ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - วงการสีกากีฉาวโฉ่อีก ! “นำพล หนองกี่พาหุยุทธ” อดีตนักมวยชื่อดังก้องฟ้าเมืองไทย ควง “นำขบวน” น้องชาย โร่แจ้ง จับตำรวจโคราชกับพวก แฉถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังก่อนซ้อมสะบักสะบอมคาโรงพัก หลังเข้ารวบตัวอ้างข้อหาเล่นพนัน “ปั่นแปะ” ขณะร่วมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในสถานบันเทิงดังกลางเมืองย่าโม ยันเรียกร้องความเป็นธรรมและดำเนินคดี ตร.ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ถึงที่สุด
วันที่ 25 มิ.ย. เมื่อเวลา 20.30 น.ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายนำพล สีจันทึก หรือ “นำพล หนองกี่พาหุยุทธ” อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 594/7 ถ.ช้างเผือก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา อดีตนักมวยไทยชื่อดัง ทำสถิติค่าตัวในการชกแพงสุดถึง 1.8 แสนบาท เจ้าของฉายา “ขุนเข่าหน้าเปื่อย” และเป็นเจ้าของร้านเนื้อย่างเกาหลี “นำพล เนื้อย่างเกาหลี” หลายสาขาใน จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในสภาพร่างกายฟกช้ำ พร้อมนายเพียว กฤตภาดล (สีจันทึก) อายุ 37 ปี หรือ “นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ” น้องชาย อดีตนักชื่อดังเช่นกัน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.ภัทรวุธ สีหะ ร้อยเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ประมาณ 4-5 คน ที่ทำร้ายร่างกาย
นายนำพล สีจันทึก เปิดเผยว่า กลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนประมาณ 4-5 คน ได้ไปนั่งสังสรรค์กันอยู่ในร้านอาหารบ้านโคราช เขตเทศบาลนครนครราชสีมา และได้เล่นปั่นแปะกันเพื่อความสนุกสนานกันแบบเล่นๆ ภายในกลุ่ม จู่ๆ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 4-5 นาย เข้ามาจับกุมพวกตนทั้งหมด แต่ใส่กุญแจมือตนเพียงคนเดียว ก่อนนำทุกคนขึ้นรถไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา และนำตัวเข้าไปยังห้องสืบสวนสอบสวน
จากนั้นตนได้ต่อว่าตำรวจไปเล็กน้อยว่า ทำเกินไปและทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มตำรวจดังกล่าว และตำรวจหนึ่งในนั้นได้ใช้เท้าเตะเข้ามาที่บริเวณหน้าแต่ตนยกมือที่ใส่กุญแจอยู่รับเพื่อป้องกันตัวเองไว้ได้ทัน เมื่อตำรวจกลุ่มนั้นรู้ว่าตนเป็นนักมวยยังสามารถป้องกันตัวเองได้ จึงเปลี่ยนให้มือไปไพล่หลังแล้วใส่กุญแจมือแทน ก่อนที่จะให้ตำรวจอีกคนจับมือไว้ และตำรวจคนเดิมได้กระหน่ำเตะและต่อยตนจนสะบักสะบอม เลือดอาบทั่วใบหน้าและลำตัว ท่ามกลางสายตาของกลุ่มเพื่อนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้
ต่อมามีเพื่อนที่รู้จักกันมาเจรจาขอร้องให้ตำรวจปล่อยตัวพวกตนออกมา จากนั้นตนได้เข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลโคราชเมโมเรียล ซึ่งแพทย์ได้ออกใบรับรองแพทย์ให้ โดยแพทย์ระบุว่า แขนด้านขวาหลุด เส้นเลือดฝอยตาขวาแตก และคิ้วซ้ายแตก ร่างกายบอบช้ำ ซึ่งแพทย์ยังไม่ยืนยันว่าจะหายเป็นปกติได้เมื่อไร
นายนำพลกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุตนมีธุระจำเป็นไปช่วยงานญาติติดต่อกันหลายวัน จนกระทั่งคืนวันที่ 25 มิ.ย. จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกลุ่มดังกล่าว ในข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเป็นเจ้าพนักงานทำเกินกว่าเหตุ รวมทั้งต้องการขอความเป็นธรรมให้เป็นกรณีตัวอย่างกับประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กระทำอย่างโหดร้าย ซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้และไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย แต่จำหน้าตาตำรวจทุกคนได้เป็นอย่างดี และขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด