xs
xsm
sm
md
lg

คนที่ควรเชิดชู

เผยแพร่:   โดย: ปัญจภัทร อังคสุวรรณ

เช้าวันนี้ (๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๑) ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่ โรงเรียนเก่า โทรมาแจ้งข้อมูลอีกชิ้นหนึ่งให้ฟังว่า อาจารย์คณะสัตวแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ ผู้ได้รับบาดเจ็บจนต้องสูญเสีย นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยเท้าขวาไป จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ นั้นเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมนั่นเอง

ดร.ศิรกานต์ ฐิตวัฒน์ หรือ “พี่เอ๋ย” สาธิตจุฬาฯ รุ่น ๒๐

เมื่อได้ทราบข่าวผมรู้สึกภาคภูมิใจในรุ่นพี่คนนี้ และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเสียใจระคนกันไป

ความภาคภูมิใจที่ พี่คนนี้ได้แสดงความกล้าหาญ เสียสละ กล้าออกมาต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่รวมถึงความรู้สึกที่จะต้องปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งของความรู้สึกเช่นนี้ถูกบ่มเพาะมาจากสถาบันการศึกษาในวัยเยาว์ของพี่ เพราะความรู้สึกแบบนั้นก็ได้ฝั่งรากลึกอยู่ในตัวของผมเกินกว่าความโลภ หรืออำนาจใดๆ จะเข้ามาทำให้เรากลัวเกรงและสยบต่อความอยุติธรรมนั้นๆ

“ความรู้คู่คุณธรรม” คือคติประจำโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งผมจะเข้าใจและรู้สึกถึงพลังของคติอันนี้

ความรู้นั้น คนเราสามารถค้นหาได้ตลอดทั้งชีวิต รู้มาก รู้น้อย หากแต่เมื่อคนเรามีความรู้ สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้นั้นๆ โดยไม่สนใจ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ก็อาจทำให้คนๆ นั้นสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเอง และพวกพ้อง มีเงินมีทอง มีอำนาจ โดยไม่สนใจว่าความเจริญรุ่งเรืองนั้นส่งผลทำให้สังคมนั้นเสื่อมถอยหรือไม่

คุณธรรมนั้นเป็นเหมือนยันต์กำกับ ไม่ให้เราไขว้เขว ใช้ความรู้ความสามารถในแนวทางที่ดีที่เหมาะสม คนเรานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มิฉะนั้นแล้วสังคมทั้งสังคมก็จะหาความเจริญได้ยากยิ่ง

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจกับพี่คนนี้คือความรู้สึกที่ได้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีความผูกพันกับพวกเรามาตั้งแต่เด็ก โรงเรียนของเรานั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จวบจนรัชกาลปัจจุบันมาโดยตลอด

ส่วนความเสียใจนั้นมีหลายประการ ที่แน่นอน คือ “พี่เอ๋ย” ต้องสูญเสียอวัยวะไป คือนิ้วเท้าทั้ง ๓ นิ้ว เป็นความเจ็บปวดทางกายภาพ ซึ่งอาจใช้เวลารักษาเป็นเวลานาน

แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมเสียใจมากที่สุดกับพี่เอ๋ยคือการได้รับรู้ว่ามีการพูดคุยในงานประชุมสมาคมศิษย์เก่าสาธิตจุฬาฯ นั้น ได้มีการหยิบยกเรื่องพิจารณาว่า ควรให้พี่เอ๋ยนั้นขึ้นพูดคุยในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าหรือไม่?

มีความคิดเห็นที่แตกต่างในที่ประชุม แต่บทสรุปสุดท้ายก็คือ ไม่ให้พี่เอ๋ยขึ้นพูด ด้วยเหตุผลที่ว่า “เราต้องเป็นกลาง”

ณ วันนี้ ความเป็นกลางนั้นไม่มี เพราะเส้นแบ่งตรงกลางนั้น คือสถาบันพระมหากษัตริย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรมมาโดยตลอด พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทั้งหลายนั้นมากมายยิ่งนัก พระองค์ทรงเป็น “พระผู้ให้” อย่างแท้จริง

มีข้อมูลและเหตุผลมากมาย พวกเรายังไม่สามารถวิเคราะห์กันได้อีกหรือว่า เราจะต้องเลือกอยู่ข้างไหน?

เอาละ สำหรับคนที่ยังอยากจะอยู่ตรงกลาง ผมจะคัดลอกข่าวชิ้นหนึ่งมาให้ได้อ่านกัน เป็นข่าวงานเสด็จฯพระราชทานเพลิงศพ "น้องโบว์-อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ" ผู้ที่เสียชีวิตในการสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคมที่ผ่านมา

นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ พ่อน้องโบว์ ให้สัมภาษณ์ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งและชมว่า ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ (ที่มา: www.bangkokbiznews.com)

ผมคิดว่า พี่เอ๋ยเอง หรือแม้แต่ผมเอง ก็ต้องยอมรับว่า มันสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่เราต่อสู้ เราต่อสู้โดยสันติและอหิงสาบนพื้นฐานของข้อมูล ที่ผมเชื่อว่าพี่เอ๋ยนั้นได้วิเคราะห์ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงได้ออกมาต่อสู้อย่างสันติกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ถูกมองว่าแปลก หรือว่าเป็นสิ่งที่ทำร้าย ทำลาย ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

คนอย่างพี่เอ๋ยคงไม่หลงทางไปกับข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีเหตุ ไม่มีผล

คนอย่างพี่เอ๋ยคงไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวที่จะเข้ามาร่วมกับพันธมิตรฯ

คนอย่างพี่เอ๋ยผมเชื่อว่าเป็นคนที่มีอุดมการณ์ ความมุ่งมั่น และความรักในชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มเปี่ยม

คนอย่างพี่เอ๋ยเนี่ยละครับที่ผมคิดว่า ควรจะเป็นตัวอย่างที่ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ควรจะเห็นและเอาเป็นแบบอย่าง

คนอย่างพี่เอ๋ยควรจะเป็นศิษย์ตัวอย่างที่เราควรเชิดชู
------------------
นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ ศิษย์เก่าสาธิตจุฬาฯ รุ่นที่ 26
กำลังโหลดความคิดเห็น