xs
xsm
sm
md
lg

4เหล่าทัพบีบสมชายมือเปื้อนเลือดต้องออกชี้ชัดนายกฯคนสั่งฆ่า!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - กองทัพทนไม่ได้หลังถูกสังคมกดดันหนัก 4 เหล่าทัพตบเท้าออกทีวีช่อง 3 บีบ "สมชาย" ออก ลั่นรับไม่ได้ที่สั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ยืนยันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รับปากถ้าเกิดเหตุการณ์นองเลือดอีกจะออกมาระงับการใช้อำนาจของรัฐบาล "อนุพงษ์" ปฏิเสธรับเงินทักษิณ 50 ล้าน ไม่เคยคุยกับพจมาน ด้าน "สมชาย" ไม่สน ขอแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จก่อน

เมื่อเวลา 17.15 น. วานนี้ (16 ต.ค.) พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ แล พล.ต.อ.พัชราวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สดในรายการข่าว “เรื่องเด่นเย็นนี้” ทางช่อง 3 ช่วง“จับประเด็นร้อน” โดยมีนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินการรายการ
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินการถามว่า กองทัพประเมินสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ เป็นอย่างไร พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ความคิดเห็นแตกต่างกันสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ลักษณะที่ประนีประนอม มีรากฐาน เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ความคิดเห็นต่างนำสู่การพัฒนาตามหลักประชาธิปไตย เรายืนยันว่าจะปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สถานการณ์ที่ความคิดเห็นแตกต่างนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 48 แล้วเราจะเป็นอย่างนี้ไปอีกกี่เจอเนอเรชั่น
"สถานการณ์เรายังประนีประนอมได้ และในที่สุดคนไทยจะกลับมาสู่การปรองดอง และสมานฉันท์ เราบอกว่าคนไทย รักประเทศชาติ ยึดถือองค์พระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด เรามีหน้าที่ปกป้อง เราต้องทำอย่างนั้น กลับมาทำหน้าที่คนไทย ลองหันกลับมาประนีประนอมกัน คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ เพื่อต้องการให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ในภาวะเศรษฐกิจและปัญหาขณะนี้เราต้องสามัคคีกัน" พล.อ.ทรงกิตติกล่าว
ส่วนบทบาทกองทัพต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปัจจุบันให้กองทัพมีหน้าที่เตรียมกำลัง เพื่อปกป้องอธิปไตย และรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และช่วยพัฒนาประเทศ รวมทั้งงานที่รัฐบาลมอบหมาย
ส่วนที่กองทัพถูกเรียกร้องให้เลือกข้างนั้น พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ทั้งสองข้างคือประชาชนใช่หรือไม่ เราก็อยู่ข้างประชาชน แต่เราต้องทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
เมื่อถามว่าหากการเมืองไม่ยุติ ผบ.สส. จะเป็นหัวคณะปฏิวัติ หรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่มีในความคิดของตน แต่เป็นความคิดของคนที่พูด และไม่ใช่ความคิดของกองทัพไทย เรายืนยันว่ากองทัพรักษาบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย และพร้อมที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนเรื่องความแตกแยกทางการเมือง ไม่อยากให้เป็นความแตกต่างของสังคมไทย ขอให้กลับสู่สังคมไทยที่อยู่ร่วมกัน
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า การที่จะพูดเรื่องเลือกข้าง ซึ่งมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย อยากเสนอสังคมว่า หากเรายังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ก็จะเกิดวิกฤติไม่มีทางจบลงได้ จะเรียกได้ว่าประเทศชาติ น่าจะล่มจ่ม หากเป็นเช่นนั้นทางออกของชาติคนไทยต้องอยู่ร่วมกัน ความคิดเห็นแตกต่างได้ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันได้ หากเอาตัวตนอัตตา มาตั้งไว้ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น หากมีฝักมีฝ่าย วิกฤตินี้ผ่านไม่ได้ ยืนยันว่าการผ่านวิกฤตินี้ คนไทยต้องยอมรับความคิดเห็นแตกต่าง โดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายและหาทางอยู่ร่วมกัน
เมื่อถามว่า มีเสียงให้ทหารออกมายุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากการแก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ แล้วทำให้ปัญหาจบ ก็น่าจะพิจารณาร่วมกันทุกภาคส่วน ไม่ใช่กองทัพอย่างเดียว แต่ปัจจุบันตนติดต่อสื่อหลายส่วน ซึ่งสื่อที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่บอกว่าไม่เห็นด้วย นักวิชาการก็ไม่เห็นด้วย ทำแล้วประเทศชาติเสียหาย ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาคือทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยและหาจุดร่วมกันให้ได้ ส่วนจุดยืนกองทัพอยู่ที่ใด กองทัพคงเลือกฝ่ายไม่ได้ โดยเฉพาะขณะนี้มีการเรียกร้องต้องอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ประเทศเราคงแบ่งเป็นฝ่ายไม่ได้ หากประชาชนแยกเป็น 2 ฝ่าย แล้วผู้ถืออาวุธยังแยกฝ่ายอีก ประเทศชาติจะวิบัติ คิดว่าไม่มีความเป็นไปได้

**7 ตุลาต้องมีคนรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่ ผบ.ทบ.บอกให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ความรับผิดชอบที่เกิดความเสียหายมีผลกระทบ สิ่งที่ตามมาคนในสังคมรับไม่ได้ จึงเกิดเป็นกระแสขึ้นลุกลามไปถึงสถาบันตำรวจ หมอ จึงทำให้ยิ่งไปกันใหญ่ หากจะไปแก้ว่าแล้วยังไงคงไม่ได้ คงต้องไปทำให้มันจบ ต้องมีคนออกมารับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบเรื่องนโยบาย การสั่ง หรือการปฏิบัติ ต้องสอบสวนกันไป ดูตามเหตุผล กฎหมาย และหลักการที่จะทำได้ น่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับคนในชาติได้ มิเช่นนั้นคงไม่ได้

**ส่งสัญญาณชัดสมชายต้องออก
เมื่อถามว่า คาดหวังว่าจะให้รัฐบาลลาออกหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนคิด เพราะตอนนี้ไม่มีทาง หากรัฐบาลสั่งการเอง คงต้องรับผิดชอบ กระแสคนในชาติคงไม่ยอม เมื่อไม่ยอมจะเกิดความปั่นป่วน และไม่จบ แต่ไม่ใช่จะไปบีบคั้นให้รัฐบาลลาออก แต่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด หากอยู่บนความเสียหายของชาติ ประชาชนล้มตายก็รับไม่ได้จะอยู่อย่างไร ก็อยู่ไมได้ ไม่ใช่รัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว แต่ต้องเป็นรัฐบาลที่สังคมรับได้ ตนพูดไม่ได้จงเกลียดจงชัง ไม่เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบ พูดกันได้ด้วยเหตุผลบนพื้นฐานที่เกิดขึ้น และสิ่งที่ควรจะเป็นไป
เมื่อถามว่า หากท่านเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ผมก็คงออก จะอยู่ไปทำไม บ้านเมืองเสียหาย ผมไม่อยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ถ้าถามผม ผมไม่อยู่ ถ้าท่านทำจริง ท่านต้องไม่อยู่" เมื่อถามว่า ท่านจะกดดันหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กดดันคงไม่ใช่ ผลสอบสวนออกมา สังคมจะทำในส่วนนี้เอง ไม่ทราบว่าเรียกว่ากดดันหรือไม่ แต่เรียกร้องว่า สังคมรับไม่ได้ ไม่มีทางจะจบลงได้ ดังนั้นต้องมีคนรับผิดชอบ ตนเรียกร้อง ไม่ได้กดดันรัฐบาล สังคมคงเรียกร้องอย่างนั้น
เมื่อถามว่า หมายถึงท่านเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า "ครับ"

**กองทัพยังเทิดทูนสถาบันฯ
เมื่อถามถึงบทบาทของกองทัพ ในการปกป้องสถาบัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ หรือคนไทยทั้งชาติ ทุกคนเทิดทูนเคารพสถานบันกษัตริย์ เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยอยู่ได้โดยพื้นฐาน ตนเป็นทหารราชองครักษ์ จะปกป้องและเทิดทูนสถาบันฯ ไม่มีทางเป็นอื่นได้ คนจะถวายความจงรักภักดีต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือมาอ้าง โดยเฉพาะเงื่อนไขความขัดแย้งหรือทางการเมือง ต้องไม่ดึงพระองค์ท่านลงมา เพราะพระองค์ท่านต้องอยู่เหนือ พระองค์ท่านมีพสกนิกร 63 ล้านคน ไม่สามารถที่จะไปอยู่ในซีกใดจะต้องไม่แบ่งแยก การที่จะไปเอาแต่กลุ่มเดียว ตนมองว่าเหมือนแยกข้างให้ไม่เหลือ 63 ล้านคน และต้องไม่ดึงพระองค์ท่านลงมาอย่างเด็ดขาด
ส่วนที่มีเสียงว่ากองทัพไม่ดูแล และไม่ปกป้องสถาบันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการของกลุ่มใดในปัจจุบัน ถ้ามีการจาบจ้วงหรือหมิ่นเหม่พระบรมเดชานุภาพกองทัพจะไม่ปล่อย ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดขอให้รับรู้ไว้ด้วย เมื่อถามว่าทุกเหล่าทัพไม่มีการคิดเรื่องการปฏิวัติ ยังยืนยันอยู่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีในขณะนี้ ซึ่งทาง ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่เห็นด้วย และสังคมไม่เห็นด้วย

**หากนองเลือดต้องหยุดรัฐบาล
เมื่อถามว่า นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส บอกว่า ถ้าจำเป็นถึงขั้นนองเลือด กองทัพจะทำการปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าเกิดนองเลือดหรือกลียุค ก็อาจจะมี แต่คงไม่ได้ปฏิวัติ คงจะเป็นการหยุดการใช้อำนาจ ไม่ว่าวินาทีนี้ หรือวินาทีไหน ไม่ควรจะเรียกอย่างนั้น น่าจะเรียกว่าการหยุดใช้อำนาจ

**ปฏิเสธรับเงินแม้ว 50 ล้าน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบเงินให้ 50 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือในงานศพ นางบุญเรือน เผ่าจินดา มารดา พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า โดยพื้นฐานตนไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ตนไม่รับเงินหรือรับทรัพย์สมบัติจากใคร ไม่มีแน่นอน ในส่วนของงานศพตนและครอบครัวได้รับพระมหากรุณาธิคุณอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ตลอด ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจึงไม่มีอะไรมาก เงินที่ได้จากการทำบุญของผู้ที่มาร่วมงานมีประมาณ 5.7 ล้านบาท คนที่ดำเนินการเรื่องนี้คือพี่สาวตน ได้มอบเงินจำนวนนี้ให้กับโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ที่ครอบครัวตนได้พึ่งพาอาศัยมาโดยตลอด ส่วนในวันเผาได้รับประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งได้บริจาคให้วัดที่จัดพิธีศพให้และวัดที่จัดเก็บกระดูก
“ผมรับรองด้วยเกียรติของตนและวงศ์ตระกูลว่า ไม่มีการรับเงินทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ขอเรียนกับสังคมว่า ผมกับตระกูลชินวัตร มีบุคคลเดียวที่รู้จักคือ ตนกับนายกฯ ทักษิณ ผมไม่เคยคุยกับคุณหญิงพจมาน แม้แต่ทักก็ไม่เคย ส่วนภรรยาผมก็ไม่รู้จัก ไม่ใช่ว่า ท่านถูกคดีแล้วไม่มีที่อยู่ ผมจะไปตัดรอนเพื่อน ท่านยังเป็นเพื่อน นั่นคือความเป็นจริงที่เคยมี ยิ่งลูกสาวและลูกชายผมก็ไม่เคยรู้จักตระกูลชินวัตรแม้แต่คนเดียว ไม่มีแน่นอน เสียใจที่ สังคมเราใช้การโจมตีด้วยความไม่บริสุทธิ์ แล้วไปทำให้ใครเสียเกียรติ สังคมคงจะเป็นไปในทางที่ควรจะเป็นได้ยาก" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
มีรายงานว่าหลังจาก กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ออกมาโจมตีท่าที พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หลังการสลายการชุมนุม 7 ต.ค. 51 อย่างหนัก พร้อมทั้งออกมาเปิดเผยข้อมูลการรับผลประโยชน์จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ปรากฏว่า พล.อ.อนุพงษ์ พร้อม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้ตัดสินใจเลือกไปออกรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” โดยไม่เลือกการออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งเป็นสื่อทหาร

***"สมชาย" รอมี รธน.ใหม่ค่อยไป
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองเห็นชอบให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องดูกันไปในอนาคต ตนจะเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร.ต่อไป เพราะคิดว่าเป็นทางออกที่ทุกฝ่ายเห็นว่าดีที่สุด เพราะเมื่อสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบแล้ว ก็ถือว่าประชาชนเห็นชอบด้วย และขอยืนยันว่า เมื่อตั้ง ส.ส.ร.และร่างรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อย ตนก็ไม่มีปัญหาที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจทางการเมืองต่อไป
"ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เป็นหัวโขน ไม่ได้สวมไว้ตลอดชีวิต วันหนึ่งก็ต้องจากไป แต่จากไปแล้วทำให้ประชาชนสงบสุข ผมว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่จากไปแล้ว ยังมีการตะลุมบอนกันเหมือนเดิมก็ไม่มีประโยชน์ ผมบอกแล้วว่าไม่ยึดติด อยากให้ตั้ง ส.ส.ร.เสร็จวันนี้พรุ่งนี้เลย” นายกรัฐมนตรีกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น