xs
xsm
sm
md
lg

“จำลอง” ค้าน “นช.แม้ว” ขออภัยโทษ ชี้ผิดหลักการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
แกนนำพันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วย “พลังแม้ว” จะล่ารายชื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชอภัยโทษ ชี้ผิดหลักการ คัดค้านใช้สื่อรัฐเป็นเครื่องมือนำโฟนอิน “นักโทษอาญาแผ่นดิน” มาออกอากาศซ้ำ ด้าน"พิภพ"แฉราชประชาสมาสัยถือเป็นยุทธศาสตร์ล้อมเมือง หวังลบล้างมาทิน

วันนี้ (3 พ.ย.)ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และนาย พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ แถลงกรณีที่ พรรคพลังประชาชน(พปช.)และกลุ่มนปช.จะเดินหน้าทำเรื่องขอพระราชอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายพิภพ กล่าวว่าในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับผิดรับโทษแต่ยังกล่าวหากระบวนยุติธรรม และชนชั้นสูงว่ากลั่นแกล้งตนเองและครอบครัว รวมทั้งยังกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการให้ความจริงทั้งหมดปรากฏต่อสาธารณะชน และยังมาหาทางออกให้กับความผิดของตนเองโดยการขอพระราชอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงเมตตา โปรดเกล้าแต่งตั้งราชประชาสมาศรัยให้สร้างกลุ่มประชาชนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนว่าความผิดของตนเองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

นายพิภพ ยังกล่าวต่อว่า หากกระบวนการยุติธรรมทำให้หมดความน่าเชื่อถือจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลตัดสินความผิดไปแล้ว การเดินหน้ายื่นขอราชประชาสมาศรัยเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้นจะต้องดูกระแสสังคมว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขณะนี้นักวิชาการก็ออกมาต่อต้านอย่างหนักว่าจะทำให้กระบวนยุติธรรมหมดความหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ที่จะเปิดช่องทางดังกล่าว และสมควรหรือไม่ที่ดึงสถาบันเข้ามา เรื่องนี้แกนนำพันธมิตรฯไม่ได้วิตกกังวลอะไรหากมีการขออภัยโทษจริง เพราะการต่อสู้ของพันธมิตรฯเอาความจริงมาเปิดเผยต่อประชาชนตลอดตั้งแต่ ปี 2549 เป็นสิ่งที่ยืนยันต่อสังคมได้ชัดเจนว่าการต่อสู้ของพันธมิตรฯเป็นสิ่งจำเป็นต่อประเทศเพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมได้เดินหน้าอย่างสง่างาม

“การราชประชาสมาสัยเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หวังว่าจะสำเร็จ แต่ต้องการออดอ้อนประชาชนให้เห็นใจ ถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ต้องการกดดันประชาชนทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญขององคมนตรี ใช้เว็บไซต์โจมตีพระกษิตริย์ ตรึงกำลังทหาร และดึงมวลชนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว เป็นยุทธศาสตร์ ล้อมเมือง ที่พ.ต.ท. ทีกษิณ คิดขึ้นเพื่อให้ตัวเอง รอดพ้นจากความผิด นี่คือความร้าวลึกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะไม่ยอมแก้ไข โดยการยอมรับผิดและสำนึกผิดตามกระบวนการยุติธรรม นักการเมืองที่กระทำผิด เมื่อสำนึกผิดก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยพูดยอมรับความผิดเลย หากวันนี้ อดีตนายกฯยังไม่สำนึกผิดและยังกล่าวหาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เมื่อทำเช่นนี้จะมาถามหาความสมานฉันท์ได้อย่างไรเพราะมันทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น”นายพิภพ กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะดำเนินการอะไรต่อไปอันดับแรกต้องมีความสำนึกผิดก่อน ไม่อย่างนั้นจะผิดไปเรื่อยๆ ซึ่งเห็นว่าความผิดที่ผ่านมาเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรเอาประชาชนมากดดันสถาบัน การอภัยโทษ ตนเห็นว่าไม่บังควรเพราะเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดแล้ว ซึ่งกระบวนการยุติธรรมจะต้องเป็นหลักของสังคม หากกระบวนการยุติธรรมถูกทำลายประเทศชาติก็คงไม่มีอะไรเป็นหลักยึดนอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรไประคายเคืองเบื้องยุคลบาท และไม่มีอะไรที่จะทำให้ผิดกลายเป็นถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราชประชาสมาศรัย เพราะขณะนี้เรื่องคดีอยู่ในศาลจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนก่อน ซึ่งขณะนี้การตั้งราชประชาสมาศรัยเพื่อขอพระราชอภัยโทษ ยังไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที จะนำเทปบันทึกภาพและเสียงของ อดีตนายกฯมาเผยแพร่รายการความจริงวันนี้ จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าในการที่จะเอาสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลมาทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเพียงนักโทษการเมืองที่พันธมิตรฯไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก เป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฝ่ายค้านไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่สภาเพื่อสอบถามความโปร่งใสของรัฐบาลและให้หยุดการกระทำดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องที่ผิด สำหรับการเจรจาสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่าพร้อมที่จะเจรจา แต่ยังไม่มีการติดต่อมาจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลามาดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งรูปแบบการเจรจาฝ่ายรัฐบาลจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลา ก่อนจึงจะพูดคุยเรื่องอื่นต่อได้

นายพิภพ ยังกล่าวถึง การสานเสวนาระหว่างนายบวรศักดิ์ สุวรรณโน เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่าการสานเสวนาเป็นเครื่องมือของทางรัฐบาล แม้จะมีการสานเสวนาก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่จะสร้างความขัดแย้งมากกว่า

“การสานเสวนาบอกให้ลืมเรื่องอดีตแล้วมาเริ่มใหม่ มันเป็นไปไม่ได้เพราะปัญหาในปัจจุบันเกิดจากอดีต การสานเสวนาต้องพูดจากอดีตก่อนแล้วมาพิจารณาว่าอะไรที่อภัยให้ได้ถึงจะอภัย แต่ความผิดตามกฏหมายที่เกิดขึ้นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การสานเสวนาเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือของการสร้างความสามานฉันท์ แต่ไม่ใช่การสร้างความสมานฉันท์ทั้งหมด”
กำลังโหลดความคิดเห็น