xs
xsm
sm
md
lg

ธาตุแท้ของผู้นำหรือแค่ผู้บริหารตามคำบอก

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

เป็นเรื่องเศร้ามากที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตข้าราชการ ได้ละเลยภารกิจที่สำคัญยิ่งเมื่อได้สาบานตนใน 17 กันยายน 2551แล้ว กลับใช้เวลาเดือนกว่าที่จะแสดงตนว่าให้ความสำคัญกับกรณีที่มีกลุ่มอนาธิปไตย และพวกว่าจ้างไร้วิญญาณเป็นไทย ทั้งตั้งใจและฉวยโอกาสจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงมาเป็นเวลา 2 ปีกว่า หลังจากการโค่นล้มรัฐบาลคดโกงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

เมื่อ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีการประชุมสภากลาโหม มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นประธาน และได้มอบหมายนโยบายด้านความมั่นคงของชาติ ตามมารยาทต้องนำนโยบายนี้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน จึงจะสั่งการให้เหล่าทัพนำไปปฏิบัติก็ถูกต้องแล้ว แต่ภารกิจของรัฐบาลในเรื่องพิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญและนิติประเพณีนั้น ทุกรัฐบาลต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัดอยู่แล้วและ รมว.กห.ไม่จำเป็นต้องรอแถลงต่อรัฐสภา สามารถที่จะกำชับกองทัพให้ปฏิบัติตามคำสาบานของหน่วยทหารทุกเหล่าได้ทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง

แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รอกว่าเดือนจึงได้ฤกษ์แจ้งให้กองทัพทราบถึงนโยบายของเขาในเรื่องความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

นายสมชาย ย่อมรู้ดีว่ามีเรื่องราวที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด โดยเฉพาะเมื่อนายประมวล รุจนเสรี อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรู้เห็นพฤติกรรมบางอย่างของนักการเมืองหลายคนในอดีตพรรคไทยรักไทย เริ่มไม่ลงรอยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนหนังสือออกมา 2 เล่มคือ “การใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์” และ “พระราชอำนาจ” ซึ่งหนังสือเล่มหลังนี้เป็นที่ฮือฮามาก แต่ถูกต่อต้านมิให้มีการแสดงนิทรรศการเปิดตัว และเป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงได้ทอดพระเนตรแล้วมีพระราชดำรัสว่า “เราอ่านแล้ว เราชอบมาก เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง” ซึ่งในวันที่ 7 สิงหาคม 2548 มีการจัดเสวนาเรื่องพระราชอำนาจ มีประชาชนนับพันคนหลั่งไหลไปฟังเสวนาทางวิชาการเรื่องนี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประมวล รุจนเสรี รับว่าได้เขียนเรื่องนี้เพื่อปลุกกระแสคนไทยให้รับว่า พระราชอำนาจมีความเป็นประชาธิปไตยและศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระองค์ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติผ่านสภาผู้แทนราษฎร อำนาจบริหารผ่านรัฐบาล และอำนาจตุลาการผ่านศาล

ในปี 2548 มีเรื่องการโปรดเกล้าฯ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีประเด็นที่ว่าการพิจารณาเรื่องนี้ต้องพิจารณาดูว่ากระบวนการได้มาซึ่งตัวบุคคลชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญหรือไม่ และต้องพิจารณาต่อไปว่าตัวบุคคลที่ทูลเกล้าฯ ขึ้นไปนั้น ชอบหรือไม่ แต่ประเด็นที่เป็นข้อยุติแล้วคือ พระมหากษัตริย์ไม่ใช่ตรายางที่จะต้องเห็นชอบทุกอย่างที่รัฐบาลเสนอ ทรงใช้ดุลพินิจของพระองค์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศไทยพระมหากษัตริย์ทรงมีบทบาท และทรงใช้พระราชอำนาจ โดยเฉพาะพระราชบารมีที่ทรงสร้างสม และทรงสะสมมาเป็นเวลา 60 ปี ในการแก้ไขวิกฤตบ้านเมืองน้อยใหญ่มาโดยตลอด

และช่วงที่กล่าวมานี้เป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกเรืองอำนาจมาก สามารถควบคุมรัฐสภา ฝ่ายบริหารและองค์กรอิสระได้อย่างสมบูรณ์จึงเหิมเกริมเอาแต่ใจตัวเองจนนายประมวล รุจนเสรี ทนไม่ได้จึงต้องเขียนหนังสือเล่มนี้

นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องต่างๆ ที่พฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณแสดงให้เห็นว่า มีอำนาจเหลือล้น เช่น “เขาจะลาออกหรือไม่นั้นก็ขอให้ในหลวงทรงกระซิบบอกมาให้ลาออก ก็จะลาออก” แต่ที่เป็นปริศนายิ่งของคนไทยโดยในวันที่ 29 มิถุนายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญไม่ใช่รัฐธรรมนูญ คือ บุคคลซึ่งเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาวุ่นวาย องค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป มีการไม่เคารพกติกา” ทุกวันนี้คนไทยยังไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมายถึงใครหรือองค์กรใด และสังคมไทยยังคงอยากรู้อยู่

รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาเป็นที่เห็นชัดเจน และคนเริ่มมองเห็นความเหิมเกริมนี้ทั้งยังมีบุคคลที่เคยต้องโทษหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรับใช้เขาอยู่รวมทั้งกลุ่มต่อต้านสถาบันอีกหลายคนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เรียกว่า “ซ้ายในซ้าย” ในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และในการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์กรณี “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” เป็นรหัสลับยุทธศาสตร์อะไรบางอย่างหรือไม่นั้นเป็นประเด็นที่สังคมต้องวิเคราะห์ด้วย เพื่อขจัดต้นตอการจาบจ้วงสถาบัน เพราะกลุ่มที่จาบจ้วงสถาบันมากที่สุด และเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือ กลุ่ม นปก. หรือ นปช. โดยเฉพาะกรณี “ดา ตอร์ปิโด” หรือน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ขึ้นปราศรัยที่เวทีสนามหลวงของกลุ่ม นปก.ที่สนับสนุนรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีข้อความบางตอนพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชัดเจน และตรงมากจนถูกจับตัวแต่ได้รับการประกันตัว

กลุ่ม นปก.หรือ นปช.เป็นกลุ่มสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณและระบอบทักษิณอย่างแท้จริง ประกอบด้วยกลุ่มคนที่เป็นอนาธิปไตยทั้งแท้และเทียม เช่น นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตผู้ต้องโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมว.ประจำสำนักนายกฯ ที่ถูกกล่าวหาจาบจ้วงสถาบันหลายวาระ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตโฆษกพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซีกซ้ายของพรรคที่จะให้มีการรุกรานจากนอกประเทศขณะทำสงครามกับรัฐบาลไทย แต่สหายคำตัน หรือ พ.ท.โพยม จุลานนท์ ไม่ยอม

นปก. มีพฤติกรรมต่อต้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างรุนแรงและตรง จนถึงเหิมเกริมที่จะยื่นฎีกาให้พระเจ้าอยู่หัวทรงปลด พล.อ.เปรม ออกจากตำแหน่งที่พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ด้วยพระองค์เอง

60 ปีแห่งการครองราชย์นั้น พระองค์ท่านทรงผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายวาระ แต่ด้วยพระเมตตาธรรมทรงพระราชทานอภัยเสมอมา เรื่องเหล่านี้หาอ่านได้

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีแห่งพรรคพลังประชาชนมีความเกี่ยวพันกับ นปก. และ นปช. อย่างแน่นอนชัดเจนจึงไม่จำเป็นที่จะประกาศกับสาธารณชนว่าจะปราบปรามพวกจาบจ้วงสถาบัน แต่ขอให้จับหรือกำราบคนของตัวเอง คนที่ใกล้ชิด และพวกอนาธิปไตยในมวลชนของนายกรัฐมนตรีเองจะดีกว่า ถ้าเป็นผู้นำตัวจริง ต้องจัดการกับพวกนี้อย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องให้ทหารเตือน แต่ก็เป็นเพียงผู้บริหารตามคำบอกก็แล้วไป จงทำตามคำบอกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น