xs
xsm
sm
md
lg

พระเทพฯ ทรงร่วมซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระศพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนิน ทรงร่วมซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงพระราชทานพระราชวินิจฉัยให้บรรเลงเพลงปี่พาทย์นางหงส์ช่วงเคลื่อนพระโกศลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นไปยังพระยานมาศสามลำคาน ทรงรับสั่งมีพระราชประสงค์ให้เสียงกลองบรรเลงเพลงพญาโศกชัดขึ้น ท่ามกลางประชาชน และชาวต่างชาติรอชมเนืองแน่น

วานนี้(2 พฤศจิกายน)ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซ้อมใหญ่เหมือนจริงริ้วขบวนพระอิสริยยศ งานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ บริเวณรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

เวลา 03.30 น. พล.ท.คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก นำกำลังพลทำพิธีขออนุญาตอัญเชิญพระราชรถ ราชยาน พระยานมาศ และอุปกรณ์เครื่องมือทั้งหมด ที่ใช้ในพิธีซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อขอความเป็นสิริมงคล ให้ภารกิจดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม โดย พล.ท.คำนวณ ได้กล่าวนำขอขมาหลวงพ่อพระพุทธสิหิงค์ เจ้าพ่อเขาตก ท้าวมหาพรหม พ่อปู่พระพิฆเนศ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ภายในโรงราชรถ ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร จากนั้นกำลังพลได้เคลื่อนที่พระมหาพิชัยราชรถ และราชรถน้อย มาทำการซ้อม ที่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา มุมเลี้ยวเข้าสู่กลางท้องสนามหลวง

พล.ต.จักรรัตน์ ธาราพิทักษ์ ผู้บัญชาการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า ปัญหาการซ้อมที่ผ่านมายังพบว่าการเลี้ยวจากถนนราชดำเนินใน เข้าสู่กลางท้องสนามหลวงติดขัดเล็กน้อย จึงได้ปรับให้มุมป้านขึ้น ปรากฏว่าผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้กำลังพลทุกคนมีความพร้อม ส่วนเรื่องแดดและฝนไม่มีปัญหาและอุปสรรคใด ๆ

**พระเทพฯ ทรงร่วมซ้อมริ้วขบวน

ในเวลา 06.50 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ทรงทอดผ้าไตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเชิญพระโกศลงจากพระแท่นสุวรรณเบญจรงค์ไปประดิษฐานที่พระยานมาศสามลำคาน

ในการนี้ได้ทอดพระเนตรและทรงร่วมซ้อมขบวนพระอิสริยยศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ตามพระโกศออกจากพระบรมมหาราชวัง ผ่านทางประตูศรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ เพื่อตั้งริ้วขบวนที่ 1 บนถนนมหาราช

เมื่อริ้วขบวนอิสริยยศขบวนที่ 1 เคลื่อนมาถึงถนนสนามไชย ได้ร่วมกับริ้วขบวนที่ 2 ที่ตั้งรออยู่ที่หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้เชิญพระโกศเทียบเกรินบันไดนาค ขึ้นประดิษฐานบนบุษบกในพระมหาพิชัยราชรถ เพื่อเคลื่อนริ้วขบวนไปยังพระเมรุท้องสนามหลวง

เมื่อขบวนพระศพเข้าสู่พระเมรุได้อัญเชิญพระโกศลงจากพระมหาพิชัยราชรถโดยเกรินบันไดนาคประดิษฐานที่พระยานมาศสามลำคาน เพื่อตั้งริ้วขบวนที่ 3 ซึ่งจะเชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคาน เวียนพระเมรุโดยอุตราวัตรหรือเวียนซ้าย 3 รอบ จากนั้นจึงเชิญพระโกศประดิษฐาน ณ พระจิตกาธานในพระเมรุ เป็นอันเสร็จพิธีในช่วงเช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นเข้าร่วมการซ้อมริ้วขบวนพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในริ้วที่ 1 2 และ 3 แล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินยังกรมศิลปากร ทรงร่วมเสวยพระกระยาหาร และมีพระราชปฏิสันถารกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร และคณะช่าง สร้างความปลาบปลื้มให้บุคคลที่เข้าเฝ้าฯ เป็นอย่างมาก

**มีพระราชวินิจฉัยเสียงดนตรีประโคม

ขณะเสด็จพระราชดำเนินกลับ นายสิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ที่ปรึกษาด้านดนตรีประโคมและมหรศพในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ได้ทูลถวายรายงานว่า ในช่วงเคลื่อนพระโกศลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นไปยังพระยานมาศสามลำคาน ช่วงนั้นไม่มีเสียงดนตรีประโคมดนตรีใดๆ เลยเป็นระยะเวลา 15 นาที จึงได้ขอพระราชวินิจฉัยว่า ในช่วงนี้ควรจะมีการบรรเลงเพลงปี่พาทย์นางหงส์ ซึ่งสมเด็จพระรัตนราชสุดาฯ ทรงรับสั่งว่า ได้

นอกจากนี้ สมเด็จพระรัตนราชสุดาฯ ยังทรงรับสั่งถึงการบรรเลงเพลงพญาโศกว่า เหตุใดการบรรเลงในงานพระราชพิธีครั้งนี้ ไม่เหมือนเมื่อครั้งสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ไม่ใช่ทำนองผิด แต่ทรงต้องการให้เสียงกลองชัดกว่านี้ เพื่อให้คนเดินเป็นจังหวะ ซึ่งนายสิริชัยชาญ ได้กราบทูลว่า จะประสานไปยังกองดุริยางค์ทหารบก ดูแลเกี่ยวกับการบรรเลงให้เสียงกลองชัดกว่านี้

นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า วานนี้กรมศิลปากรได้ทำการกำหนดจุดเส้นสีแดงบริเวณทางโค้งตามทางเดินริ้วขบวนเพื่อให้ขบวนเดินไปแล้วมีช่วงเว้นระยะความโค้งเท่ากัน ทำให้ขบวนมีความสวยงาม ส่วนการเคลื่อนริ้วขบวนในวันนี้ ถือว่ามีความพร้อมมาก เนื่องจากได้เน้นให้ทุกคนอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง สำหรับระยะเวลาของการซ้อมครั้งนี้ ดีกว่าการซ้อม 2 ครั้ง แสดงว่ามีการซ้อมที่ราบรื่นมากขึ้นทั้งในส่วนการอัญเชิญพระโกศขึ้นและลงจะใช้เวลาได้ตามกำหนด

**ปชช.-นักท่องเที่ยวรอชมเนืองแน่น

น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและจัดสร้างพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวว่า จนถึงวันซ้อมใหญ่ งานก่อสร้างพระเมรุยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อย เช่น สะพานเกรินบันไดนาคยังไม่ได้ติดลาย ส่วนพระจิตกาธานมีความพร้อมอัญเชิญพระโกศ และพระโกศจันท์ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาพการทำงานโดยรวมมาจนถึงวันนี้ไม่มีปัญหาอะไร สิ่งที่เป็นอุปสรรคจริงๆ คือ ธรรมชาติ คณะทำงานพยายามแก้เท่าที่จะแก้ได้

ประการแรกคือ ฝน การซ้อมริ้วขบวนทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมามีฝนตกตลอด ดังนั้น คณะทำงานได้ทำการแก้ไขโดยวางระบบท่อระบายน้ำใต้บริเวณที่ตั้งพระเมรุใหม่ทั้งหมด แม้ฝนจะตกมาขณะนี้อาจจะมีน้ำขังอยู่บ้าง แต่คงไม่นองท่วมเหมือนที่ผ่านมา

"อุปสรรคประการที่สอง คือ แดด ซึ่งการป้องกันยากกว่าฝนเพราะแดดโดนพระเมรุทั้งองค์เลย ก่อนหน้านี้มีการนำผ้ามาคลุมกันแดด พอเอานั่งร้านออก พระเมรุโดนแดดสีจึงซีดบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเสียหาย เพราะคณะทำงานได้พยายามป้องกันจนถึงที่สุด จนถึงวันยกฉัตร อย่างไรก็ตามในส่วนของสีของพระเมรุที่ซีดลง คณะทำงานได้เตรียมกระดาษทองย่นที่เหลืออยู่ส่วนหนึ่งติดเฉพาะด้านทิศตะวันตกพระเมรุ ซึ่งเป็นทางเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนอื่นคงต้องปล่อยไปตามสภาพ" น.อ.อาวุธ กล่าว

ส่วนการซ้อมประกอบพระโกศจันท์รองรับพระโกศบนจิตกาธานนั้น น.อ.อาวุธ กล่าวว่า จะเริ่มซ้อมในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ซึ่งขั้นตอนการประกอบไม่ยาก เพราะได้ทำเป็นชิ้นส่วนสำหรับปะกอบง่าย แบ่งเป็น 2 ชิ้น ประกบกันแล้วนำฝามาครอบเป็นการล็อกไปด้วยในตัวด้วย อย่างไรก็ตาม คณะทำงานจะต้องมีการซ้อมประกอบตลอด เพราะ
ในวันพระราชพิธีจริง การประกอบพระโกศจันท์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ประทับรออยู่ที่พระที่นั่งทรงธรรม ดังนั้น ต้องประกอบพระโกศจันท์ให้เสร็จโดยเร็ว พร้อมเพรียงกัน เมื่อประกอบเสร็จพระองค์จะเสด็จขึ้นมาประกอบเครื่องทองน้อยบนพระเมรุ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการซ้อมใหญ่เคลื่อนขบวนพระอิสริยยศมีประชาชนใน กทม. และต่างจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางมาจองพื้นที่เพื่อรอชมการซ้อมจำนวนมากโดยเฉพาะบริเวณศาลหลักเมือง มีประชาชนหนาแน่นที่สุด ทั้งนี้ เพื่อร่วมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติที่เดินทางมาจับจองพื้นที่เพี่อรอชมริ้วขบวนจำนวนมาก เช่นเดียวกับสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่มาปักหลักรอทำข่าวกันอย่างคึกคักเช่นกัน ซึ่งทันทีที่ริ้วขบวนฯ เคลื่อนผ่าน ประชาชนได้นำกล้องถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอ เพื่อถ่ายภาพประวัติศาสตร์ และให้ได้ภาพที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว

**กทม.เร่งปรับภูมิทัศน์ก่อนวันจริง

ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า มีความพร้อมในการดูแลพื้นที่รอบสนามหลวงและเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินอย่างเต็มที่ โดยก่อนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้จะร่วมกับเขตพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยไม่ให้เข้ามาขายในพื้นที่จัดงาน ส่วนของคนเร่ร่อนจะประสานเครือข่ายไร้บ้าน เข้าสำรวจพื้นที่โดยรอบเพื่อกันคนออกจากพื้นที่ไม่ให้มีอยู่ในวันงาน ซึ่งหากพบคนเร่ร่อนที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนของคนไร้บ้านอาจจะส่งเข้าพักที่บ้านอุ่นใจ เขตดินแดง กทม.เป็นการชั่วคราว

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในส่วนที่ กทม.รับผิดชอบโดยตรง คือ การจัดซุ้มวางดอกไม้จันทน์รอบสถานที่จัดงาน ทั้งบริเวณท่าช้างและสนามหลวง รวมไปถึงตามวัดต่างๆ จำวน 46 วัดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้มีส่วนร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย ซึ่ง กทม. ได้ขึ้นป้ายให้ทราบแล้วว่าเขตใดสามารถไปได้ร่วมวางดอกไม้จันทน์ที่วัดใดบ้าง นอกจากนี้ กทม.จะได้ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในการตกแต่งพื้นที่โดยเฉพาะการตกแต่งต้นไม้ให้สวยงามด้วย

จาดนั้น ในเวลา 14.00 น.มีการซ้อมริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ริ้วขบวนที่ 4 และ 5 ต่อจากในช่วงเช้า สำหรับริ้วขบวนที่ 4 เป็นขบวนพระอิสริยยศพระอัฐิ เชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคาร โดยพระวอสีวิกากาญจน์ โดยจำลองเหตุการณ์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 08.00 น. ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเก็บพระอัฐิและเชิญพระโกศพระอัฐิพระสรีรางคาร ใช้กำลังพล 822 นาย ใช้เส้นทางถนนราชดำเนินใน ผ่านถนนหน้าพระลาน เข้าพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี โดยแยกอัญเชิญพระสรีรางคารไปที่พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และอัญเชิญพระโกศพระอัฐิเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ส่วนริ้วขบวนที่ 5 จำลองเหตุการณ์วันที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 10.30 น. เป็นการเชิญพระโกศพระอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปประดิษฐานที่พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ใช้กำลังพล 392 นาย อย่างไรก็ตาม ในการซ้อมครั้งนี้มีประชาชนเฝ้ารอชมตลอดเส้นทาง แม้สภาพอากาศจะร้อนจัด และมีประชาชนจำนวนมาก

สำหรับริ้วขบวนที่ 6 ซึ่งเชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังสีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ริ้วขบวนจะมีขบวนทหารม้าอิสริยยศ นำและตาม ซึ่งจะมีการซ้อมในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น