ดีเอสไอแฝงตัวจับขบวนการฮั้วประมูลโครงการชลประทานสุพรรณบุรี มูลค่ากว่า 63 ล้านบาท พร้อมเร่งตามจับกุม 2 ผู้ต้องหาตระกูลดัง จากที่จับได้แล้ว 1 ราย หลังพบผู้รับเหมากว่า 20 รายถูกกีดกันไม่ให้ยื่นซองประกวดราคาแลกกับค่าตอบแทนที่ขบวนการฮั้วหยิบยื่นให้
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการฮั้วประมูลโครงการชลประทานสุพรรณบุรี ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจัดให้มีการประกวดราคา 4 รายการ วงเงินงบประมาณ ทั้งสิ้น 63,019,000 บาท ประกอบด้วย 1.การจัดซื้อไม้เนื้ออ่อนแปรรูป วงเงินงบประมาณ 6,275,000 บาท 2.การจัดซื้อคอนกรีตผสมเสร็จชั้นคุณภาพ วงเงินงบประมาณ 19,952,000 บาท 3.การจัดซื้อเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตชนิดเหล็กเส้นข้ออ้อย วงเงินงบประมาณ 18,191,000 บาท และ 4.การจัดซื้อเสาเข็มคอนเกรีตอัดแรงพร้อมตอก วงเงินงบประมาณ 18,601,000 บาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้เข้าแฝงตัวสืบสวนพฤติการณ์การฮั้วประมูลโครงการดังกล่าว พบว่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สำนักงานชลประทานสุพรรณบุรี เปิดรับการเสนอเอกสารการประมูลผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีบริษัทห้างร้านเดินทางมาเพื่อยื่นเอกสารประกวดราคาประมาณ 20-30 บริษัท แต่ผู้ที่ต้องการยื่นซองประกวดราคาทุกราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่แฝงตัวเป็นผู้รับเหมาเอกชน กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้ายื่นเอกสาร และได้รับการติดต่อจากกลุ่มบุคคล เพื่อมิให้มีการยื่นซองเอกสารการประมูล โดยบริษัทที่ตกลงไม่เข้าร่วมประกวดราคาจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
ด้าน นายธานินทร์ เปรมปรีด์ พนักงานสอบสวนสำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนที่เข้าแฝงตัวพบว่า ในระหว่างที่สำนักงานชลประทานสุพรรณบุรี เปิดให้ยื่นซองประกวดราคาจะสังเกตได้ว่า มีกลุ่มชายประมาณ 2-3 คน ยืนคุมอยู่บริเวณหน้าห้องที่จะยื่นเอกสาร และอีก 2-3 คนยืนคุมอยู่บริเวณโดยรอบสำนักงาน จากนั้นเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดการยื่นซองเสนอราคาในเวลา 16.00 น.กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เรียกให้ตัวแทนบริษัทห้างร้านที่รออยู่มารับเงินค่าตอบแทนที่ลานจอดรถยนต์ โดยมีการจ่ายเงินให้ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนรายการเอกสารประกวดราคาของแต่ละราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่แฝงตัวได้รับเงิน 45,000 บาท คาดว่าวงเงินที่นำมาจ่ายให้กับทุกบริษัทห้างร้านเพื่อตอบแทนในการไม่ยื่นเอกสารประกวดราคาจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,300,000 บาท
นายธานินทร์กล่าวอีกว่า การกระทำของผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดแก่ผู้อื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นร่วมดำเนินการใดๆ อันเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดไม่ร่วมเสนอราคา อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ นอกจากนี้การสืบสวนยังพบด้วยว่า การประกวดราคาโครงการดังกล่าว มีผู้ติดต่อเข้ารับแบบเป็นจำนวนมากเกือบ 100 ราย แต่กลับมีผู้ยื่นเอกสารประกวดราคาเพียง 3-4 รายเท่านั้น หากมีการแข่งขันราคากันจริง จะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการฮั้วประมูลดังกล่าวจำนวน 3 ราย และจับกุมตัวได้แล้ว 1 ราย
นายธานินท์กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ เนื่องจากอาจทำให้ผู้ต้องหาที่ยังจับกุมตัวไม่ได้หลบหนีคดี โดยเปิดเผยได้เพียงว่าผู้ต้องหาที่เหลือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี แต่ไม่ใช่คนในตระกูลนักการเมืองระดับชาติ
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการฮั้วประมูลโครงการชลประทานสุพรรณบุรี ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจัดให้มีการประกวดราคา 4 รายการ วงเงินงบประมาณ ทั้งสิ้น 63,019,000 บาท ประกอบด้วย 1.การจัดซื้อไม้เนื้ออ่อนแปรรูป วงเงินงบประมาณ 6,275,000 บาท 2.การจัดซื้อคอนกรีตผสมเสร็จชั้นคุณภาพ วงเงินงบประมาณ 19,952,000 บาท 3.การจัดซื้อเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตชนิดเหล็กเส้นข้ออ้อย วงเงินงบประมาณ 18,191,000 บาท และ 4.การจัดซื้อเสาเข็มคอนเกรีตอัดแรงพร้อมตอก วงเงินงบประมาณ 18,601,000 บาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้เข้าแฝงตัวสืบสวนพฤติการณ์การฮั้วประมูลโครงการดังกล่าว พบว่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สำนักงานชลประทานสุพรรณบุรี เปิดรับการเสนอเอกสารการประมูลผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีบริษัทห้างร้านเดินทางมาเพื่อยื่นเอกสารประกวดราคาประมาณ 20-30 บริษัท แต่ผู้ที่ต้องการยื่นซองประกวดราคาทุกราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่แฝงตัวเป็นผู้รับเหมาเอกชน กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้ายื่นเอกสาร และได้รับการติดต่อจากกลุ่มบุคคล เพื่อมิให้มีการยื่นซองเอกสารการประมูล โดยบริษัทที่ตกลงไม่เข้าร่วมประกวดราคาจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
ด้าน นายธานินทร์ เปรมปรีด์ พนักงานสอบสวนสำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนที่เข้าแฝงตัวพบว่า ในระหว่างที่สำนักงานชลประทานสุพรรณบุรี เปิดให้ยื่นซองประกวดราคาจะสังเกตได้ว่า มีกลุ่มชายประมาณ 2-3 คน ยืนคุมอยู่บริเวณหน้าห้องที่จะยื่นเอกสาร และอีก 2-3 คนยืนคุมอยู่บริเวณโดยรอบสำนักงาน จากนั้นเมื่อถึงเวลาสิ้นสุดการยื่นซองเสนอราคาในเวลา 16.00 น.กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เรียกให้ตัวแทนบริษัทห้างร้านที่รออยู่มารับเงินค่าตอบแทนที่ลานจอดรถยนต์ โดยมีการจ่ายเงินให้ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนรายการเอกสารประกวดราคาของแต่ละราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่แฝงตัวได้รับเงิน 45,000 บาท คาดว่าวงเงินที่นำมาจ่ายให้กับทุกบริษัทห้างร้านเพื่อตอบแทนในการไม่ยื่นเอกสารประกวดราคาจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,300,000 บาท
นายธานินทร์กล่าวอีกว่า การกระทำของผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดแก่ผู้อื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นร่วมดำเนินการใดๆ อันเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดไม่ร่วมเสนอราคา อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ นอกจากนี้การสืบสวนยังพบด้วยว่า การประกวดราคาโครงการดังกล่าว มีผู้ติดต่อเข้ารับแบบเป็นจำนวนมากเกือบ 100 ราย แต่กลับมีผู้ยื่นเอกสารประกวดราคาเพียง 3-4 รายเท่านั้น หากมีการแข่งขันราคากันจริง จะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการฮั้วประมูลดังกล่าวจำนวน 3 ราย และจับกุมตัวได้แล้ว 1 ราย
นายธานินท์กล่าวด้วยว่า ดีเอสไอยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ เนื่องจากอาจทำให้ผู้ต้องหาที่ยังจับกุมตัวไม่ได้หลบหนีคดี โดยเปิดเผยได้เพียงว่าผู้ต้องหาที่เหลือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี แต่ไม่ใช่คนในตระกูลนักการเมืองระดับชาติ
