ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยร่วงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย หลังนักลงทุนตื่นตระหนกวิกฤตการเงินส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยต่างชาติทิ้งหุ้นไทยอีก 2.4 พันล้านบาท กดดัชนีหุ้นไทยรูดเกือบ 14 จุด หรือ 3.28% “ก้องเกียรติ” คาดการณ์ดัชนีผันผวนขึ้น-ลงแรง เพื่อปรับฐานหาจุดต่ำสุด ขณะที่นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ แย้มอาจเห็นจุดต่ำสุดที่ 350 จุดกลางปีหน้า ก่อนจะทรงตัวลากยาวถึง 3 ปี
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากภาคการเงินที่เข้าขั้นวิกฤตและยังไม่สามารถคลี่คลายได้ จนส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับลดลงเช่นกัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีเรื่องของการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นจึงส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยโดยรวม
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยยืนระดับสูงสุดที่ 476.47 จุด ต่ำสุด 463.09 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 465.24 จุด ลดลงจากวันก่อน 13.55 จุด หรือคิดเป็น 2.83% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,451.92 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ทำให้ยอดขายสุทธิสูงถึง 2,544.57 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 155.87 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,388.71 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มูลค่าการซื้อขาย 1,537.85 ล้านบาท ราคาปิดที่ 98 บาท ลดลง 6 บาท หรือคิดเป็น 5.77% บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่า 929.85 ล้านบาท ปิดที่ 177 บาท ลดลง 6 บาท หรือ 3.28% และธนาคารกรุงเทพ (BBL) มูลค่า 606.38 ล้านบาท ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.34%
หุ้นเอเชียกอดคอกันร่วง
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียได้ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดที่ระดับ 8,674.69 จุด ลดลง 631.56 จุด หรือคิดเป็น 6.79% ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 14,266.60 จุด ลดลง 774.57 จุด หรือ 5.15% ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด 1,134.59 จุด ลดลง 61.51 จุด หรือ 5.14% ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 4,862.59 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ลดลงจากวันก่อน 80.13 จุด หรือ 1.62%
ดัชนีปรับฐานหาจุดต่ำสุด
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า วานนี้ (22 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวค่อนข้างผันผวน ในลักษณะฟันปลาหรือการปรับขึ้นลงภายในวันเดียว จากวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดว่าช่วงนี้ดัชนีจะยังคงผันผวน โดยจะปรับตัวขึ้นลงแบบวันต่อวันอย่างนี้ต่อไป เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับฐานเพื่อหาจุดต่ำสุด ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามทิศทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยให้ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองภายในประเทศ
กลางปี52ดัชนีแตะต่ำสุด 350 จุด
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บล. ทรีนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวน ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง รวมถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน ในลักษณะขึ้นลงค่อนข้างแรง ตามภาคธุรกิจอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งดัชนีในกลางปี 2552 อาจปรับตัวต่ำสุดลงมาอยู่ที่ระดับ 350 จุด และจะทรงตัวไปเรื่อยๆประมาณ 1-3 ปี”
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเห็นได้จากราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เวลานี้ได้ปรับตัวลงลึก เช่น ราคาน้ำมันดิบที่ไหลลงมาต่ำในระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล บวกกับภาคการเงินยังมีความอ่อนไหวมาก รวมถึงมีกระแสข่าวสถาบันการเงินประสบปัญหาจนทางการของต่างประเทศต้องเข้าไปช่วยเหลือออกมาเป็นระยะๆ ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกอีกระลอกหนึ่ง
“ตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงได้ เพราะยังวิกฤตการเงินโลกยังไม่จบ ซึ่งจะส่งผลกระทำทำให้เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศเองยังไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีข้อจำกัดในการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันดัชนีตลาดหุ้นไทยพร้อมจะลดลงทันทีหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ”
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย จากภาคการเงินที่เข้าขั้นวิกฤตและยังไม่สามารถคลี่คลายได้ จนส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับลดลงเช่นกัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีเรื่องของการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้นจึงส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยโดยรวม
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยยืนระดับสูงสุดที่ 476.47 จุด ต่ำสุด 463.09 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 465.24 จุด ลดลงจากวันก่อน 13.55 จุด หรือคิดเป็น 2.83% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,451.92 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ทำให้ยอดขายสุทธิสูงถึง 2,544.57 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 155.87 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,388.71 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มูลค่าการซื้อขาย 1,537.85 ล้านบาท ราคาปิดที่ 98 บาท ลดลง 6 บาท หรือคิดเป็น 5.77% บมจ.ปตท. (PTT) มูลค่า 929.85 ล้านบาท ปิดที่ 177 บาท ลดลง 6 บาท หรือ 3.28% และธนาคารกรุงเทพ (BBL) มูลค่า 606.38 ล้านบาท ปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.34%
หุ้นเอเชียกอดคอกันร่วง
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียได้ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดที่ระดับ 8,674.69 จุด ลดลง 631.56 จุด หรือคิดเป็น 6.79% ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 14,266.60 จุด ลดลง 774.57 จุด หรือ 5.15% ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด 1,134.59 จุด ลดลง 61.51 จุด หรือ 5.14% ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 4,862.59 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ลดลงจากวันก่อน 80.13 จุด หรือ 1.62%
ดัชนีปรับฐานหาจุดต่ำสุด
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า วานนี้ (22 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวค่อนข้างผันผวน ในลักษณะฟันปลาหรือการปรับขึ้นลงภายในวันเดียว จากวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดว่าช่วงนี้ดัชนีจะยังคงผันผวน โดยจะปรับตัวขึ้นลงแบบวันต่อวันอย่างนี้ต่อไป เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับฐานเพื่อหาจุดต่ำสุด ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามทิศทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยให้ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองภายในประเทศ
กลางปี52ดัชนีแตะต่ำสุด 350 จุด
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บล. ทรีนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวน ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง รวมถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน ในลักษณะขึ้นลงค่อนข้างแรง ตามภาคธุรกิจอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งดัชนีในกลางปี 2552 อาจปรับตัวต่ำสุดลงมาอยู่ที่ระดับ 350 จุด และจะทรงตัวไปเรื่อยๆประมาณ 1-3 ปี”
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเห็นได้จากราคาของสินค้าโภคภัณฑ์เวลานี้ได้ปรับตัวลงลึก เช่น ราคาน้ำมันดิบที่ไหลลงมาต่ำในระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล บวกกับภาคการเงินยังมีความอ่อนไหวมาก รวมถึงมีกระแสข่าวสถาบันการเงินประสบปัญหาจนทางการของต่างประเทศต้องเข้าไปช่วยเหลือออกมาเป็นระยะๆ ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกอีกระลอกหนึ่ง
“ตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงได้ เพราะยังวิกฤตการเงินโลกยังไม่จบ ซึ่งจะส่งผลกระทำทำให้เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศเองยังไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีข้อจำกัดในการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันดัชนีตลาดหุ้นไทยพร้อมจะลดลงทันทีหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ”
