ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ได้มอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ม. 291 ให้แก่ ส.ส. และส.ว. เพื่อนำไปศึกษา ก่อนที่จะขอเสียงสนับสนุน ของสมาชิกรัฐสภา จำนวน 1ใน 5 แก้ไข ม. 291 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้ง ส.ส.ร. 3 ซึ่งร่างฯดังกล่าวมีทั้งหมด 5 มาตรา ซึ่งในมาตรา 4 ให้เพิ่มหมวด 16 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือให้มี ส.ส.ร.3 ตั้งแต่ มาตรา 291/1 ถึง มาตรา 291/ 20
สำหรับเหตุผล ในการแก้ไขฯ ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองของไทย ประสบปัญหาความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น จนถึงใช้กำลังเข้าปะทะซึ่งอาจมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อได้นับเป็นภยันตรายใหญ่ หลวงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระบบ เศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อยในสังคมและความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้รัฐธรรมนูญ ปี50 ยังมีหลักการหลายประการที่ยังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงสมควรจัดให้มีวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ โดยมี ส.ส.ร. ประกอบด้วยภาคประชาชน จากหลากหลายอาชีพเป็นองค์กรในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองขึ้นมาใหม่ และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนมีการอนุมัติรัฐธรรมนูญโดยการออกเสียงประชามติด้วย ทั้งนี้ โดยยังรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดไป จึงจำเป็นต้องตรารัฐธรรมนูญนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตราที่น่าสนใจ อาทิ มาตรา 4 เพิ่มความหมวด 16 มาตรา 291/1 ให้ส.ส.ร.ประกอบด้วยสมาชิกไม่เกิน 120 คน จากจังหวัดละ 1 คนรวมทั้งหมด 76 คน จากการเลือกตั้งกันเองของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย 24 คน จำแนก คือ ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน จำนวน 8 คน ด้านผู้เชี่ยวชาญรัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 8 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านบริหาร จำนวน 8 คน และ มาจากมาการเลือกตั้งกันเองของผู้แทนองค์กรวิชาชีพต่างๆ ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล อีก 20 คน
มาตรา 291/3 บุคคลลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส.ร. เป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (1)ถึง (14) เป็นส.ส. ส.ว. หรือข้าราชการการเมือง เป็นพนักงานหรือลูกจ้างหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือข้าราชการท้องถิ่น
มาตรา 291/5 วรรค 3 ว่าผู้สมัครแต่ละคนสามารถลงคะแนนด้วยตัวเองได้คนละไม่เกิน 3 คน ผู้ที่ได้รับคะแนนมากสุดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
มาตรา 291/8 หากอายุของสภาฯสิ้นสุดหรือมีการยุบสภา และมีกรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการในระยะเวลาตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาสิ้นสุด แล้วแต่กรณีจนถึงวันประชุมสภาครั้งแรกหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่ตั้งประธานสภาฯ รวมเข้าในระยะเวลาที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการ
มาตรา 291 /12 วรรค 1 จะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญภายใน 240 วัน ขณะที่ วรรค 3 ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้ หากมีลักษณะตามวรรค3 ร่างรัฐธรรมนูญมีอันตกไป
มาตรา291/13 กรณี สภาผู้แทนฯสิ้นอายุหรือมีการยุบสภาจะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ ส.ส.ร.
มาตรา 291/15 รัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้ โดยจะต้องมีเสียงสนับสนุนมาก กว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่ แต่หากเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินด้วยการทำประชามติ
มาตรา291/18 เมื่อรัฐสภา หรือประชาชนโดยเสียงข้างมาก เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้ส.ส.ร.จัดทำร่างประกอบรัฐธรรมนูญเฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน
มาตรา 291 /20 ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือส.ส.ไม่น้อยกว่า 1ใน3 หรือ ส.ว.และส.ส.ไม่น้อยกว่า 1ใน3 มีสิทธิเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้มีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามความหมวดนี้
สำหรับเหตุผล ในการแก้ไขฯ ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองของไทย ประสบปัญหาความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น จนถึงใช้กำลังเข้าปะทะซึ่งอาจมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อได้นับเป็นภยันตรายใหญ่ หลวงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระบบ เศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อยในสังคมและความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้รัฐธรรมนูญ ปี50 ยังมีหลักการหลายประการที่ยังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงสมควรจัดให้มีวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ โดยมี ส.ส.ร. ประกอบด้วยภาคประชาชน จากหลากหลายอาชีพเป็นองค์กรในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองขึ้นมาใหม่ และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนมีการอนุมัติรัฐธรรมนูญโดยการออกเสียงประชามติด้วย ทั้งนี้ โดยยังรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดไป จึงจำเป็นต้องตรารัฐธรรมนูญนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตราที่น่าสนใจ อาทิ มาตรา 4 เพิ่มความหมวด 16 มาตรา 291/1 ให้ส.ส.ร.ประกอบด้วยสมาชิกไม่เกิน 120 คน จากจังหวัดละ 1 คนรวมทั้งหมด 76 คน จากการเลือกตั้งกันเองของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย 24 คน จำแนก คือ ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน จำนวน 8 คน ด้านผู้เชี่ยวชาญรัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 8 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านบริหาร จำนวน 8 คน และ มาจากมาการเลือกตั้งกันเองของผู้แทนองค์กรวิชาชีพต่างๆ ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล อีก 20 คน
มาตรา 291/3 บุคคลลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส.ร. เป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (1)ถึง (14) เป็นส.ส. ส.ว. หรือข้าราชการการเมือง เป็นพนักงานหรือลูกจ้างหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ หรือข้าราชการท้องถิ่น
มาตรา 291/5 วรรค 3 ว่าผู้สมัครแต่ละคนสามารถลงคะแนนด้วยตัวเองได้คนละไม่เกิน 3 คน ผู้ที่ได้รับคะแนนมากสุดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
มาตรา 291/8 หากอายุของสภาฯสิ้นสุดหรือมีการยุบสภา และมีกรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการในระยะเวลาตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาสิ้นสุด แล้วแต่กรณีจนถึงวันประชุมสภาครั้งแรกหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่ตั้งประธานสภาฯ รวมเข้าในระยะเวลาที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการ
มาตรา 291 /12 วรรค 1 จะต้องจัดทำรัฐธรรมนูญภายใน 240 วัน ขณะที่ วรรค 3 ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลในการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้ หากมีลักษณะตามวรรค3 ร่างรัฐธรรมนูญมีอันตกไป
มาตรา291/13 กรณี สภาผู้แทนฯสิ้นอายุหรือมีการยุบสภาจะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ ส.ส.ร.
มาตรา 291/15 รัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้ โดยจะต้องมีเสียงสนับสนุนมาก กว่ากึ่งหนึ่งของทั้งสองสภาเท่าที่มีอยู่ แต่หากเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินด้วยการทำประชามติ
มาตรา291/18 เมื่อรัฐสภา หรือประชาชนโดยเสียงข้างมาก เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้ส.ส.ร.จัดทำร่างประกอบรัฐธรรมนูญเฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน
มาตรา 291 /20 ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือส.ส.ไม่น้อยกว่า 1ใน3 หรือ ส.ว.และส.ส.ไม่น้อยกว่า 1ใน3 มีสิทธิเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้มีมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามความหมวดนี้
