xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง ป.ตำรวจบางรักเอี่ยวขาใหญ่ยิงเหยื่อเจ็บ 5 ราย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


เหยื่อขาใหญ่ย่านบางรัก เข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ สน.บางรัก หลังจากถูกขาใหญ่ยิงปืนใส่จนได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ตำรวจกลับไม่จับกุม ซ้ำยังย้อนถามญาติคนเจ็บ เกี่ยวข้องอะไรด้วย

วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองปราบปราม นายไพศาล สุวรรณโฆษิต อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 604/133 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.และญาติๆ อีก 5 ราย ที่ถูกนายธานินทร์ หรือ ป๋า สังวรโภคัย อายุ 65 ปี เจ้าของร้านอาหาร “เขียวเหลือง” ตั้งอยู่ริมถนนมหานคร แขวง-เขตบางรัก กทม.ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.และขนาด .38 ยิงจนได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อร้องขอให้กองปราบปราม โอนสำนวนคดีดังกล่าวมาสอบสวนแทนตำรวจ สน.บางรัก เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม

จากการสอบสวน นายไพศาล ให้การว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 27 ก.ค.นายไพบูลย์ สุวรรณโฆษิต อายุ 26 ปี พี่ชายของตนกับพวกได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ เพราะกำลังมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่กับลูกน้องของนายธานินทร์ เมื่อไปถึงก็เห็นฝ่ายพี่ชายกำลังมีปากเสียงกันอยู่ ก็เห็น นายธานินทร์ ใช้อาวุธปืนสองกระบอกออกมากราดยิงใส่ฝ่ายพี่ตน ได้รับาดเจ็บไปตามๆกัน คนที่อาการหนักที่สุด คือ นายพิทักษ์พงษ์ เพ็ชรินทร์ อายุ 23 ปี ซึ่งถูกยิงเข้าที่ลำตัวกระสุนทะลุปอด ขณะนี้ทุกคนยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.เลิดสิน หลังเกิดเหตุตำรวจ สน.บางรัก ที่ไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ก็พบนายธานินทร์ อยู่ที่หน้าร้าน แต่กลับไม่มีการจับกุมตัว กลับดันถามญาติๆ ของคนเจ็บอีกว่าเกี่ยวข้องอะไรด้วย

นายไพศาล ให้การต่อว่า หลังเกิดเหตุ นายธานินทร์ ได้ส่งคนนำกระเช้ามาเยี่ยมพร้อมกับเสนอเงินเป็นจำนวน 1 หมื่นบาท เพื่อจะขอให้ยอมความ แต่พวกตนไม่ยอมรับ เพราะเห็นว่ากระทำเกินกว่าเหตุ และติดตามความคืบหน้าคดีมาตลอด กลับเห็นว่าตำรวจไม่เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ต้องไปอ้างกับร้อยเวรเจ้าของคดีว่าจะร้องเรียนสื่อมวลชนหากคดีล่าช้า ถึงมีการขออนุมัติหมายจับ

“ที่ผ่านมา รู้สึกว่า นายธานินทร์ จะรู้ความเคลื่อนไหวล่วงหน้าตลอด เมื่อรู้ว่าจะถูกออกหมายจับ ก็ชิงเข้ามอบตัวก่อน ต่อมาตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราว ก็อ้างว่า เป็นไปตามกฎหมาย พวกผมก็ขอให้ตำรวจพิจารณาเสียใหม่ เพราะผู้ต้องหานั้นมีประวัติยิงโชเฟอร์แท็กซี่จนบาดเจ็บมาแล้ว เข้าข่ายเป็นบุคคลอันตราย แต่ตำรวจก็ไม่รับฟัง ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากทราบมาว่าผู้ต้องหามีความสนิทสนมกับนายตำรวจบางคนใน สน.บางรัก จึงต้องเข้ามาร้องให้กองปราบปราม เข้าไปดำเนินการแทนด้วย” เบื้องต้น พ.ต.ท.พงษ์ไสว ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น