นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าว ถึงกรณีที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ส.ว.ฉะเชิงเทราระบุว่า ไม่มีเจตนาที่จะเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่งเป็นการพูดที่ไม่ตรงกับพฤติกรรมของนายนิคมเอง เพราะจากการที่ได้พบกับนายนิคม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 13.00 น.ก่อนเข้าประชุมวิปวุฒิสภา ตนได้ถามนายนิคมว่า ได้ข่าวว่า จะชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาจริงหรือไม่ นายนิคม ตอบตนอย่างขึงขังว่าจะถอดถอนประธานวุฒิด้วย
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลรคมนายนิคมก็ได้อภิปรายโจมตีนายประสพสุขอย่างรุนแรงและมีการให้ข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับประธานวุฒิฯ มาโดยตลอด
นายไพบูลย์ กล่าวว่าที่นายนิคมอ้างว่า ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายนั้น เป็นการตีขลุม เพราะที่จริงแล้ว นายประสพสุข ได้มอบหมายให้นายนิคม เป็นคณะทำงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ไม่ได้ให้ไปเป็น กรรมการชุดใหญ่ ในการประชุม 4 ฝ่าย และในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่นายประสพสุข ไม่ได้เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่าย เพราะเห็นว่า การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) แก้ไขความขัดแย้งไม่ได้ และนายประสพสุข ยังติดงานสำคัญเพราะต้องไปงานพระราชพิธี แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา กลับเรียกนายนิคม ไปนั่งแทนประธานวุฒิฯ ซึ่งเป็นความไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้มีการมอบหมายจากประธานวุฒิฯ และการทำหน้าที่ของนายชัย เป็นการข้ามห้วย ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ใช้ตำแหน่งประธานรัฐสภา ดึงนายนิคม ไปนั่งประชุมแทนประธานวุฒิฯ แทน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่นายนิคม อ้างว่า มีประสบการณ์ รู้ธรรมเนียม การเข้าประชุมในวันนั้น ตนสงสัยว่า ทำไมจึงไม่โทรศัพท์ไปถามนายประสพสุขก่อน อีกทั้งยังเข้าร่วมประชุมจนเสร็จ จนฝ่ายรัฐบาลนำผลการประชุมไปอ้างว่า วุฒิสภา เห็นด้วย ทั้งที่ต่อมานายนิคม ได้ทราบว่า ประธานวุฒิ ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 นายนิคมก็ควรที่จะหยุดพฤติกรรมต่างๆ แต่นายนิคม กลับโกรธเคือง และให้สัมภาษณ์กล่าวหาให้ร้าย และยังประกาศตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ ส.ว. ให้สนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร.3 และยังกดดันโดยการเตรียมถอดถอนประธานวุฒิฯ
แม้นายนิคมจะอ้างว่า เป็นข่าวลือ แต่เมื่อครบ 1 ปี ประธานวุฒิฯ จะเปิดให้มีการประเมินผล และเท่าที่ผมทราบมา ฝ่ายนายนิคม จะเดินหน้าถอดถอน นายประสพสุข โดยยกเรื่องส.ส.ร.3 เป็นเหตุ หากไม่ได้จะมีการระดม ส.ว. เคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ นายประสพสุข ผ่านการประเมิน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในวันนี้ (27 ต.ค.) กลุ่ม 40 ส.ว. จะมีการประชุม ในเวลา 13.00 น. เพื่อพิจารณาการกระทำของนายนิคม ทั้งหมด เพราะเห็นว่า การตั้งตนล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของรองประธานวุฒิสภา หากนายนิคมต้องการที่จะทำ ก็ควรที่จะลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิฯ เสียก่อน นอกจากนี้ จะมีการหารือถึงมาตรการเพื่อที่จะปกป้องประธานวุฒิฯ เพราะมีบางกลุ่มพยายามที่จะถอดถอนและจะมีการหารือเรื่องการถอดถอนนายนิคม ออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิด้วย
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายชัย ยังได้มีการทำหนังสือขอให้มีการ บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา โดยมีการบังคับเลยมาถึงวุฒิสภา และระบุว่า หากไม่แจ้งบริจาคเงินภายในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา จะให้สำนักงานเลขาธิการ ตัดเงินประจำตำแหน่งคนละ 2,000 บาท เพื่อนำไปสมทบทุนดังกล่าว อีกทั้งนายชัย ยังมีการทำหนังสือเชิญวิปวุฒิทั้งคณะ และตนทราบว่านายชัย ต้องการที่จะสอบถามเรื่อง ส.ว.ที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลรคมนายนิคมก็ได้อภิปรายโจมตีนายประสพสุขอย่างรุนแรงและมีการให้ข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับประธานวุฒิฯ มาโดยตลอด
นายไพบูลย์ กล่าวว่าที่นายนิคมอ้างว่า ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายนั้น เป็นการตีขลุม เพราะที่จริงแล้ว นายประสพสุข ได้มอบหมายให้นายนิคม เป็นคณะทำงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ไม่ได้ให้ไปเป็น กรรมการชุดใหญ่ ในการประชุม 4 ฝ่าย และในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่นายประสพสุข ไม่ได้เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่าย เพราะเห็นว่า การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) แก้ไขความขัดแย้งไม่ได้ และนายประสพสุข ยังติดงานสำคัญเพราะต้องไปงานพระราชพิธี แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา กลับเรียกนายนิคม ไปนั่งแทนประธานวุฒิฯ ซึ่งเป็นความไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้มีการมอบหมายจากประธานวุฒิฯ และการทำหน้าที่ของนายชัย เป็นการข้ามห้วย ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ใช้ตำแหน่งประธานรัฐสภา ดึงนายนิคม ไปนั่งประชุมแทนประธานวุฒิฯ แทน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่นายนิคม อ้างว่า มีประสบการณ์ รู้ธรรมเนียม การเข้าประชุมในวันนั้น ตนสงสัยว่า ทำไมจึงไม่โทรศัพท์ไปถามนายประสพสุขก่อน อีกทั้งยังเข้าร่วมประชุมจนเสร็จ จนฝ่ายรัฐบาลนำผลการประชุมไปอ้างว่า วุฒิสภา เห็นด้วย ทั้งที่ต่อมานายนิคม ได้ทราบว่า ประธานวุฒิ ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 นายนิคมก็ควรที่จะหยุดพฤติกรรมต่างๆ แต่นายนิคม กลับโกรธเคือง และให้สัมภาษณ์กล่าวหาให้ร้าย และยังประกาศตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ ส.ว. ให้สนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร.3 และยังกดดันโดยการเตรียมถอดถอนประธานวุฒิฯ
แม้นายนิคมจะอ้างว่า เป็นข่าวลือ แต่เมื่อครบ 1 ปี ประธานวุฒิฯ จะเปิดให้มีการประเมินผล และเท่าที่ผมทราบมา ฝ่ายนายนิคม จะเดินหน้าถอดถอน นายประสพสุข โดยยกเรื่องส.ส.ร.3 เป็นเหตุ หากไม่ได้จะมีการระดม ส.ว. เคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ นายประสพสุข ผ่านการประเมิน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในวันนี้ (27 ต.ค.) กลุ่ม 40 ส.ว. จะมีการประชุม ในเวลา 13.00 น. เพื่อพิจารณาการกระทำของนายนิคม ทั้งหมด เพราะเห็นว่า การตั้งตนล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของรองประธานวุฒิสภา หากนายนิคมต้องการที่จะทำ ก็ควรที่จะลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิฯ เสียก่อน นอกจากนี้ จะมีการหารือถึงมาตรการเพื่อที่จะปกป้องประธานวุฒิฯ เพราะมีบางกลุ่มพยายามที่จะถอดถอนและจะมีการหารือเรื่องการถอดถอนนายนิคม ออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิด้วย
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายชัย ยังได้มีการทำหนังสือขอให้มีการ บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา โดยมีการบังคับเลยมาถึงวุฒิสภา และระบุว่า หากไม่แจ้งบริจาคเงินภายในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา จะให้สำนักงานเลขาธิการ ตัดเงินประจำตำแหน่งคนละ 2,000 บาท เพื่อนำไปสมทบทุนดังกล่าว อีกทั้งนายชัย ยังมีการทำหนังสือเชิญวิปวุฒิทั้งคณะ และตนทราบว่านายชัย ต้องการที่จะสอบถามเรื่อง ส.ว.ที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291