ผู้จัดการรายวัน - 3 รัฐมนตรีกระทรวงการคลังทำงานหนักก่อนพ้นเก้าอี้ "สุชาติ" คึกหาแหล่งเงินกู้รถไฟฟ้า-เมกะโปรเจกต์ "ประดิษฐ์" วุ่นโครงการรับจำนำข้าวนาปี มั่นใจจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ขณะที่ "ระนองรักษ์" ลุยงานกรมบัญชีกลางสั่งเดินหน้าดูแลสวัสดิการข้าราชการ
วานนี้ (22 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังเร่งหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าและโครงการสาธารณูปโภค (เมกะโปรเจกต์) โดยจะหารือร่วมกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในโครงการต่อไป
นายสุชาติเปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่งพร้อมสนับสนุนเงินกู้ให้ไทย ทั้งธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือทางการไทยต้องมีความชัดเจนในแผนการลงทุน
รายงานข่าวจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า ปี 2552 ธนาคารโลกและเอดีบีพร้อมสนับสนุนเงินกู้แก่ไทย วงเงินรวม 1,500 ล้านดอลลาร์ เป็นวงเงินเพื่อการก่อสร้างระบบลอจิสติกส์ รถไฟฟ้าและระบบราง
รมช.คลังมั่นใจรับจำนำข้าวนาปี
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวถึงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเสนอว่าเป็นแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้ขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม ส่วนราคาขั้นต่ำข้าวเปลือกนาปีที่ความชื้น 15% ชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี 100% ราคาตันละ 12,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% ชนิดคละราคาตันละ 9,000 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงนี้รัฐบาลมีนโยบายให้เกษตรกร โรงสี ผู้ค้า ผู้ส่งออก ซื้อขายข้าวเปลือกตามกลไกปกติ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก จะเปิดรับจำนำตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2551-28 กุมภาพันธ์ 2552 อนุมัติให้จำนำได้รายละ 5 แสนบาท
นายประดิษฐ์มั่นใจว่า การรับจำนำข้าวนาปีจะประสบความสำเร็จเหมือนกับโครงการรับจำนำข้าวนาปรังครั้งที่ผ่านมา แม้ขณะนี้ราคาข้าวจะมีราคาตกลงมาบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เกษตรกรได้รับผลต่างกำไรค่อนข้างดี
ระนองรักษ์จัดระเบียบสวัสดิการ ขรก.
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินนโยบายของกรมบัญชีกลางที่ให้ไว้ โดยเน้นให้ดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการบุคลากรภาครัฐให้ถึงระดับฐานราก และเน้น 5 เรื่องที่ให้ความสำคัญโดยเฉพาะด้านค่าตอบแทน ด้านการรักษาพยาบาล ให้มีความสะดวก สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพปัจจุบัน ทั้งผู้ป่วยและพยาบาลที่ต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่มีรายได้ต่ำกว่าแพทย์มาก โดยเฉพาะข้าราชการที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องปฏิบัติงานในภาวะที่เสี่ยงต่ออันตรายรอบด้าน เช่นให้ศึกษาการพัฒนาระบบการจ่ายตรง ให้ผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลข้าราชการถือบัตรจ่ายตรงเพียงบัตรเดียว ค่าเล่าเรียนบุตรข้าราชการในต่างประเทศที่เรียนในโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น
ด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้น ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าวว่า ให้พิจารณาการแก้ไขในภาพรวมของปัญหา อุปสรรค และจัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติงานให้ส่วนราชการ เพื่อจะได้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อรัฐ ให้ศึกษาพิจารณา ทบทวน กฎหมาย ระเบียบ ต่าง ๆ ที่ใช้เกินกว่า 10 ปี ว่าควรจะแก้ไขปรับปรุง หรือไม่ เพื่อให้บังคับใช้และปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบและหนังสือสั่งการ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนด้วย นอกจากนี้ให้สนับสนุนการบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด
โดยให้คลังจังหวัดทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย และสนับสนุนแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการบูรณาการการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัด และเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามที่รัฐบาลมีนโยบาย.
วานนี้ (22 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังเร่งหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าและโครงการสาธารณูปโภค (เมกะโปรเจกต์) โดยจะหารือร่วมกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในโครงการต่อไป
นายสุชาติเปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่งพร้อมสนับสนุนเงินกู้ให้ไทย ทั้งธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) แต่เงื่อนไขสำคัญก็คือทางการไทยต้องมีความชัดเจนในแผนการลงทุน
รายงานข่าวจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า ปี 2552 ธนาคารโลกและเอดีบีพร้อมสนับสนุนเงินกู้แก่ไทย วงเงินรวม 1,500 ล้านดอลลาร์ เป็นวงเงินเพื่อการก่อสร้างระบบลอจิสติกส์ รถไฟฟ้าและระบบราง
รมช.คลังมั่นใจรับจำนำข้าวนาปี
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวถึงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเสนอว่าเป็นแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาให้ขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม ส่วนราคาขั้นต่ำข้าวเปลือกนาปีที่ความชื้น 15% ชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี 100% ราคาตันละ 12,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% ชนิดคละราคาตันละ 9,000 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงนี้รัฐบาลมีนโยบายให้เกษตรกร โรงสี ผู้ค้า ผู้ส่งออก ซื้อขายข้าวเปลือกตามกลไกปกติ โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก จะเปิดรับจำนำตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2551-28 กุมภาพันธ์ 2552 อนุมัติให้จำนำได้รายละ 5 แสนบาท
นายประดิษฐ์มั่นใจว่า การรับจำนำข้าวนาปีจะประสบความสำเร็จเหมือนกับโครงการรับจำนำข้าวนาปรังครั้งที่ผ่านมา แม้ขณะนี้ราคาข้าวจะมีราคาตกลงมาบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เกษตรกรได้รับผลต่างกำไรค่อนข้างดี
ระนองรักษ์จัดระเบียบสวัสดิการ ขรก.
ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินนโยบายของกรมบัญชีกลางที่ให้ไว้ โดยเน้นให้ดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการบุคลากรภาครัฐให้ถึงระดับฐานราก และเน้น 5 เรื่องที่ให้ความสำคัญโดยเฉพาะด้านค่าตอบแทน ด้านการรักษาพยาบาล ให้มีความสะดวก สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพปัจจุบัน ทั้งผู้ป่วยและพยาบาลที่ต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่มีรายได้ต่ำกว่าแพทย์มาก โดยเฉพาะข้าราชการที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องปฏิบัติงานในภาวะที่เสี่ยงต่ออันตรายรอบด้าน เช่นให้ศึกษาการพัฒนาระบบการจ่ายตรง ให้ผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลข้าราชการถือบัตรจ่ายตรงเพียงบัตรเดียว ค่าเล่าเรียนบุตรข้าราชการในต่างประเทศที่เรียนในโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น
ด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐนั้น ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าวว่า ให้พิจารณาการแก้ไขในภาพรวมของปัญหา อุปสรรค และจัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติงานให้ส่วนราชการ เพื่อจะได้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อรัฐ ให้ศึกษาพิจารณา ทบทวน กฎหมาย ระเบียบ ต่าง ๆ ที่ใช้เกินกว่า 10 ปี ว่าควรจะแก้ไขปรับปรุง หรือไม่ เพื่อให้บังคับใช้และปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบและหนังสือสั่งการ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนด้วย นอกจากนี้ให้สนับสนุนการบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด
โดยให้คลังจังหวัดทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย และสนับสนุนแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการบูรณาการการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณของจังหวัด และเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามที่รัฐบาลมีนโยบาย.