xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรชาวไทยและต่างชาติร่วมชมพิธีซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก นำกำลังพลทำพิธีขออนุญาตอัญเชิญพระราชรถ ราชยาน และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในพิธีซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อความเป็นสิริมงคลและให้ภารกิจดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ขณะที่พสกนิกรทั้งไทยและต่างชาติ จากทั่วทุกสารทิศต่างหลั่งไหลมาร่วมชมการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศ เพื่อรำลึกและแสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก่อนถึงวันจริง

เมื่อเวลา 03.30 น. พล.ท.คำนวณ เธียรประมุข เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก นำกำลังพลทำพิธีขออนุญาตอัญเชิญพระราชรถ ราชยาน พระยานมาศ และอุปกรณ์เครื่องมือทั้งหมด ที่ใช้ในพิธีซ้อมใหญ่ริ้วขบวนพระอิสริยยศ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อขอความเป็นสิริมงคล ให้ภารกิจดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม โดย พล.ท.คำนวณ ได้กล่าวนำขอขมาหลวงพ่อพระพุทธสิหิงค์ เจ้าพ่อเขาตก ท้าวมหาพรหม พ่อปู่พระพิฆเนศ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ภายในโรงราชรถ ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร จากนั้นกำลังพลได้เคลื่อนที่พระมหาพิชัยราชรถ และราชรถน้อย มาทำการซ้อม ที่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา มุมเลี้ยวเข้าสู่กลางท้องสนามหลวง

พล.ต.จักรรัตน์ ธาราพิทักษ์ ผู้บัญชาการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวว่า ปัญหาการซ้อมที่ผ่านมายังพบว่าการเลี้ยวจากถนนราชดำเนินใน เข้าสู่กลางท้องสนามหลวงติดขัดเล็กน้อย จึงได้ปรับให้มุมป้านขึ้น ปรากฏว่าผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้กำลังพลทุกคนมีความพร้อม ส่วนเรื่องแดดและฝนไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาจองพื้นที่เพื่อรอชมการซ้อม จากการสอบถามมีทั้งเดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครนายก จังหวัดสมุทรปราการ นางจุฑามาศ ศรีจันทรา อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ออกเดินจากบ้านเวลา 24.00 น.มาถึงเวลา 01.00 น.โดยมากับครอบครัวและญาติมา 5 คน เพื่อดูลูกชายซึ่งเดินอยู่ในริ้วขบวนที่ 2 และต้องการมีส่วนร่วมในพระราชพิธีสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต อีกทั้งเพื่อถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย และในวันจริงก็จะมาอีก

นายคำติน บุญสม อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เดินทางมาจากอำเภอปราสาท พร้อมเพื่อนบ้านรวม 14 คน เหมารถตู้มาเสียค่าใช้จ่ายคนละ 500 บาท ออกเดินทางจาก จ.สุรินทร์ เวลา 20.00 น. มาถึงสนามหลวง เวลา 03.00 น. เพื่อเตรียมพร้อมเรื่องเสบียงอาหารในการปักหลักชมการซ้อมริ้วขบวนอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นครั้งแรกที่เดินทางมา และจะไปถวายสักการะพระศพเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกล่าวว่าไม่ห่วงเรื่องฝนตก แดดออก

นางจริยา บำรุงสิทธิ์ อายุ 52 ปี เดินทางจากนครนายก มาถึงสนามหลวง เมื่อเวลา 24.00 น.ที่ผ่านมา เพราะตั้งใจมาจองพื้นที่ในการชมการซ้อมริ้วขบวนอย่างใกล้ชิด และไม่ห่วงเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศว่าจะเป็นอย่างไร

นางระเบียบ พรหมพันธุ์ อายุ 69 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาเพื่อร่วมชมการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนฯ ถึงแม้ขาเจ็บก็ไม่ย่อท้อ และตั้งใจจะเดินทางมาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ในวันจริง ด้วยความจงรักในความดีของพระองค์ ที่ทรงทำแต่สิ่งดีให้ประชาชน

นางธนาพร เพชรอินทร์ อาชีพค้าขายย่านคลองสาน กล่าวว่า วันนี้ปิดร้านเพื่อมาชมการซ้อมริ้วขบวน เพราะในวันจริงไม่สามารถมาชมได้ ความรู้สึกที่มีคือรู้สึกอาลัยต่อพระองค์มาก

นางอำพร ภัทรพานี ผู้นำชุมชนในอำเภอปราสาท จ.สุรินทร์ เช่ารถมาพร้อมเพื่อนบ้าน 50 คน เดินทางจาก จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 22.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา กล่าวทั้งน้ำตาว่า รักและอาลัยพระองค์ไม่มีอะไรจะทำให้ท่านได้ก่อนที่จะเสด็จสู่สวรรคาลัย จึงเดินทางมาชมการซ้อมใหญ่ริ้วขบวนฯ ด้วยความรักและความอาลัย ตั้งใจว่าในวันจริงก็จะเช่ารถมาจาก จ.สุรินทร์อีก

นอกจากนี้ มีชาวต่างชาติจำนวนมากที่เดินทางมาจับจองพื้นที่ริมฟุตบาทตั้งแต่เช้าตรู่ เช่น ครอบครัวบร๊อดแฮ่ม ชาวอเมริกัน พ่อแม่ลูกจำนวน 3 คน อาศัยอยู่ในประเทศไทย 2 ปีแล้ว กล่าวว่า มาวันนี้เพื่อจะเห็นริ้วขบวนฯ อย่างใกล้ชิด ระบุว่าคนไทยมีวัฒนธรรมไม่เหมือนประเทศตน ต้องการชมขั้นตอน พิธีการต่าง ๆ ที่ประเทศตนไม่มี และถือว่าสิ่งที่คนไทยทำเป็นวัฒนธรรมที่ดี สะท้อนความจงรักภักดี ที่มีต่อราชวงศ์ จะนำภาพและบรรยากาศที่เห็นไปบอกเล่าต่อ

ส่วนครอบครัวชาวเยอรมันจำนวน 5 คน พร้อมใจสวมชุดดำ มาตั้งแต่เช้าเช่นกัน กล่าวว่า ทำงานในไทยมา 1 ปีแล้ว ต้องการมาชมริ้วขบวนพระอิสริยยศฯ ให้เห็นกับตา โดยมีแม่บ้านเป็นอาสาสมัครเยอรมนีทำงานที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร รู้สึกชื่นชมวัฒนธรรมไทย จึงทำให้รู้ว่าพระราชพิธีนี้ถือเป็นการรักษาประเพณีไทยไว้ให้คนรุ่นหลัง และเชื่อว่าจะเป็นที่เดียวในโลกที่ยังรักษาเอาไว้ในช่วงเวลาที่วัฒนธรรมง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ริ้วขบวนฯ เคลื่อนผ่าน ประชาชนได้นำกล้องถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอเพื่อถ่ายภาพประวัติศาสตร์ บางคนปีนขึ้นต้นไม้ บางคนขี่คอกันเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว นายยุทธภูมิ ริ้วสุนทร นักศึกษาปี 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี แผนกถ่ายภาพกล่าวว่า วันนี้ถ่ายภาพยากเพราะคนเบียดเสียดกันมาก แต่ประทับใจและรู้สึกตนโชคดี มีบุญที่ได้มาชมพระราชพิธี โดยในคราวงานพระราชพระพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เห็นแต่ในภาพถ่าย ในพระราชพิธีครั้งนี้ จึงตั้งใจมาถ่ายภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น