xs
xsm
sm
md
lg

ตร.รับ"ใบสั่ง"ยัดข้อหาหนักแกนนำพธม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่" ระบุมีใบสั่งในการยัดข้อหา"ก่อการร้าย" แก่แกนนำพันธมิตรฯ เพื่อหวังแลกกับตำแหน่ง ชี้หากมีการปลด"กษิต" นายกฯต้องมีคำอธิบาย เพราะไม่เข้ากฎเหล็กด้านจริยธรรม 9 ข้อ "สัก" ซัด ตร.ตั้งข้อกล่าวหาเกินจริง-ยกข้อ กม.หนุนกษิตไม่ต้องลาออก ขณะที่ปชป.บอกกษิตทำถูแล้วที่ไม่ลาออก รออัยการสั่งฟ้องค่อยมาหารือกันอีกครั้ง พร้อมไล่เพื่อไทยย้อนไปดูพฤติกรรมของตัวเองก่อนที่จะมาเรียกหาสปิริตทางการเมือง

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ รวมทั้งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 ก.ค.นี้ว่า ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมหารือระหว่างผู้ที่ถูกออกหมายเรียก และทนาย เพื่อวางกรอบแนวทางในการต่อสู้คดี ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ และพร้อมที่จะต่อสู้ เพราะถือว่าเราไม่ได้กระทำตามที่เจ้าพนักงานแจ้งข้อกล่าวหา การไปชุมนุมครั้งนั้นเราทำภายใต้กรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยสงบและสันติ
"การแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นการก่อการร้ายนั้น เห็นได้ชัดว่า เป็นการกลั่นแกล้งที่เกินกว่าเหตุ เพราะเราไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนพวกก่อการร้าย เราไม่ได้บุกทำร้ายร่างกายใคร ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินหรือข้าวของในสนามบิน และสถานที่ราชการ ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาต่อสู้คดีก็จะไม่ถูกส่งฟ้อง "
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เท่าที่ตนได้รับทราบ ข้อกล่าวหาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประชุมในสำนวนนี้ ซึ่งก็มีพนักงานสอบสวนบางคนได้แย้งต่อที่ประชุมว่า การแจ้งข้อกล่าวหา ก่อการร้าย ถือเป็นข้อกล่าวหาที่แรงเกินไป แต่ถ้ามองในภาพรวม ก็สามารถที่จะแจ้งได้ แต่ไม่ถูกต้อง แต่ก็มีพนักงานบางส่วนค้าน โดยบอกต้องดำเนินการ ทั้งนี้ เชื่อว่าการที่เจ้าพนักงานแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว มีใบสั่งอย่างแน่นอน เพื่อแลกกับการเสนอชื่อ พล.ต.ท. เจ้าของสำนวนคนหนึ่ง ให้เลื่อนยศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สำนวนดังกล่าว พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแล แต่มีการเมืองเข้ามาแทรก จึงมีการแบ่งงานในสำนวนดังกล่าวให้กับ พล.ต.ท.คนดังกล่าว ทั้งที่สำนวนดังกล่าวไม่มีอะไรซับซ้อน แต่เนื่องจากมีการวางยา กลุ่มพันธมิตรฯ เกิดขึ้น ภาพการแจ้งข้อกล่าวหาจึงเกิดขึ้น
สำหรับในส่วนของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศนั้น ตนเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องลาออกหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะอยู่ในขั้นของเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะหากต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ว่าเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วต้องให้รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบนั้น คงจะไม่ถูกต้อง เพราะคดีดังกล่าวมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะในอนาคตหากการเมืองไปบีบให้ตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท หรือร้อยตำรวจเอก ไปเขียนสำนวนแจ้งข้อกล่าวหา รัฐมนตรีก็ต้องลาออกทุกคน อย่างนี้บ้านเมืองจะเดินหน้าได้อย่างไร เพราะจะเห็นว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองอยู่ เชื่อว่าการกลั่นแกล้งโดยการออกหมายเรียกก็จะมี ทั้งนี้นายกษิตไม่ต้องลาออกเพราะไม่ใช่คดีทุจริต แต่หากคดีนี้ศาลประทับรับฟ้องเมื่อใด ตนจะเป็นคนแรก ที่จะให้นายกษิตลาออก
"ผมอยากถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารประเทศ แต่กลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อยากให้ท่านเข้ามาตรวจสอบให้ชัดเจน แต่กลับปล่อยให้ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ไม่ใช้หลักกระบวนการยุติธรรม แต่กลับปล่อยให้ตำรวจกลั่นแกล้งประชาชน แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนหันหน้าไปพึ่งใคร ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมเรียกร้องความถูกต้องให้กับสังคมและประเทศ ส่วนเรื่องจะหามาตรฐานจากรัฐมนตรี หากตำรวจออกหมายจับและนายกษิต ต้องลาออก ทำไม ส.ส.เพื่อไทยที่ถูกออกหมายจับ ทำไมจึงไม่ลาออกให้เป็นบรรทัดฐานก่อน" นายสุริยะใสกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ต้องมีคำอธิบายได้ หากตัดสินใจปลดนายกษิต ออกจากตำแหน่ง ซึ่งตนเห็นว่า กรณีนายกษิต ยังไม่เข้ากฎเหล็กด้านจริยธรรม 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเพียงขั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม

ไม่มีกม.ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
นายสัก กอแสงเรือง อดีตส.ว. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาเคยมีการตั้งข้อหาเกินสมควร และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาไปร้องต่อศาล ทางศาลได้วินิจฉัยลดข้อกล่าวหาลง ทั้งนี้ในกรณีของนายกษิต ไม่แน่ใจว่า เข้าข่ายเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่ทราบรายละเอียดของข้อกล่าวหา แต่ส่วนตัวมองว่า กรณีนี้น่าจะห่างไกลจากการเป็นผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ที่พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ว่า มีมากน้อยเพียงใด
นายสัก ยังกล่าวอีกว่า กฎหมายไม่มีระบุว่า นายกษิต ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีหลายคน ถูกตั้งข้อกล่าวหาก็ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ นายกษิต ก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

เสธ.หนั่นหนุน“กษิต”ไม่ต้องลาออก
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นายกษิต ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลาออกช่วงนี้ เพราะการออกหมายเรียกของตำรวจไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะต้องพิจารณาทางอัยการที่จะดำเนินการสั่งฟ้อง หรืออาจจะไม่สั่งฟ้อง รวมถึงการส่งเรื่องต่อไปยังศาล ว่าจะรับเรื่องหรือไม่ และเห็นว่าหากศาลรับฟ้อง นายกษิต ก็ควรแสดงความรับผิดชอบในช่วงนั้น เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคว่า ยังไม่มีปัญหาขัดแย้งรุนแรง และยังสามารถทำงานร่วมกันได้อีกอย่างน้อย 6 เดือน และไม่เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆในช่วงนี้ แต่ยอมรับว่าอาจมีปัญหาในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร และยังสามารถทำงานร่วมกันได้
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า แม้นายกษิต จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้าย จากกรณีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ก็ไม่น่าเข้าข่ายผิดกฎเหล็ก ด้านจริยธรรม 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับกรณีที่ตนเองเคยถูกตั้งข้อกล่าวหาแจกเงินพร้อมนามบัตร ก่อนหน้านี้ เพราะตามกฎหมายนั้น ผู้ที่ถูกกล่าวหาย่อมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่มีผลกระทบอะไร รัฐบาลยังสามารถทำงานต่อไปได้ตามปกติ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน สองแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล งดแสดงความเห็นกรณีนายกษิต เพราะถือเป็นมารยาททางการเมือง ที่พรรคร่วมจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของกันและกัน พร้อมทั้งยกให้เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีคนเดียว ว่าจะปรับหรือไม่ปรับนายกษิตพ้น ครม.

อัดกลับเพื่อไทยไร้ต่อมจริยธรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีนายกษิต ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง พรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุการตัดสินในครั้งนี้ เพราะว่าทั้งหมดอยู่ในมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ การที่พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎเหล็ก 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรีนั้น กฎเหล็กดังกล่าวต้องเป็นเรื่องที่มีผลทางกฎหมายแล้ว
แต่ในกรณีของนายกษิต ยังไม่ผลทางกฎหมาย กระบวนการที่ตำรวจสอบสวนสอยู่ก็ยังไม่แน่ว่าข้อเท็จจริง จะตรงกับข้อกล่าวหาที่ตั้งไว้หรือไม่ หากไม่ตรงก็อาจจะไม่สั่งฟ้องก็ได้ และยังมีชั้นอัยการอีกขั้นหนึ่ง ที่จะฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง หากสั่งฟ้องแล้วถึงจะมีผลทางกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมาพิจารณากันอีกครั้ง
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบนั้น ตามมาตรฐานแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความรับผิดชอบมาโดยตลอด ตั้งกรณี สปก.4-01 ที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ยุค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการพรรค ที่ป.ป.ช.ชี้มูลว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง ก็ได้ลาออก มาถึง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก็ลาออกทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งสดๆ ร้อนๆ ล่าสุดกรณี นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ก็ตัดสินใจลาออก แม้ว่าภายหลังการสอบสวนจะระบุนายวิฑูรย์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ซึ่งตรงกันข้ามพรรคเพื่อไทย ที่ต้องย้อนกลับไปดูว่า คนในพรรคเคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองบ้างหรือไม่ เพราะตลอดเวลาเป็นพรรคไทยรักไทย หรือสืบทอดอำนาจมาเป็นพรรคพลังประชาชน จนมาเป็นพรรคเพื่อไทย นักการเมืองในกลุ่มนี้ ได้ตัดต่อมสำนึกและจริยธรรมทิ้งก่อนมาเล่นการเมือง การขายหุ้นของกลุ่มชินคอร์ป ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เห็นแสดงความรับผิดชอบอะไร นอกจากการยุบสภา ทั้งๆที่ประชาชนเรียกร้องหาความรับผิดชอบ
ส่วนการที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ พูดถึงการลาออกจากตำแหน่งนั้นไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่เพราะจนมุมด้วยข้อมูล และคำสั่งของศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อมาถึงยุคนายสมัคร สุนทรเวช หรือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็พ้นตำแหน่งไปเพราะคำสั่งศาลตัดสิน ในกรณีรับจ้างจัดรายการชิมไปบ่นไป และเพราะคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ยังไม่เคยมีนักการเมืองคนใดของพรรคเพื่อไทย แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เว้นแต่ถูกขับไล่ และมีผลทางกฎหมายเท่านั้น

หาเรื่องเคลื่อนไหวช่วงถกอาเซียน
ดังนั้น ก่อนที่จะว่าคนอื่น ขอให้กลับไปย้อนดูเงาของตัวเอง และต่อมสำนึกด้วย จากเหตุดังกล่าวเชื่อว่าจะมีการนำประเด็นดังกล่าวไปเคลื่อนไหวต่อต้านการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนระหว่างวันที่ 16-17 ก.ค.นี้
"ประเทศได้เสียหาย เพราะการเรียกร้องมามากแล้ว จึงไม่อยากจะเอาเรื่องนี้ทำลายทางการเมือง และทำลายความเชื่อมั่นของต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย ไม่อยากให้เอาอนาคตของประเทศชาติมาเป็นเดิมพันของคนกล่มเดียว" นายเทพไทกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของนายกษิต นั้นพรรคจะมีจุดสิ้นสุดที่ใดว่าต้องลาออก นายเทพไท ตอบว่า เมื่อการดำเนินคดีมีผลในทางกฏหมายแล้ว ก็จะต้องพิจารณาเพื่อหาข้อสรุป แต่เมื่อยังไม่มีข้อสรุปก็ต้องให้สิทธิท่านทำงานต่อไป
เมื่อถามว่าหากทางอัยการส่งสำนวนฟ้องต่อศาลแล้ว ก็ถือว่านายกษิต ต้องหลุดออกจากตำแหน่งเลย ใช่หรือไม่ นายเทพไท ตอบว่า ก็ต้องมาพิจารณากันตอนนั้น ไม่ใช่การออกโดยอัตโนมัติ เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา ไม่ใช่เป็นคดีทางการเมือง เช่นกรณีที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูล ที่เมื่อศาลรับฟ้องแล้วจะต้องยุติการทำหน้าที่ แต่นี่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ หรือการตัดสินใจทางการเมือง เมื่อถึงเวลานั้นก็มาว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
"นายกษิตเคยบอกว่า จะออกถ้ามีหมายจับ แต่นี่เป็นแค่หมายเรียก ไม่ใช่หมายจับ ต้องพูดกันที่ข้อเท็จจริงและความผิดที่เกิดขึ้น เดี๋ยวจะหาว่าเป็นศรีธนชัยอีก" นายเทพไท กล่าว
เมื่อถามต่อว่า การสนับสนุนการตัดสินใจของนายกษิต ถือเป็นการสนับสนุนในนามของพรรคหรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่านายกรัฐมนตรีเองก็ยืนยันมาตลอดว่า ถ้าหากเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วต้องมาพิจารณากัน
กำลังโหลดความคิดเห็น