ผู้จัดการรายวัน-อคส.ถังแตก ค้างหนี้กว่าพันล้านบาท โรงสี โกดังฝากเก็บข้าว บริษัทประกัน เซอร์เวเยอร์ จ่อยื่นโนติสทวงหนี้ เรียกร้องกขช. คชก. พิจารณาจ่ายเงินด่วน หวั่นส่งผลกระทบโครงการรับจำนำข้าวนาปีที่จะเริ่ม 1 พ.ย.นี้ หากไม่เคลียร์หนี้เก่าให้จบ ขณะที่ครม.ไฟเขียวจำนำข้าวโพดและมันสำปะหลังแล้ว ใช้วงเงินกว่าหมื่นล้านบาท
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กำลังมีปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 เนื่องจากอคส. มีหนี้ค้างชำระที่จะต้องจ่ายเป็นค่าฝากเก็บข้าว ค่าประกันภัย ค่าดูแลรักษาคุณภาพข้าว ค่าใช้จ่ายในการรับฝากและออกใบประทวน และค่าตรวจสอบข้าวในสต๊อกรัฐบาล สำหรับการรับจำนำตั้งแต่ปี 2548-2550 รวมแล้วเป็นเงินสูงถึง 1,027 ล้านบาท
โดยเงินค้างชำระดังกล่าว ได้ส่งผลต่อการทำงานของอคส. เนื่องจากปัจจุบันนี้ เริ่มมีโรงสีและเจ้าของโกดังฝากเก็บข้าว ได้เริ่มทวงถามค่าเช่ากับอคส.เป็นจำนวนมาก และบางรายได้ยื่นโนติสว่าจะทำการฟ้องร้อง หากยังไม่ได้รับชำระค่าเช่า ซึ่งรวมไปถึงบริษัทที่รับทำประกันภัย และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์)
สำหรับสาเหตุที่อคส. ไม่สามารถชำระเงินให้ให้กับคู่สัญญาต่างๆ ได้ เพราะอคส.ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ทั้งๆ ที่เป็นผู้ดำเนินโครงการรับจำนำตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา กขช. และคชก. จะต้องอนุมัติเงินค้างชำระจำนวนดังกล่าวให้กับอคส. เพื่อให้อคส.นำไปชำระหนี้ที่เกิดขึ้น มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบต่อโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 ที่กำลังจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะมีโรงสีและโกดังฝากเก็บข้าวหลายรายปฏิเสธที่จะเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับการชำระค่าฝากเก็บเกิดขึ้นอีก ขณะที่บริษัทประกันภัย และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว ก็อาจจะปฏิเสธเข้าร่วมทำงานกับอคส.จากเหตุผลเดียวกันด้วย
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกำหนดราคารับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ประจำปีการผลิต 2551/52 ใช้วงเงินรวมกว่า 11,122 ล้านบาท โดยกำหนดรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาก.ก.ละ 8.50 บาท จำนวน 5 แสนตัน เริ่มเปิดรับจำนำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค.2551 ส่วนมันสำปะหลัง กำหนดราคารับจำนำที่ก.ก.ละ 1.80 บาท และทยอยปรับขึ้นเดือนละ 5 สต. เป็นจำนวน 5 ล้านตัน เริ่มรับจำนำตั้งแต่ 1 พ.ย.-30 เม.ย.2552 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ที่กำลังมีราคาตกต่ำอย่างหนักและเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศห้ามนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1พ.ย. - 30 ธ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้การนำเข้ากระทบกับผลผลิตในประเทศและส่งผลให้ราคาลดลงไปมากกว่านี้ ขณะเดียวกันจะเข้มงวดในการตรวจสต็อก และการเคลื่อนย้ายปริมาณข้าวโพดที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กำลังมีปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 เนื่องจากอคส. มีหนี้ค้างชำระที่จะต้องจ่ายเป็นค่าฝากเก็บข้าว ค่าประกันภัย ค่าดูแลรักษาคุณภาพข้าว ค่าใช้จ่ายในการรับฝากและออกใบประทวน และค่าตรวจสอบข้าวในสต๊อกรัฐบาล สำหรับการรับจำนำตั้งแต่ปี 2548-2550 รวมแล้วเป็นเงินสูงถึง 1,027 ล้านบาท
โดยเงินค้างชำระดังกล่าว ได้ส่งผลต่อการทำงานของอคส. เนื่องจากปัจจุบันนี้ เริ่มมีโรงสีและเจ้าของโกดังฝากเก็บข้าว ได้เริ่มทวงถามค่าเช่ากับอคส.เป็นจำนวนมาก และบางรายได้ยื่นโนติสว่าจะทำการฟ้องร้อง หากยังไม่ได้รับชำระค่าเช่า ซึ่งรวมไปถึงบริษัทที่รับทำประกันภัย และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์)
สำหรับสาเหตุที่อคส. ไม่สามารถชำระเงินให้ให้กับคู่สัญญาต่างๆ ได้ เพราะอคส.ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ทั้งๆ ที่เป็นผู้ดำเนินโครงการรับจำนำตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา กขช. และคชก. จะต้องอนุมัติเงินค้างชำระจำนวนดังกล่าวให้กับอคส. เพื่อให้อคส.นำไปชำระหนี้ที่เกิดขึ้น มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบต่อโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 ที่กำลังจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะมีโรงสีและโกดังฝากเก็บข้าวหลายรายปฏิเสธที่จะเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับการชำระค่าฝากเก็บเกิดขึ้นอีก ขณะที่บริษัทประกันภัย และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว ก็อาจจะปฏิเสธเข้าร่วมทำงานกับอคส.จากเหตุผลเดียวกันด้วย
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกำหนดราคารับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ประจำปีการผลิต 2551/52 ใช้วงเงินรวมกว่า 11,122 ล้านบาท โดยกำหนดรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาก.ก.ละ 8.50 บาท จำนวน 5 แสนตัน เริ่มเปิดรับจำนำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-30 ธ.ค.2551 ส่วนมันสำปะหลัง กำหนดราคารับจำนำที่ก.ก.ละ 1.80 บาท และทยอยปรับขึ้นเดือนละ 5 สต. เป็นจำนวน 5 ล้านตัน เริ่มรับจำนำตั้งแต่ 1 พ.ย.-30 เม.ย.2552 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ที่กำลังมีราคาตกต่ำอย่างหนักและเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศห้ามนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1พ.ย. - 30 ธ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้การนำเข้ากระทบกับผลผลิตในประเทศและส่งผลให้ราคาลดลงไปมากกว่านี้ ขณะเดียวกันจะเข้มงวดในการตรวจสต็อก และการเคลื่อนย้ายปริมาณข้าวโพดที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงนี้อย่างใกล้ชิดด้วย