อุบลราชธานี - ชาวนาเมืองดอกบัวยังคงถูกภัยธรรมชาติซ้ำเติม ทั้งฝนตกอากาศชื้นจากลมหนาว ต้องทนเอาข้าวเปลือกตากแดด หวังลดความชื้นให้ขายข้าวได้ราคา แต่ความหวังจะลดความชื้นให้เหลือเพียง 15% ตามรัฐบาลกำหนดรับจำนำข้าวดูเลือนรางในความเป็นจริง ส่วนใหญ่ตัดสินใจขายให้โรงสีแม้ได้ราคาต่ำกว่าก็ตาม
นางจำรัส ใจบุญ เกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าว อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้นำข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเหนียวที่ได้จากการเก็บเกี่ยวประจำฤดูการผลิต 2551/2552 ตากแดดบริเวณลานหน้าบ้าน เนื่องจากข้าวเปลือกมีความชื้นสูง เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่อง และยังมีน้ำค้างในช่วงเช้า จึงต้องตากข้าวไล่ความชื้นอย่างน้อย 3-4 วัน เพื่อไม่ให้ถูกกดราคารับซื้อจากพ่อค้าข้าวมากเกินไป
นางจำรัส มีที่นาประมาณ 11 ไร่ คาดจะได้เงินจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตประจำปีประมาณหนึ่งแสนบาท และคงไม่ใช้วิธีนำข้าวไปจำนำ เพราะราคารับซื้อของโรงสีมีราคาใกล้เคียงกับราคาประกันของรัฐบาล รวมทั้งการจำนำมีขั้นตอนยุ่งยากและไม่มีความชัดเจนแน่นอน ซึ่งเพื่อนบ้านของนางจำรัสก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน เพื่อให้ได้เงินทันชำระหนี้ ธ.ก.ส.ในตอนปลายปี
สำหรับการรับจำนำข้าวเปลือกประจำฤดูกาลผลิต 2551/2552 รัฐบาลกำหนดรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิขนาดสีได้ข้าวสูง 42 กรัม ราคาตันละ 15,000 บาท และสีได้ข้าวต่ำสุด 36 กรัมราคาตันละ 14,400 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาวราคาตันละ 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% ชนิดคละราคาตันละ 9,000 บาท
แต่ทั้งนี้ข้าวเปลือกของชาวนาต้องมีความชื้นไม่เกิน 15% ซึ่งเป็นเรื่องยากในการควบคุมความชื้นให้อยู่ในระดับดังกล่าว เพราะตลอดการเก็บเกี่ยวผลผลิตมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่ปลูกข้าวเปลือกหอมมะลิประมาณ 2.2 ล้านไร่ และข้าวเหนียวประมาณ 1.6 ล้านไร่ ได้ผลผลิตเป็นข้าวเปลือกประมาณ 6-7 แสนตันต่อปี