“สนธิ” เรียกร้องให้พี่น้องอยู่ร่วมชุมนุมรอฟัง “หมัก” ประกาศทางวิทยุเวลา 07.30 น.พร้อมกัน ย้ำกรรมใดใครก่อต้องรับไป ย้ำต้องการคำสัญญาการเมืองใหม่ที่มีรัฐบาลซื่อสัตย์-เคารพกฎหมาย-เท่าเทียม ไม่ทำสิ่งผิดพลาดเหมือนกับรัฐบาลชุดนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.51 เวลาประมาณ 22.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล เริ่มด้วยการชี้แจงข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ที่ลงคำให้สัมภาษณ์คลาดเคลื่อนที่ระบุว่าตนเองรับได้ถ้า นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะมาเป็นนายกฯ ซึ่งในข้อเท็จจริงคือใครก็ได้ที่มาเป็นนายกฯ ถ้ารับเงื่อนไข 4-5 ข้อ คือต้องจัดการกับคณะรัฐบาลชุดก่อนที่ขายอธิปไตยให้กัมพูชากรณีปราสาทพระวิหาร ต้องยกเลิกโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาลที่รัฐบาลชุดนี้วางไว้ ต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น ถ้าทำอย่างนี้ได้โดยมีคำมั่นสัญญา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ หรือนายสมชาย เราก็รับได้ แต่เชื่อว่าทั้งสองคนนี้จะไม่ทำ
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ในช่วง 2-3 วันนี้รู้สึกเหนื่อยกับการต้องชี้แจงกับสื่อต่างประเทศที่ไม่เข้าใจการเมืองไทย และไม่เข้าใจการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“จริงๆ แล้วการต่อสู้มากว่า 102 วัน ใกล้จบแล้วแต่มันจะจบอย่างไรไม่รู้ นายสมัคร จะลาออกหรือถูกบีบให้ออกไม่รู้ แต่จะจบแน่และก่อนอาทิตย์หน้าต้องจบ” นายสนธิ ระบุ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านายสมัครจะลาออกก็อย่าเพิ่งดีใจแล้วกลับบ้าน เพราะไม่เช่นนั้นการต่อสู้ที่ผ่านมากว่าหนึ่งร้อยวันก็จะสูญเปล่า ดังนั้น แม้นายสมัครลาออกแล้วเราต้องการการเมืองใหม่ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เปรียบเหมือนบ้านส้วมชำรุด ฝ้าเพดานพัง ต้องถึงเวลาซ่อมแซมครั้งใหญ่ ซึ่งอาจจะดูวุ่นวายบ้านบ้าง แต่เมื่อเสร็จแล้วก็จะน่าอยู่
“ไม่ใช่สมัครไปแล้ว บรรหารมา หรือเสนาะมา เพราะคนพวกนี้ถือว่าเป็นวัตถุโบราณที่ชำรุด เพราะเราต้องการรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ เคารพกฎหมายให้โอกาสประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน” นายสนธิ ระบุและว่าเราต้องการคำมั่นสัญญา มีเจตนารมณ์ที่แน่ชัดว่าแก้ไขข้อบกพร่องที่ นายสมัครทำเอาไว้ โดยมีการเมืองใหม่ เพราะถ้านายสมัครลาออกแล้วทุกคนกลับบ้านเราก็จะชนะแค่ยกที่ 1 แต่จะแพ้ยกที่สองทันที
“เพราะถ้าสมัครออกไปแล้วถอย ทุกอย่างจะจบลงเหมือนเดิม และต่อไปตนเองก็จะไม่ออกมาอีกแล้ว เพราะถือว่าครั้งสุดท้ายแล้ว และจะหายไปเลย เพราะถือว่าพี่น้องไม่ต้องการพวกผมแล้ว” นายสนธิ กล่าว และว่าการตัดสินใจครั้งนี้เลือกยืนข้างราชบัลลลังก์ และทุกคนก็ตัดสินใจแล้วเพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงมีทศพิธราชธรรม
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตกรณีที่นายสมัครจะออกอากาศทางวิทยุในเวลา 07.30 น.วันที่ 4 ก.ย.ว่า ทำไมต้องเป็นวิทยุเท่านั้น ทำไมไม่ออกอากาศทางโทรทัศน์ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นการอัดเทปไว้ล่วงหน้า และประกาศลาออก แต่ไม่ว่าอย่างไรถือว่ากรรมใดใครก่อก็ต้องรับไป
ในตอนท้าย นายสนธิได้กล่าวถึงบทบาทของเอเอสทีวีนับจากนี้ไปว่า หลังการต่อสู้ผ่านไปความจับจ้องของพี่น้องอาจลดน้อยลง และที่ผ่านมาเอเอสทีวีเป็นของพี่น้องประชาชน และถ้าไม่มีเอเอสทีวีก็จะไม่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของพี่น้องให้สังคมได้ทราบ ดังนั้นจึงขอคำสัญญาให้ช่วยกันสมัครเป็นสมาชิกเอสเอ็มเอสข่าวเอเอสทีวีเดือนละ 200 บาท
วิธีสมัครรับข่าวด่วนผ่านระบบ SMS เพื่อช่วยเหลือการแพร่ภาพของ ASTV 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะระบบ dtac)
วิธีสมัคร เข้าเมนู write Message
พิมพ์ R ส่งไปที่ 4321000
วิธียกเลิก เข้าเมนู write Message
พิมพ์ C ส่งไปที่ 4321000
หมายเหตุ :
- ขอสงวนลิขสิทธิ์ในการคิดเงินค่าบริการ หากมีการใช้บริการก่อนวันครบกำหนดหมดอายุ
- ค่าบริการข้างต้น ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อเอเอสทีวีมีรายได้จากพี่น้องตรงนี้ก็จะสามารถนำไปดำเนินกิจการขยายเครือข่ายเป็นทีวีของประชาชนได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งโฆษณาจากกลุ่มทุนรายใหญ่