ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสมาชิกวุฒิสภา วานนี้ (24 ต.คซ) ซึ่งมี นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน มีกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของประชาชนบริเวณรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้มีการบาดเจ็บ และเสียชีวิต จำนวนมาก นาย สุขุมพงษ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แทนนายกรัฐมนตร
พล.ร.ต. สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว. สรรหา กระทู้ถามคนแรกว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไม่เห็นด้วยกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ทำไมรัฐบาลไม่แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี หรือนายกรัฐมนตรีไม่เลื่อนการประชุมหรือบ้ายที่ประชุม ไม่คิดหรือว่าหากย้ายไปประชุมที่อื่นแล้วฝ่ายพันธมิตรฯจะเสียแนวร่วมเอง
ที่ผ่านมาผมไม่สนใจการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมากนัก แต่หลังจากได้ติดตามประเด็นต่างๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ทั้งเรื่องการทุจริต ของอดีตนายกรัฐมนตรี การดันทุรังแก้รัฐธรรมนูญ ที่สำคัญการปล่อยให้มีการละเมิดสถาบัน ทำให้ผมเริ่มเห็นด้วยกับพันธมิตรมากขึ้น
นายสุขุมพงศ์ชี้แจงว่า การสั่งการสลายชุมนุมนั้น ตนเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ร่วมประชุม ครม.ในวันที่6 ต.ค. และการแถลงนโยบายถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้รัฐบาลได้เดินหน้าทำงาน แต่การกำหนดวันแถลงไม่ใช่เป็นอำนาจของ นายกฯ แต่เป็นเรื่องของประธานรัฐสภา ซึ่งครม.เห็นพ้องต้องกันว่าอาจจะเป็นปัญหาได้หากไม่สามารถฝ่าการชุมนุมเข้าไปในสภา จึงได้หารือมายังนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา แต่ท่านไม่ยินยอมให้ย้ายสถานที่ประชุม จึงยืนยันให้มีการประชุมที่สภาในวันดังกล่าว ซึ่งครม.ไม่ขัดข้องที่จะให้ไปประชุมที่ไหน แต่อำนาจ ไม่ได้อยู่ที่เรา เพื่อประธานสภายืนยันมาแบบนี้เราก็ต้องทำ
ส่วนครม.ก็มีการหารือกันว่า หากเข้าสภาไม่ได้ควรจะแก้ปัญหาอย่างไร ในที่สุดก็ได้มอบหมายให้พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรองนายกฯรับผิดชอบ ในการดำเนินการ โดยกำชับให้ใช้ความละมุนละม่อม ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น
พล.ต.ต. เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหาตั้ง กระทู้ถามว่า การกระทำของตำรวจ ในการสลายผู้ชุมนุมเหมือนเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ไม่มีความเมตตาประชาชน ทั้งที่มีเพียงมือเปล่า โดยกระทำต่อหน้าพระบรมรูป ร.7 รวมถึงพระสยามเทวาธิราช มีทั้งขาขาด และบาดเจ็บ ลามไปถึงหน้าพระพักตร์ลานพระรูปทรงหน้า ต่อพระพักตร์ ร.5 นายกฯและส.ส.พรรคพลังประชาชนได้รับความไว้วางใจให้มาบริหารประเทศ แต่กลับสั่งการให้ตำรวจมาใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ส่วนที่อ้างว่าไม่สามารถย้ายสถานที่ประชุมได้นั้นตนไม่เชื่อ เพราะมีหลายสถานที่ที่ใช้ประชุมของหน่วยราชการหลายแห่ง ที่มีอุปกรณ์พร้อมใช้เวลาประชุมแค่ 2 ชั่วโมงก็เสร็จ ถ้านายกฯต้องการความปองดองของคนในชาติจริง วันนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
ตามขั้นตอนจะต้องมีการเจรจาต่อรองกันก่อนโดยผู้บัญชาการเป็นแกนนำ หากเจรจาไม่รู้เรื่องจึงจะใช้ขั้นตอนต่อไปด้วยการใช้กำลัง แต่ต้องมีประกาศให้รับทราบก่อน ถ้าจะใช้อาวุธเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลจะต้องมีเพียงกระบองกับโล่เท่านั้น หากได้รับการต่อต้านจากผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่จะต้องประกาศว่าขั้นต่อไปจะใช้รถฉีดน้ำหรือถ้าจำเป็นใช้แก๊สน้ำตาต้องใช้เจ้าหน้าที่เพียง 2 คน โดยมีผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งการ การยิงจะต้องสูงระดับ 50 องศา และดูทิศทางลมด้วย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นได้ว่าตำรวจใช้ลักษณะจ้องยิงเข้าไปยังฝูงชน ซึ่งไม่ใช่วิธีการของตำรวจ
พล.ต.ต. เกริก ถามว่า หลังเกิดเหตุนายกฯยืนยันว่าการปฏิบัติการเช่นนี้ ตำรวจไม่ได้ใช้ความรุนแรง และไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบอะไร เพียงแค่กล่าวว่า เสียใจอย่างเดียว ซึ่งน่าจะออกมายอมรับว่าตำรวจอาจทำเกินกว่าเหตุหรืออะไรก็ว่าไป การปฏิบัติการดังกล่าว และขณะนี้องค์กรตำรวจได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่น เหยียดหยามจากประชาชน รัฐบาลจะเยียวยา ดูแลช่วยเหลืออย่างไร โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อย เพื่อให้มีขวัญกำลังใจที่จะทำงานและอยู่ในสังคมได้อย่างมีหน้ามีตาได้ต่อไป
นาย สุขุมพงศ์ ชี้แจงว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง6 โมงเย็นที่หาว่าเดินหน้าฆ่าลูกเดียวนั้นฟังแล้วเหมือนหนังในทีวี เพราะความจริงไม่ใช่ ผู้ชุมนุมได้ปิดถนนทุกสายที่เข้าสภา ตนและส.ส.ได้เดินทางเพื่อเดินทางเข้าสภา ต้องผ่านจุดที่การ์ดพันธมิตรฯคุมอยู่ล้วนมีท่าทางน่าเกรงขาม เหมือนเห็น ส.สงเป็นยักษ์เป็นลิงข้าง
ผมยืนยันว่ารัฐบาลอยากให้ย้ายที่ประชุมแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะประธานรัฐสภา บอกว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของรัฐสภา 70 ปีของระบอบประชาธิปไตยเราไม่เคย ต้องย้ายไปไหน และเราไม่สามารถฝืนข้อบังคับการประชุมได้ เพราะระบุว่าถ้าจะย้ายสถานที่จะต้องแจ้งสมาชิกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และสมาชิกจะได้รับการแจ้งหรือไปที่ประชุมแห่งใหม่ถูกหรือไม่จึงเป็นเรื่องสุดวิสัย
ส่วนขั้นตอนการผลักดันฝูงชนของตำรวจในช่วงเช้าจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อเปิดประตูให้สมาชิกเข้าไปประชุมให้ได้ ตอนแรกอาจจะมีการเจรจาแต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะผู้ชุมนุมไม่ยอมเจรจาจึงต้องใช้วิธีที่ 2 ด้วยการแสดงกำลัง แต่ไม่มีอาวุธอะไรเลย มีเพียงโล่และแก๊สน้ำตา แต่ที่ใช้เพราะเกิดข้อขัดข้องกับการทำงานเราใช้วิธีละมุนละม่อม และพยายามใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯ มีการต่อต้านอย่างแข็งขัน ขนาดตนเดินเข้าไปใกล้ยังถูกขู่จะทำร้าย และโดนตีด้วยไม้กอล์ฟ เห็นผู้ชุมนุมบางคนถืออุปกรณ์บางอย่าง บางคนแบกถุง มีลูกกลมๆ อยู่ข้างใน ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นอะไร ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามผลักดันด้วยความสงบ แต่ทางกลุ่มพันธมิตรมีความมั่นคงกว่า
ผมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใช้อาวุธ หรือใช้ความรุนแรงเป็นเพียงพยายามผลักดันเพื่อให้เปิดประตูทางด้านแยกถนนพิชัยเท่านั้น เพื่อให้สมาชิกเข้าประชุมที่สภาเท่านั้น ถ้าต้องการสลายผู้ชุมนุมจะต้องให้เปิดประตูทุกด้าน เมื่อเข้ามาและแถลงนโยบาย เสร็จแล้วปรากฏว่าออกไปไม่ได้ ผมได้เดินลองไปสังเกตการณ์ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง มีการใช้อาวุธอะไรไม่รู้ทำท่าเหมือนจะยิงเข้ามา ยอมรับว่า ส.ส.ทุกคนกลัวตาย เพราะถูกตัดน้ำตัดไฟ ข้าวไม่มีกิน ที่มีการให้เจ้าหน้าที่ผลักดันรอบ 2 เพราะต้องการรักษาชีวิตของ ครม.ส.ส. ,ส.ว.และสื่อมวลชนที่ติดค้างอยู่ในสภา น.ส. รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กระทู้ถามว่า รัฐบาลไม่เจรจา แต่กลับพยายามเข้ามาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของรัฐบาล ซึ่งคงเห็นว่าสำคัญกว่าชีวิตของประชาชน รัฐมนตรีบอกว่า เข้าสภาได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเวลา 08.00 น. ยังมีประชาชนนอนระเกะระกะแขนขาขาด สมาชิกบางคนนั่งมอเตอร์ไซด์เข้ามาโดยไม่สนใจประชาชนเหล่านี้เลย รัฐบาลปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรงทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายไม่ใช่โจรเป็นเพียง ผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมอย่างมีศักดิ์ศรี แต่กลับใช้แก๊สน้ำตาซึ่งทราบว่า ผสมระเบิดซีโฟร์
นส.รสนา กล่าวด้วยว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ยอมรับว่าเป็นรัฐบาลชั่ว รัฐบาลเลว ที่ได้ฆ่าประชาชน ขณะที่นาย สุขุมพงศ์ ตอบโต้ว่า ไม่ได้พูดหรือยอมรับว่ารัฐบาลชั่วหรือเลว เพียงแต่กล่าวว่าใครที่ทรยศพ่อแม่ถือเป็นคนชั่วและเลว แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น ทำให้ นส.รสนา กล่าวอีกว่า ตนทราบว่าวันที่ 7-8 ตุลาคม รัฐบาลเบิกอาวุธเพิ่มเติมเพื่อใช้สลายการชุมนุม แต่กลุ่มส.ว.ได้ยื่นเรื่องกับศาลปกครองสูงสุดทำให้ศาลมีคำสั่งระงับการใช้ความรุนแรงกับประชาชน รัฐบาลจึงนำอาวุธไปคืนคลัง การทรยศประชาชนโดยทำให้บาดเจ็บและล้มตายเข้านิยามว่าเป็นรัฐบาลเลวและชั่ว
พล.ร.ต. สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว. สรรหา กระทู้ถามคนแรกว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไม่เห็นด้วยกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ทำไมรัฐบาลไม่แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี หรือนายกรัฐมนตรีไม่เลื่อนการประชุมหรือบ้ายที่ประชุม ไม่คิดหรือว่าหากย้ายไปประชุมที่อื่นแล้วฝ่ายพันธมิตรฯจะเสียแนวร่วมเอง
ที่ผ่านมาผมไม่สนใจการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมากนัก แต่หลังจากได้ติดตามประเด็นต่างๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ทั้งเรื่องการทุจริต ของอดีตนายกรัฐมนตรี การดันทุรังแก้รัฐธรรมนูญ ที่สำคัญการปล่อยให้มีการละเมิดสถาบัน ทำให้ผมเริ่มเห็นด้วยกับพันธมิตรมากขึ้น
นายสุขุมพงศ์ชี้แจงว่า การสั่งการสลายชุมนุมนั้น ตนเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ร่วมประชุม ครม.ในวันที่6 ต.ค. และการแถลงนโยบายถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้รัฐบาลได้เดินหน้าทำงาน แต่การกำหนดวันแถลงไม่ใช่เป็นอำนาจของ นายกฯ แต่เป็นเรื่องของประธานรัฐสภา ซึ่งครม.เห็นพ้องต้องกันว่าอาจจะเป็นปัญหาได้หากไม่สามารถฝ่าการชุมนุมเข้าไปในสภา จึงได้หารือมายังนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา แต่ท่านไม่ยินยอมให้ย้ายสถานที่ประชุม จึงยืนยันให้มีการประชุมที่สภาในวันดังกล่าว ซึ่งครม.ไม่ขัดข้องที่จะให้ไปประชุมที่ไหน แต่อำนาจ ไม่ได้อยู่ที่เรา เพื่อประธานสภายืนยันมาแบบนี้เราก็ต้องทำ
ส่วนครม.ก็มีการหารือกันว่า หากเข้าสภาไม่ได้ควรจะแก้ปัญหาอย่างไร ในที่สุดก็ได้มอบหมายให้พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรองนายกฯรับผิดชอบ ในการดำเนินการ โดยกำชับให้ใช้ความละมุนละม่อม ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น
พล.ต.ต. เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหาตั้ง กระทู้ถามว่า การกระทำของตำรวจ ในการสลายผู้ชุมนุมเหมือนเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ไม่มีความเมตตาประชาชน ทั้งที่มีเพียงมือเปล่า โดยกระทำต่อหน้าพระบรมรูป ร.7 รวมถึงพระสยามเทวาธิราช มีทั้งขาขาด และบาดเจ็บ ลามไปถึงหน้าพระพักตร์ลานพระรูปทรงหน้า ต่อพระพักตร์ ร.5 นายกฯและส.ส.พรรคพลังประชาชนได้รับความไว้วางใจให้มาบริหารประเทศ แต่กลับสั่งการให้ตำรวจมาใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ส่วนที่อ้างว่าไม่สามารถย้ายสถานที่ประชุมได้นั้นตนไม่เชื่อ เพราะมีหลายสถานที่ที่ใช้ประชุมของหน่วยราชการหลายแห่ง ที่มีอุปกรณ์พร้อมใช้เวลาประชุมแค่ 2 ชั่วโมงก็เสร็จ ถ้านายกฯต้องการความปองดองของคนในชาติจริง วันนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
ตามขั้นตอนจะต้องมีการเจรจาต่อรองกันก่อนโดยผู้บัญชาการเป็นแกนนำ หากเจรจาไม่รู้เรื่องจึงจะใช้ขั้นตอนต่อไปด้วยการใช้กำลัง แต่ต้องมีประกาศให้รับทราบก่อน ถ้าจะใช้อาวุธเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลจะต้องมีเพียงกระบองกับโล่เท่านั้น หากได้รับการต่อต้านจากผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่จะต้องประกาศว่าขั้นต่อไปจะใช้รถฉีดน้ำหรือถ้าจำเป็นใช้แก๊สน้ำตาต้องใช้เจ้าหน้าที่เพียง 2 คน โดยมีผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งการ การยิงจะต้องสูงระดับ 50 องศา และดูทิศทางลมด้วย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นได้ว่าตำรวจใช้ลักษณะจ้องยิงเข้าไปยังฝูงชน ซึ่งไม่ใช่วิธีการของตำรวจ
พล.ต.ต. เกริก ถามว่า หลังเกิดเหตุนายกฯยืนยันว่าการปฏิบัติการเช่นนี้ ตำรวจไม่ได้ใช้ความรุนแรง และไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบอะไร เพียงแค่กล่าวว่า เสียใจอย่างเดียว ซึ่งน่าจะออกมายอมรับว่าตำรวจอาจทำเกินกว่าเหตุหรืออะไรก็ว่าไป การปฏิบัติการดังกล่าว และขณะนี้องค์กรตำรวจได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่น เหยียดหยามจากประชาชน รัฐบาลจะเยียวยา ดูแลช่วยเหลืออย่างไร โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อย เพื่อให้มีขวัญกำลังใจที่จะทำงานและอยู่ในสังคมได้อย่างมีหน้ามีตาได้ต่อไป
นาย สุขุมพงศ์ ชี้แจงว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง6 โมงเย็นที่หาว่าเดินหน้าฆ่าลูกเดียวนั้นฟังแล้วเหมือนหนังในทีวี เพราะความจริงไม่ใช่ ผู้ชุมนุมได้ปิดถนนทุกสายที่เข้าสภา ตนและส.ส.ได้เดินทางเพื่อเดินทางเข้าสภา ต้องผ่านจุดที่การ์ดพันธมิตรฯคุมอยู่ล้วนมีท่าทางน่าเกรงขาม เหมือนเห็น ส.สงเป็นยักษ์เป็นลิงข้าง
ผมยืนยันว่ารัฐบาลอยากให้ย้ายที่ประชุมแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะประธานรัฐสภา บอกว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของรัฐสภา 70 ปีของระบอบประชาธิปไตยเราไม่เคย ต้องย้ายไปไหน และเราไม่สามารถฝืนข้อบังคับการประชุมได้ เพราะระบุว่าถ้าจะย้ายสถานที่จะต้องแจ้งสมาชิกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และสมาชิกจะได้รับการแจ้งหรือไปที่ประชุมแห่งใหม่ถูกหรือไม่จึงเป็นเรื่องสุดวิสัย
ส่วนขั้นตอนการผลักดันฝูงชนของตำรวจในช่วงเช้าจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อเปิดประตูให้สมาชิกเข้าไปประชุมให้ได้ ตอนแรกอาจจะมีการเจรจาแต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะผู้ชุมนุมไม่ยอมเจรจาจึงต้องใช้วิธีที่ 2 ด้วยการแสดงกำลัง แต่ไม่มีอาวุธอะไรเลย มีเพียงโล่และแก๊สน้ำตา แต่ที่ใช้เพราะเกิดข้อขัดข้องกับการทำงานเราใช้วิธีละมุนละม่อม และพยายามใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯ มีการต่อต้านอย่างแข็งขัน ขนาดตนเดินเข้าไปใกล้ยังถูกขู่จะทำร้าย และโดนตีด้วยไม้กอล์ฟ เห็นผู้ชุมนุมบางคนถืออุปกรณ์บางอย่าง บางคนแบกถุง มีลูกกลมๆ อยู่ข้างใน ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นอะไร ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามผลักดันด้วยความสงบ แต่ทางกลุ่มพันธมิตรมีความมั่นคงกว่า
ผมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใช้อาวุธ หรือใช้ความรุนแรงเป็นเพียงพยายามผลักดันเพื่อให้เปิดประตูทางด้านแยกถนนพิชัยเท่านั้น เพื่อให้สมาชิกเข้าประชุมที่สภาเท่านั้น ถ้าต้องการสลายผู้ชุมนุมจะต้องให้เปิดประตูทุกด้าน เมื่อเข้ามาและแถลงนโยบาย เสร็จแล้วปรากฏว่าออกไปไม่ได้ ผมได้เดินลองไปสังเกตการณ์ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง มีการใช้อาวุธอะไรไม่รู้ทำท่าเหมือนจะยิงเข้ามา ยอมรับว่า ส.ส.ทุกคนกลัวตาย เพราะถูกตัดน้ำตัดไฟ ข้าวไม่มีกิน ที่มีการให้เจ้าหน้าที่ผลักดันรอบ 2 เพราะต้องการรักษาชีวิตของ ครม.ส.ส. ,ส.ว.และสื่อมวลชนที่ติดค้างอยู่ในสภา น.ส. รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กระทู้ถามว่า รัฐบาลไม่เจรจา แต่กลับพยายามเข้ามาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของรัฐบาล ซึ่งคงเห็นว่าสำคัญกว่าชีวิตของประชาชน รัฐมนตรีบอกว่า เข้าสภาได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเวลา 08.00 น. ยังมีประชาชนนอนระเกะระกะแขนขาขาด สมาชิกบางคนนั่งมอเตอร์ไซด์เข้ามาโดยไม่สนใจประชาชนเหล่านี้เลย รัฐบาลปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรงทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายไม่ใช่โจรเป็นเพียง ผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมอย่างมีศักดิ์ศรี แต่กลับใช้แก๊สน้ำตาซึ่งทราบว่า ผสมระเบิดซีโฟร์
นส.รสนา กล่าวด้วยว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ยอมรับว่าเป็นรัฐบาลชั่ว รัฐบาลเลว ที่ได้ฆ่าประชาชน ขณะที่นาย สุขุมพงศ์ ตอบโต้ว่า ไม่ได้พูดหรือยอมรับว่ารัฐบาลชั่วหรือเลว เพียงแต่กล่าวว่าใครที่ทรยศพ่อแม่ถือเป็นคนชั่วและเลว แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำเช่นนั้น ทำให้ นส.รสนา กล่าวอีกว่า ตนทราบว่าวันที่ 7-8 ตุลาคม รัฐบาลเบิกอาวุธเพิ่มเติมเพื่อใช้สลายการชุมนุม แต่กลุ่มส.ว.ได้ยื่นเรื่องกับศาลปกครองสูงสุดทำให้ศาลมีคำสั่งระงับการใช้ความรุนแรงกับประชาชน รัฐบาลจึงนำอาวุธไปคืนคลัง การทรยศประชาชนโดยทำให้บาดเจ็บและล้มตายเข้านิยามว่าเป็นรัฐบาลเลวและชั่ว