xs
xsm
sm
md
lg

"ปลื้ม"บิดเบือน อ้างการเมืองใหม่พันธมิตรฯ ฝังรากลึกยอมรับรัฐประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชมรมสมาชิกวุฒิสภา 2543-2549 ได้จัดเสวนา เรื่อง "วิกฤตและโอกาสประชาธิปไตยไทย" โดยนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีต ส.ว.กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่อาจไม่สามารถทำได้จึงควรหาทางพูดคุยกันให้เข้าใจว่า ปัญหาเกิดจากอะไรแล้วหาทางแก้ไข การไม่ยอมสะกดความโกรธ เกลียด ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ หากเห็นตรงกันว่า ระบอบอนาธิปไตยไม่ควรเกิดขึ้น คือ มีการหลั่งเลือดชโลมดิน ในเบื้องต้นจะต้องขจัดเงื่อนไขให้หมดไป โดยทุกฝ่ายต้องถอยหลีกเลี่ยงการปะทะ และทุกฝ่ายถอนตัวกลับฐานที่ตั้ง และยึดมั่นหลักการประชาธิปไตยอยู่ในกรอบการเลือกตั้ง เชื่อว่าจะฝ่าวิกฤตไปได้
นายพนัส กล่าวด้วยว่า กรณีจะให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากทำเนียบรัฐบาลต้องอาศัยอำนาจของประชาชนที่ต้องแสดงให้เห็นว่า พันธมิตรฯ อยู่ในทำเนียบไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ปะทะกัน และในระยะยาวต้องมีกฎหมายควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบ แต่ตอนนี้ไม่กล้าใช้กฎหมาย เพราะกลัวจะเกิดความรุนแรง เสียเลือดเสียเนื้อ
นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า คำนิยามการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร ไม่ทราบ แต่เห็นว่าการเมืองใหม่ คือการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาชนมีส่วนร่วมแข่งขัน พระมหากษัตริย์มีอำนาจตามจารีตของประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งเรื่องรัฐธรรมนูญและรัฐบาล ทำให้เกิดการเข่นฆ่ากัน ทั้งนี้ ไม่สนับสนุนให้ทหารปฏิวัติ แต่ในยุโรป ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทหารปฏิวัติรัฐบาลพลเรือนที่เป็นเผด็จการ ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายฟังข้อมูลให้ครบถ้วนและตัดสินใจ และคิดว่าการตั้ง ส.ส.ร.เป็นวิธีไม่ถูกต้อง เสียเวลา ส่วนตัวคิดว่าต้องสนับสนุนให้คนมีส่วนร่วมแสดงความเห็นและตัดสินใจ
นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ ในฐานะเลขานุการชมรมสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศ ช่วยกันแก้ไข ต้องยืนอยู่บนหลักกฎหมาย การมี ส.ส.ร.3 จำนวน 120 คน เมื่อยกร่างแล้ว ต้องขอประชามติจากประชาชน ถ้าไม่เดินทางสายนี้รับรองไม่มีทางเดินแล้ว ทางออกของประเทศไทยคือคุยกัน หากติกาใหม่ หรือมีรัฐธรรมนูญใหม่นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองจริงๆ
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล สื่อมวลชน กล่าวว่า เรื่องการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯ เสนอ เป็นเพียงวาทกรรมของกลุ่มบุคคลที่ต้องการช่วงชิงจังหวะในปัจจุบัน ซึ่งแนวคิดไม่มีอะไรใหม่ คือสภาแบ่งเป็น 50 ต่อ 50 แบ่งเป็นเลือกผ่านสาขาวิชาชีพ และเลือกตั้งแบบตรงๆ จากแต่ละจังหวัด แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือครึ่งหนึ่งมาจากกลุ่มสาขาอาชีพ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนในพื้นที่กับผู้แทนราษฎรห่างจากกัน ซึ่งไม่ใช่การเมืองที่เป็นตัวแทนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การเมืองใหม่จะฝังรากลึกของการยอมรับการทำรัฐประหารอย่างถาวร เพราะเมื่อแก้ปัญหาด้วยการเมืองไม่ได้ ก็จะเรียกร้องการทำรัฐประหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น