โฆษกนายกฯ หนุน “กษิต” ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ย้ำ ปชป.มีมาตรฐานสูงกว่าไข่แม้ว เย้ย “ออหมัก-ชายอำมหิต-นพเหล่” ตกเก้าอี้เพราะจำนนต่อหลักฐาน แนะจับตาเสื้อแดงหยิบประเด็น “กษิต” ป่วนประชุม รมต.อาเซียน
วันนี้ (7 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวสนับสนุนท่าทีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศว่า นายกษิตได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง พรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุการตัดสินในครั้งนี้ เพราะว่าทั้งหมดอยู่ในมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ การที่พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎเหล็ก 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรีนั้น กฎเหล็กดังกล่าวต้องเป็นเรื่องที่มีผลทางกฎหมายแล้ว
นายเทพไทกล่าวว่า ในกรณีของนายกษิตยังไม่มีผลทางกฎหมาย กระบวนการที่ตำรวจสอบสวนสวนอยู่ก็ยังไม่แน่ว่าข้อเท็จจริงจะตรงกับข้อกล่าวหาที่ตั้งไว้หรือไม่ หากตรวจสอบว่าไม่ตรงก็อาจจะไม่สั่งฟ้องก็ได้ และยังมีชั้นอัยการอีกขั้นหนึ่งที่จะฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง หากอัยการเห็นว่าคดีมีมูลก็อาจจะสั่งฟ้อง หากเห็นว่าไม่มีมูลก็อาจจะสั่งไม่ฟ้อง หากสั่งฟ้องแล้วถึงจะมีผลทางกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมาพิจารณากันอีกครั้ง
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบนั้น ตามมาตรฐานแล้วพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความรับผิดชอบมาโดยตลอดตั้งกรณี ส.ป.ก.4-01 ที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ยุค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการพรรค เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลว่าการยืนบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง ก็ได้ลาออก มาถึงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก็ลาออกทั้งๆ ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งสดๆ ร้อนๆ ล่าสุดกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ตัดสินใจลาออก แม้ว่าภายหลังการสอบสวนจะระบุนายวิฑูรย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ตรงกันข้าม พรรคเพื่อไทยที่ต้องย้อนกลับไปดูว่า คนในพรรคเคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองบ้างหรือไม่ เพราะตลอดเวลาเป็นพรรคไทยรักไทย หรือสืบทอดอำนาจมาเป็นพรรคพลังประชาชน จนมาเป็นพรรคเพื่อไทย นักการเมืองในกลุ่มนี้ได้ตัดต่อมสำนึกและจริยธรรมทิ้งก่อนมาเล่นการเมือง การขายหุ้นของกลุ่มชินคอร์ปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่เห็นแสดงความรับผิดชอบอะไร นอกจากการยุบสภา ทั้งๆ ที่ประชาชนเรียกร้องหาความรับผิดชอบ ส่วนการที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระกรทรวงการต่างประเทศ พูดถึงการลาออกจากตำแหน่งนั้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่เพราะจนมุมด้วยข้อมูล จนด้วยคำสั่งของศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ
นายเทพไทกล่าวด้วยว่า เมื่อมาถึงยุคนายสมัคร สุนทรเวช หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็พ้นตำแหน่งไปเพราะคำสั่งศาลตัดสินในกรณีรับจ้างจัดรายการชิมไปบ่นไปและเพราะคำสั่งยุบพรรคคพลังประชาชน ยังไม่เคยมีนักการเมืองคนใดของพรรคเพื่อไทยแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เว้นแต่ถูกขับไล่และมีผลทางกฎหมายเท่านั้น ก่อนที่จะว่าคนอื่น ขอให้กลับไปย้อนดูเงาของตัวเองและต่อมสำนึกด้วย จากเหตุดังกล่าวเชื่อว่าจะมีการนำประเด็นดังกล่าวไปเคลื่อนไหว ต่อต้านการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ระหว่างวันที่ 16-17 กรกฎาคมนี้
“ประเทศจะได้เสียหาย เพราะการเรียกร้องมามากแล้ว จึงไม่อยากจะเอาเรื่องนี้ทำลายทางการเมือง และทำลายความเชื่อมั่นของต่างชาติที่มีต่อประเทศ ไม่อยากให้เอาอนาคตของประเทศชาติมาเป็นเดิมพันของคนกลุ่มเดียว” นายเทพไทกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของนายกษิต ภิรมย์ พรรคจะมีจุดสิ้นสุดที่ใดว่าต้องลาออก นายเทพไทตอบว่า เมื่อการดำเนินคดีมีผลในทางกฎหมายแล้วก็จะต้องพิจารณาเพื่อหาข้อสรุป แต่เมื่อยังไม่มีข้อสรุปก็ต้องให้สิทธิท่านทำงานต่อไป เมื่อถามต่อว่า กรณีนี้หากทางอัยการส่งสำนวนฟ้องต่อศาลแล้วก็ถือว่านายกษิตต้องหลุดออกจากตำแหน่งเลยใช่หรือไม่ นายเทพไทตอบว่า ก็ต้องมาพิจารณากันตอนนั้น และมันไม่ใช่การออกโดยอัตโนมัติ เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญาไม่ใช่เป็นคดีทางการเมืองเช่นกรณีที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล ที่เมื่อศาลรับฟ้องแล้วจะต้องยุติการทำหน้าที่ แต่นี่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบหรือการตัดสินใจทางการเมือง เมื่อถึงเวลานั้นก็มาว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวย้ำอีกว่า แต่นายกษิตเคยระบุว่าจะลาออกจากตำแหน่งว่า ถ้ามีหมายเรียกหรือหมายจับ นายเทพไทตอบว่า นายกษิตเคยบอกว่าจะออกถ้ามีหมายจับ แต่นี่เป็นแค่หมายเรียกไม่ใช่หมายจับ ต้องพูดกันที่ข้อเท็จจริงและความผิดที่เกิดขึ้น เดี๋ยวจะหาว่าตนเป็นศรีธนญชัยอีก เมื่อถามต่อว่า การสนับสนุนการตัดสินใจของนายกษิต ถือเป็นการสนับสนุนในนามของพรรคหรือไม่ นายเทพไทตอบว่า นายกรัฐมนตรีเองก็ยืนยันมาตลอดว่า ถ้าหากเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วต้องมาพิจารณากัน เมื่อถามว่าหากนายกษิตไม่ลาออก กลัวว่าจะเกิดผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์และภาพพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายเทพไท ตอบว่า ถ้าสามารถทำความเข้าใจ โดยอธิบายความเป็นไปของเหตุผลให้ประชาชนเข้าใจได้ ก็มั่นใจว่าไม่มีผลกระทบตามมา ต่อข้อถามที่ว่า ขณะนี้รัฐบาลเองผลงานก็ไม่มี และยังมีรัฐมนตรีที่มีปัญหาส่วนตัวถูกแจ้งข้อหาก่อการร้ายอีกจะกลายเป็นปัญหาเตี้ยอุ้มค่อมหรือไม่ นายเทพไทตอบว่า ไม่ได้เป็นเตี้ยอุ้มค่อม เพราะทั้ง 2 เรื่องเป็นคนละเรื่องกัน คือผลงานของรัฐบาลเป็นเรื่องส่วนรวม และเรื่องส่วนตัว