาซิ แล้วถ้าคุณติดคุก 2 ปี คุณก็สามารถยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ แล้วเขาพูดต่อว่า ไม่มีใครเอาผมกลับประเทศได้ นอกจากพระบารมีทรงเมตตา หรือพลังของประชาชนที่ช่วยได้ ล้อกับละครเลย
“คำว่าพระบารมีพระเมตตาหมายความว่าพระราชทานอภัยโทษ ในอดีตพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยอภัยโทษคนที่โกงบ้านโกงเมือง แต่การที่จะพระราชทานอภัยโทษคุณต้องมาติดคุกก่อนครับ ไม่มาติดคุกไม่ได้ ต้องเข้าสู่กระบวนการก่อน ข้อที่ 2 หมายความว่า นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตาหรือไม่ พลังของประชาชนเท่านั้นที่จะช่วยได้ แปลว่าคุณกำลังใช้พลังของประชาชนที่รับจ้างคุณมาเพื่อแสดงพลัง มาบีบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระราชทานอภัยโทษคุณหรือยังไง หรือคุณจะใช้พลังของประชาชนที่รับจ้างคุณมาและการเมืองเก่าที่คุณพร้อมซื้อเสียงให้คุณกลับมาเป็นรัฐบาลอีก หาโอกาสสร้างสาธารณรัฐประเทศไทยขึ้นมา มันแปลได้หมดครับ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า คุณทักษิณที่เรากลัวว่าเขาจะโฟนอินก่อให้ความเสียหายให้บ้านเมือง ปรากฎการโฟนอินเข้ามาก้าวหน้ากว่าที่เราคิดมาก เขาจงใจชนพระราชบัลลังก์ จะเห็นได้ชัดครับว่า วันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองอีกต่อไปแล้ว เป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชาติไปแล้ว ทหารคนใดก็ตาม ที่คิดว่าการเมืองต้องใช้การเมืองแก้ ท่านไม่เข้าใจเหตุการณ์ดีพอ นี่ไม่ใช่การเมืองแล้ว การเมืองนั้นเป็นเรื่องของคนต่างความคิด สู้กันด้วยเหตุผล ถูกหรือไม่
ถ้าพันธมิตรฯ จะมายึดทำเนียบแล้วร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล นปก.ฝ่ายเสื้อแดง จะแสดงพลังก็ไปยึดถนนราชดำเนินซิ หรือไปเช่าสนามกีฬาราชมังคลาฯก็ได้ แล้วขึ้นมาปราศรัยตอบโต้สิ่งที่พธม.กำลังกล่าวหา แล้วให้ประชาชนตัดสิน ถูกหรือไม่ มีปัญญาจ่ายหัวละ 500 บาท ครั้งละ 50,000 คน คุณจ่ายไปซิ เพราะพี่น้องเราพร้อมมาอยู่ 5 เดือนหรือ 1 ปีพร้อมต่อสู้ทางความคิด นี่คือการต่อสู้ทางการเมือง
“การเมืองมีอำนาจรัฐใช้อำนาจรัฐไปสนับสนุน นปก. ให้ใช้ความรุนแรงกับเราโดยที่รัฐที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อยไปเข้าข้างฝ่ายที่ทำร้ายประชาชน อย่างนี้ เขาเรียกว่าการเมืองหรือไม่ มันไม่ใช่ นี่ไม่ใช่การเมือง นี่คือที่เขาต้องการที่จะสยบปิดปากคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา แล้วเปิดโปงความชั่วร้ายของเขาด้วยวิธีใช้กฎหมายที่ผิดมารังแกกัน นี่ไม่ใช่การเมืองนี่คือกุ๊ยการเมือง”
นอกจากนั้นแล้วยังไม่พอยังมีรายการจาบจ้วงสถาบันทำร้ายสถาบันกระทั่งเราต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องเขาเลยค่อยขยับ เอาจริง แต่ก็เหมือนไฟไหม้ฟางเพื่อให้มันเงียบไป
นายสนธิกล่าวว่า การที่นักการเมืองฝ่ายนั้นบอกว่าไทยแตกแยกเป็นสองฝ่าย ไม่ผิด มีฝ่ายถูกกับฝ่ายผิดเท่านั้นเอง เรายืนอยู่บนฝ่ายถูก แล้วฝ่ายผิดจะดึงดันเอาความผิดมาให้ถูกเราก็ไม่ยอม เมื่อประเด็นพวกนี้เกิดขึ้น ประเด็นละครทักษิณ และคำพูดที่จะเอาประชาชนมาข่มขู่ พวกเรารู้ว่าประชาชนของเขาไม่มีครับ เขามีแต่คนรับจ้างมาประท้วง ถ้าประชาชนของเขามีเขาก็ต้องอยู่กันเป็นเดือนๆเหมือนเราใช่หรือไม่ การชุมนุมของเขาทุกครั้ง ไม่ว่าพวกเสื้อแดง ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานเป็นอาทิตย์ ถึงจะมาสามสี่หมื่นคน พออยู่เดี๋ยวๆพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ถ้าเป็นประชาชนของเขาจริง รักทักษิณจริง เมื่อเห็นทักษิณถูกรังแก ต้องอยู่แบบเรา เขาต้องมาเอง ไม่ต้องมีหัวหน้าที่คอยคุมแถวมา ไม่ต้องม่าจาย 500 บาท
เขามีแต่ประชาชนรับจ้าง แกนนำ และหัวคะแนน คุณทักษิณ พลังประชาชน ยังหลงลืมตัวว่าเขาสามารถเรียกประชาชนเป็นแสนเป็นล้าน คุณโกงบ้านโกงเมืองไปหลายล้าน คุณก็จ่ายได้ แต่คำถามมีว่า ถ้าแน่จริงคุณให้อยู่สัก 90 วัน ก็คือ 90,000 ล้านบาทคุณก็จ่ายไม่ได้ วันนั้นผมถึงบอกว่าประชาชนตัวจริงคือที่นี่ และนี่คือประชาชนของของราชบัลลังค์ที่แท้จริง
“นี่ไม่ไช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ของราชบัลลังค์ ถูกทักษิณท้าทายมาบีบให้พระเจ้าอยู่หัวต้องทำตามที่เขาบอกเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2551 เขาใช้กระบวนการยุติธรรมเล่นงานผม “เขา” คือใคร คุณหมายถึงสถาบันชั้นสูงสุดหรือที่มาสั่ง ถ้าอย่างนั้น กรณีที่คุณฟ้องผมในศาล ถูกจำคุก ก็หมายความว่าเขาเหมือนกันซิ ถ้าอย่างนั้นก็เจ๊ากันไม่ใช่หรือ”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ทักษิณก็รู้ว่าไม่มีใครสั่งศาลได้ ศาลจะซี้ซั้วทำได้ไงถ้าหากปราศจากหลักฐาน คดีทักษิณเขารู้กันหมด ศาลซี้ซั้วพิพากษาได้หรือไม่ ทักษิณลืมไปหรือว่ากฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ปี 2542 ระบุชัดเจนว่า นักการเมืองห้ามไม่ให้หรือคู่สมรสเข้าไปร่วมทำนิติกรรมกับรัฐ ชัดเจนแล้ว แล้วคุณทักษิณอ่านภาษาไทยไม่ออกหรือยังไง เพราะฉะนั้นแล้วความเป็นอันธพาลของทักษิณ ทักษิณเป็นคนที่สร้างภาพ ทุกวันนี้ต้องสร้างภาพ มาออกแบบวันที่ 1 ทำไมต้องเป็นสนามกีฬาราชมังคลาฯ เพราะว่าจุคนได้อย่างมากสุดก็ 60,000 คน ทำไมไม่เอาถนนราชดำเนิน เอามาสัก 2 แสนคนก็ไม่เป็นไร มันแพงไปครับ เอาแค่นี้ก็พองานนี้ตั้งไว้ 200-300 ล้านบาท ผมถามว่าคุณทักษิณต้องดูสคริปก่อนล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีอะไรบ้าง ออกแบบไว้เพื่อสร้างความกดดันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (3 พ.ย.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ แถลงกรณีที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) และกลุ่ม นปช. จะเดินหน้าทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนายพิภพ กล่าวว่าในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับผิด รับโทษ แต่ยังกล่าวหากระบวนยุติธรรม และชนชั้นสูงว่ากลั่นแกล้งตนเองและครอบครัว รวมทั้งยังกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม
**เกมแม้วชูราชประชาสมาสัย
“พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการให้ความจริงทั้งหมดปรากฏต่อสาธารณะชน และยังมาหาทางออกให้กับความผิดของตนเองโดยการขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงเมตตา โปรดเกล้าแต่งตั้งราชประชาสมาสัย ให้สร้างกลุ่มประชาชนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนว่า ความผิดของตนเองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
นายพิภพ กล่าวต่อว่าหากกระบวนการยุติธรรม ทำให้หมดความน่าเชื่อถือจากพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลตัดสินความผิดไปแล้ว การเดินหน้ายื่นขอราชประชาสมาสัย เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้น จะต้องดูกระแสสังคมว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขณะนี้นักวิชาการก็ออกมาต่อต้านอย่างหนัก ว่าจะทำให้กระบวนยุติธรรมหมดความหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ที่จะเปิดช่องทางดังกล่าว และสมควรหรือไม่ ที่ดึงสถาบันฯเข้ามา เรื่องนี้แกนนำพันธมิตรฯไม่ได้วิตกกังวลอะไร หากมีการขออภัยโทษจริง เพราะการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เอาความจริงมาเปิดเผยต่อประชาชนตลอด ตั้งแต่ปี 2549 เป็นสิ่งที่ยืนยันต่อสังคมได้ชัดเจนว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นสิ่งจำเป็นต่อประเทศ เพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าอย่างสง่างาม
"การราชประชาสมาสัย เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้หวังว่าจะสำเร็จ แต่ต้องการออดอ้อนประชาชนให้เห็นใจ ถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ต้องการกดดันประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญขององคมนตรี ใช้เว็บไซต์โจมตีพระมหากษัตริย์ ตรึงกำลังทหาร และดึงมวลชนเสื้อแดง ออกมาเคลื่อนไหว เป็นยุทธศาสตร์ล้อมเมือง ที่พ.ต.ท. ทักษิณ คิดขึ้นเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความผิด นี่คือความร้าวลึก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณและคณะไม่ยอมแก้ไข โดยการยอมรับผิด และสำนึกผิดตามกระบวนการยุติธรรม นักการเมืองที่กระทำผิด เมื่อสำนึกผิด ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพูดยอมรับความผิดเลย หากวันนี้ อดีตนายกฯ ยังไม่สำนึกผิด และยังกล่าวหาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เมื่อทำเช่นนี้จะมาถามหาความสมานฉันท์ได้อย่างไร เพราะมันทำให้เกิดการแบ่งพรรค แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น" นายพิภพกล่าว
**แนะทักษิณต้องสำนึกผิดก่อน
ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะดำเนินการอะไรต่อไป อันดับแรกต้องมีความสำนึกผิดก่อน ไม่อย่างนั้นจะผิดไปเรื่อยๆ ซึ่งเห็นว่าความผิดที่ผ่านมาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ควรเอาประชาชนมากดดันสถาบันฯ การอภัยโทษ ตนเห็นว่าไม่บังควร เพราะเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดแล้ว ซึ่งกระบวนการยุติธรรมจะต้องเป็นหลักของสังคม หากกระบวนการยุติธรรมถูกทำลาย ประเทศชาติก็คงไม่มีอะไรเป็นหลักยึด นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรไประคายเคืองพระเบื้องยุคลบาท และไม่มีอะไรที่จะทำให้ผิดกลายเป็นถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราชประชาสมาสัย เพราะขณะนี้เรื่องคดีอยู่ในศาล จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อน ซึ่งขณะนี้การตั้งราชประชาสมาสัย เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยังไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที จะนำเทปบันทึกภาพและเสียงของ อดีตนายกฯ มาเผยแพร่รายการความจริงวันนี้ จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าในการที่จะเอาสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล มาทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเพียงนักโทษการเมืองที่พันธมิตรฯไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฝ่ายค้านไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่สภา เพื่อสอบถามความโปร่งใสของรัฐบาล และให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่ผิด
สำหรับการเจรจาสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พร้อมที่จะเจรจา แต่ยังไม่มีการติดต่อมาจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลามาดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งรูปแบบการเจรจา ฝ่ายรัฐบาลจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลา ก่อน จึงจะพูดคุยเรื่องอื่นต่อได้
**สานเสวนายิ่งสร้างปัญหา
นายพิภพ ยังกล่าวถึง การสานเสวนาระหว่าง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กับพรรคประชาธิปัตย์ว่า การสานเสวนาเป็นเครื่องมือของทางรัฐบาล แม้จะมีการสานเสวนา ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ มีแต่จะสร้างความขัดแย้งมากกว่า
"การสานเสวนา บอกให้ลืมเรื่องอดีตแล้วมาเริ่มใหม่ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาในปัจจุบันเกิดจากอดีต การสานเสวนาต้องพูดจากอดีตก่อน แล้วมาพิจารณาว่าอะไรที่อภัยให้ได้ ถึงจะอภัย แต่ความผิดตามกฏหมายที่เกิดขึ้น ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การสานเสวนา เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือของการสร้างความสามานฉันท์ แต่ไม่ใช่การสร้างความสมานฉันท์ทั้งหมด"
***แฉแม้วบ่อนทำลายชาติ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 1 พ.ย. 51 ที่เวทีสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เป็นเหตุการณ์ที่ถูกออกแบบมาล่วงหน้า ก่อนอื่นขอพุดถึง คุณทักษิณก่อน หลายคนเตือนผมว่าเรียกคุณทำไม ต้องเรียกนักโทษชายทักษิณ
ทุกอย่างที่เกิดกับทักษิณเป็นเพราะเขาทำทั้งสิ้น เขาทำตัวเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อหาโกงชาติบ้านเมือง ที่เขาบอกว่า ลูกอยู่ทาง เมียอยู่ทาง ตัวผมอยู่ทาง เขาตำหนิทุกคน แต่ไม่เคยตำหนิตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวกับครอบครัวได้ทำกรรมกับประเทศชาติ
“ผมจะเล่าให้ฟัง รู้หรือไม่ว่าเวลานี้ ปัญหาของชาติ ไม่ใช่ปัญหาทางการเมืองอีกแล้ว แต่เป็นปัญหาของความมั่นคงปลอดภัยของชาติ พี่น้องได้ฟังคำพูดของทักษิณ ตอน 3 ทุ่ม วันที่ 1 พ.ย. แต่พี่น้องพลาดการแสดงละครตอนกลางวันของเขาที่เวทีราชมังคลาฯ เขาเอานักแสดงมืออาชีพมาแสดง เนื้อเรื่องคือ มีกษัตริย์องค์หนึ่งเชื่อปุโรหิต ปุโรหิตนัยปัจจุบันคล้ายกับองคมนตรี เชื่อปุโรหิตคนนั้นใส่ร้ายกับลูกกษัตริย์ว่า ลูกชายของกษัตริย์จะล้มล้าง กษัตริย์เลยสั่งประหารชีวิตลูกชาย แต่มีประชาชนที่รักลูกชายของกษัตริย์ มาล้อมวังเรียกร้องให้กษัตริย์ปล่อยลูกชาย แล้วก็เกิดฟ้าผ่า เศวตฉัตรหักพังทลาย ประชาชนบุกเข้าไปช่วยลูกษัตริย์ แล้วกษัตริย์กับปุโรหิตก็ตาย”
เมื่อละครที่เขาเล่นวันนั้น คืนนั้นคุณทักษิณพูดออกมาว่า “เขา” ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือเล่นงานผม สั่งจำคุก 2 ปี อายุความ 10 ปี แสดงว่าต้องการเอาผมไว้ที่เมืองนอก 10 ปี คำถามคือ คำว่า “เขา” นั้นคือใคร เราต้องโยงกับละคร สองเรื่องนี้ถูกออกแบบมาให้ต่อเนื่องกัน ทักษิณบอกว่าถูกจำคุก 2 ปี อายุความ 10 ปี ต้องบังคับให้อยู่เมืองนอกถึง 10 ปี คำตอบง่ายๆคือ ถ้าคุณเชื่อมั่นความยุติธรรม อายุความติดคุกแค่ 2 ปีคุณก็มาซิ แล้วถ้าคุณติดคุก 2 ปี คุณก็สามารถยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ แล้วเขาพูดต่อว่า ไม่มีใครเอาผมกลับประเทศได้ นอกจากพระบารมีทรงเมตตา หรือพลังของประชาชนที่ช่วยได้ ล้อกับละครเลย
“คำว่าพระบารมีพระเมตตาหมายความว่าพระราชทานอภัยโทษ ในอดีตพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยอภัยโทษคนที่โกงบ้านโกงเมือง แต่การที่จะพระราชทานอภัยโทษคุณต้องมาติดคุกก่อนครับ ไม่มาติดคุกไม่ได้ ต้องเข้าสู่กระบวนการก่อน ข้อที่ 2 หมายความว่า นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตาหรือไม่ พลังของประชาชนเท่านั้นที่จะช่วยได้ แปลว่าคุณกำลังใช้พลังของประชาชนที่รับจ้างคุณมาเพื่อแสดงพลัง มาบีบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระราชทานอภัยโทษคุณหรือยังไง หรือคุณจะใช้พลังของประชาชนที่รับจ้างคุณมาและการเมืองเก่าที่คุณพร้อมซื้อเสียงให้คุณกลับมาเป็นรัฐบาลอีก หาโอกาสสร้างสาธารณรัฐประเทศไทยขึ้นมา มันแปลได้หมดครับ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวต่อว่า คุณทักษิณที่เรากลัวว่าเขาจะโฟนอินก่อให้ความเสียหายให้บ้านเมือง ปรากฎการโฟนอินเข้ามาก้าวหน้ากว่าที่เราคิดมาก เขาจงใจชนพระราชบัลลังก์ จะเห็นได้ชัดครับว่า วันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองอีกต่อไปแล้ว เป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชาติไปแล้ว ทหารคนใดก็ตาม ที่คิดว่าการเมืองต้องใช้การเมืองแก้ ท่านไม่เข้าใจเหตุการณ์ดีพอ นี่ไม่ใช่การเมืองแล้ว การเมืองนั้นเป็นเรื่องของคนต่างความคิด สู้กันด้วยเหตุผล ถูกหรือไม่
ถ้าพันธมิตรฯ จะมายึดทำเนียบแล้วร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล นปก.ฝ่ายเสื้อแดง จะแสดงพลังก็ไปยึดถนนราชดำเนินซิ หรือไปเช่าสนามกีฬาราชมังคลาฯก็ได้ แล้วขึ้นมาปราศรัยตอบโต้สิ่งที่พธม.กำลังกล่าวหา แล้วให้ประชาชนตัดสิน ถูกหรือไม่ มีปัญญาจ่ายหัวละ 500 บาท ครั้งละ 50,000 คน คุณจ่ายไปซิ เพราะพี่น้องเราพร้อมมาอยู่ 5 เดือนหรือ 1 ปีพร้อมต่อสู้ทางความคิด นี่คือการต่อสู้ทางการเมือง
“การเมืองมีอำนาจรัฐใช้อำนาจรัฐไปสนับสนุน นปก. ให้ใช้ความรุนแรงกับเราโดยที่รัฐที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อยไปเข้าข้างฝ่ายที่ทำร้ายประชาชน อย่างนี้ เขาเรียกว่าการเมืองหรือไม่ มันไม่ใช่ นี่ไม่ใช่การเมือง นี่คือที่เขาต้องการที่จะสยบปิดปากคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา แล้วเปิดโปงความชั่วร้ายของเขาด้วยวิธีใช้กฎหมายที่ผิดมารังแกกัน นี่ไม่ใช่การเมืองนี่คือกุ๊ยการเมือง”
นอกจากนั้นแล้วยังไม่พอยังมีรายการจาบจ้วงสถาบันทำร้ายสถาบันกระทั่งเราต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องเขาเลยค่อยขยับ เอาจริง แต่ก็เหมือนไฟไหม้ฟางเพื่อให้มันเงียบไป
นายสนธิกล่าวว่า การที่นักการเมืองฝ่ายนั้นบอกว่าไทยแตกแยกเป็นสองฝ่าย ไม่ผิด มีฝ่ายถูกกับฝ่ายผิดเท่านั้นเอง เรายืนอยู่บนฝ่ายถูก แล้วฝ่ายผิดจะดึงดันเอาความผิดมาให้ถูกเราก็ไม่ยอม เมื่อประเด็นพวกนี้เกิดขึ้น ประเด็นละครทักษิณ และคำพูดที่จะเอาประชาชนมาข่มขู่ พวกเรารู้ว่าประชาชนของเขาไม่มีครับ เขามีแต่คนรับจ้างมาประท้วง ถ้าประชาชนของเขามีเขาก็ต้องอยู่กันเป็นเดือนๆเหมือนเราใช่หรือไม่ การชุมนุมของเขาทุกครั้ง ไม่ว่าพวกเสื้อแดง ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานเป็นอาทิตย์ ถึงจะมาสามสี่หมื่นคน พออยู่เดี๋ยวๆพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ถ้าเป็นประชาชนของเขาจริง รักทักษิณจริง เมื่อเห็นทักษิณถูกรังแก ต้องอยู่แบบเรา เขาต้องมาเอง ไม่ต้องมีหัวหน้าที่คอยคุมแถวมา ไม่ต้องม่าจาย 500 บาท
เขามีแต่ประชาชนรับจ้าง แกนนำ และหัวคะแนน คุณทักษิณ พลังประชาชน ยังหลงลืมตัวว่าเขาสามารถเรียกประชาชนเป็นแสนเป็นล้าน คุณโกงบ้านโกงเมืองไปหลายล้าน คุณก็จ่ายได้ แต่คำถามมีว่า ถ้าแน่จริงคุณให้อยู่สัก 90 วัน ก็คือ 90,000 ล้านบาทคุณก็จ่ายไม่ได้ วันนั้นผมถึงบอกว่าประชาชนตัวจริงคือที่นี่ และนี่คือประชาชนของของราชบัลลังค์ที่แท้จริง
“นี่ไม่ไช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ของราชบัลลังค์ ถูกทักษิณท้าทายมาบีบให้พระเจ้าอยู่หัวต้องทำตามที่เขาบอกเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2551 เขาใช้กระบวนการยุติธรรมเล่นงานผม “เขา” คือใคร คุณหมายถึงสถาบันชั้นสูงสุดหรือที่มาสั่ง ถ้าอย่างนั้น กรณีที่คุณฟ้องผมในศาล ถูกจำคุก ก็หมายความว่าเขาเหมือนกันซิ ถ้าอย่างนั้นก็เจ๊ากันไม่ใช่หรือ”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ทักษิณก็รู้ว่าไม่มีใครสั่งศาลได้ ศาลจะซี้ซั้วทำได้ไงถ้าหากปราศจากหลักฐาน คดีทักษิณเขารู้กันหมด ศาลซี้ซั้วพิพากษาได้หรือไม่ ทักษิณลืมไปหรือว่ากฎหมาย ปปช. มาตรา 100 ปี 2542 ระบุชัดเจนว่า นักการเมืองห้ามไม่ให้หรือคู่สมรสเข้าไปร่วมทำนิติกรรมกับรัฐ ชัดเจนแล้ว แล้วคุณทักษิณอ่านภาษาไทยไม่ออกหรือยังไง เพราะฉะนั้นแล้วความเป็นอันธพาลของทักษิณ ทักษิณเป็นคนที่สร้างภาพ ทุกวันนี้ต้องสร้างภาพ มาออกแบบวันที่ 1 ทำไมต้องเป็นสนามกีฬาราชมังคลาฯ เพราะว่าจุคนได้อย่างมากสุดก็ 60,000 คน ทำไมไม่เอาถนนราชดำเนิน เอามาสัก 2 แสนคนก็ไม่เป็นไร มันแพงไปครับ เอาแค่นี้ก็พองานนี้ตั้งไว้ 200-300 ล้านบาท ผมถามว่าคุณทักษิณต้องดูสคริปก่อนล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีอะไรบ้าง ออกแบบไว้เพื่อสร้างความกดดันกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.