xs
xsm
sm
md
lg

ชายแดน"เขาพระวิหาร"เดือดไทยปะทะเขมรตายเจ็บนับ10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารไทย-กัมพูชาเปิดฉากยิงปะทะกันดุเดือดที่บริเวณชายแดนภูมะเขือ ห่างจากเขาพระวิหารประมาณ 2 กม. ผลฝ่ายไทยเจ็บ 5 เขมรตาย 1 เจ็บ 4 พร้อมสั่งอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่ทันที แฉฝ่ายทหารเขมรเล่นไม่ซื่อยิงถล่มที่มั่นไทยก่อน และมีเสียงปืนรวมทั้งระเบิด-อาวุธหนักตามมาอย่างต่อเนื่อง "มทภ.2 สั่ง "ผบ.กองกำลังสุรนารี"สู้รบตามแผนที่วางไว้เต็มที่ เผยเสริมกำลังเข้าไปแล้ว โฆษก ทบ.ยัน ทหารกัมพูชายิงทหารไทยก่อน ระบุ ผบ.ทบ.สั่งกองทัพยิงโต้ตามความเหมาะสม แต่อย่าขยายการปะทะ ขอร้องสื่อฯ อย่าเปิดเผยสถานที่ตั้งทหารไทยหวั่นเสียเปรียบเตรียมเรียกทูต ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชารับคำประท้วง ด้าน "สมชาย" ขึงขังโต้เขมรอันธพาล เปิดฉากยิงไทยก่อนเรียกทูตเขมรอบรมทำบันทึกช่วยจำ ตอกย้ำไทยไม่ได้ยิงก่อน

วานนี้ (15 ต.ค.) เวลา 14.25 น.กองกำลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงปะทะกันขึ้นอย่างดุเดือดที่บริเวณภูมะเขือ ซึ่งอยู่ห่างจากเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไปทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 2.5 กิโลเมตรเป็นบริเวณที่ทหารไทย-กัมพูชาปะทะกันเมื่อวันที่ 3 ต.ค.และทหารไทยเหยียบกับระเบิดวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยการปะทะกันเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และทั้งสองฝ่ายได้มีการเสริมกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างที่ปะทะกันขึ้นทางการไทยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดทันที โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุยิงปะทะกันและมีประชาชนอาศัยจำนวนมาก
ขณะที่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้สั่งการใดๆ เพิ่มเติมลงไปยังหน่วยทหารในพื้นที่ แต่ได้มอบหมายให้ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กองกำลังสุรนารี อำนวยการสั่งการและแก้ไขสถานการณ์การสู้รบตามแผนที่วางเอาไว้อย่างเต็มที่
การปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง โดยหลังเกิดเหตุปะทะกัน พ.อ.ชยันต์ หวยสูงเนิน รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีได้เข้าเจรจากับ พล.ต.สเรย์ เดื๊อก ผู้บัญชาการบนเขาพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชา โดยได้ข้อสรุปว่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิง ซึ่งกองกำลังสุรนารี ยืนยันว่า การรบที่ผ่านมาเป็นความเข้าใจผิดของหน่วยในพื้นที่ จึงเกิดการปะทะกันขึ้นยังไม่ใช่การรบเต็มรูปแบบแต่อย่างใด
เหตุปะทะกันครั้งนี้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บประมาณ 5 นายโดย 1 นายสาหัส คือ ร.ท.ธนพล พลเสือ ขณะนี้ถูกส่งตัวไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานีแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 3 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน (ทพ.) เจริญ วงศ์คำ, ทพ.ทองสา คำนนท์ และ ทพ.กิตติศักดิ์ เพ็ชรภักดี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ส่วนอีก 1 นายยังไม่ทราบชื่อ โดย ทพ.กิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกสะเก็ดระเบิดปืนอาร์พีจีที่บริเวณเอวด้านหลัง ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กันทรลักษ์
ขณะที่มีรายงานข่าวทางการทหารระบุว่า จากเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ทหารฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย นอกจากนี้ ในช่วงเย็นทางกองทัพภาคที่ 2 ได้เสริมกองกำลังอาวุธหนักและรถถัง เข้าไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ด้วยเพื่อรับมือสถานการณ์สู้รบอย่างเต็มที่
พล.ต.กนก กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ทหารเข้าไปเสริมกำลังที่บริเวณภูมะเขือและรอบบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ เพิ่มเติมแล้ว พร้อมได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หน่วยเหนือได้ทราบแล้ว ซึ่งจะได้มีการหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป

แฉเขมรเกเรเปิดฉากยิงไทยก่อน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การปะทะกันครั้งนี้ทางกองกำลังทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนกลถล่มใส่ทหารไทยก่อนตามด้วยปืนใหญ่ จากนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด รวมทั้งเสียงระเบิดและอาวุธหนักตามมาเป็นระยะๆ ก่อนที่ทหารไทยจะเปิดฉากยิงตอบโต้สวนกลับไปอย่างดุเดือด
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดฉากยิงปะทะกัน ในช่วงเช้าวันเดียวกันที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้มีรถบรรทุกทหารไทยเต็มคันรถหลายคันวิ่งขึ้นไปยังบริเวณเขาพระวิหารเพื่อตรึงกำลังทหารรอบบริเวณทหารอย่างเต็มที่ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด โดยมีกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือรักษาการอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันยังคงมีกองกำลังทหารไทยติดอาวุธหนักเดินทางมาสับเปลี่ยนกำลังในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 14 ต.ค.ได้มีรถบรรทุกทหารไทยหลายคันขนทหารไทยจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร โดยทหารทุกนายมีอาวุธหนัก-เบาครบมือแต่งเครื่องแบบชุดทหารพร้อมรบ และมีรถบรรทุกของทหารไทย ที่ด้านข้างประตูรถเขียนคำว่า ป พัน 106 และคำว่า ป พัน 16 ได้ลากปืนใหญ่ประมาณ 10 กระบอกเข้าไปยังบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้วย
ส่วนกองกำลังทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธหนักก็ได้เคลื่อนทัพมาประชิดเชิงเขาพระวิหารเช่นกันโดยปักหลักอยู่ที่บ้านโกมุย อ.จอมประสาน จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ของเขมรมีบ้านเรือนราษฎรประมาณ 300 หลังคาเรือนตั้งอยู่ห่างจากเชิงเขาพระวิหาร 3 กิโลเมตร นอกจากนี้ บริเวณตัวปราสาทพระวิหาร ยังมีกำลังทหารเขมรพร้อมอาวุธเข้ามาตรึงกำลังอยู่เป็นจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

เขมรเล่นไม่ซื่อลอบถล่มที่มั่นไทย
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ทางรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาว่า การต่อสู้เกิดจากการที่ทหารกัมพูชายิงมาในที่มั่นเราตรงภูมะเขือก่อน โดยมีการยิงกันนานประมาณครึ่งชั่วโมงทำให้ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บไป 3-4 นาย ฝ่ายเราบาดเจ็บ 5 นาย ซึ่งตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ส่วนสถานการณ์ตอนนี้ถือว่าปลอดภัยแล้ว
"ช่วงเกิดเหตุเราอยู่ในฐานเรา แล้วเขาก็ลาดตระเวนมา พอเจอเรา เขาก็จัดกำลังเขาตีเราเลย ซึ่งตอนนั้นเรามีกำลังประมาณ 30 นาย โดยตอนแรกเขามาเจรจานาน 5 นาที บอกให้เราถอนกำลังออก พอเจรจาไม่เป็นผลก็ตีเราทันทีและมีการใช้อาวุธกันตลอดแนวจนถึงปราสาทเขาพระวิหาร เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ความสูญเสียจะอยู่บริเวณกลางๆ เป็นจุดที่มีปัญหา คือ จุดที่บอกให้เราถอนภายในเวลา 12.00 น."
เมื่อถามว่าได้มีการติดต่อไปทางผู้นำของกัมพูชาภายหลังมีการโจมตีหรือไม่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ได้ประสานไปทางฝ่ายกัมพูชา เขาก็กำลังสั่งการในกำลังของเขา โดยเราแจ้งว่าถ้ามีเหตุการณ์อีกเราก็จำเป็นต้องตอบโต้รุนแรงกว่านี้ ตอนนี้ก็มีความตรึงเครียดทั้ง 2 ฝ่าย การเจรจาที่กำหนดขึ้นในวันนี้ (16 ต.ค.) ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร เราก็พยายามจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ยุติลงให้ได้ อย่างไรก็ตาม เดิมที่เรามีกำหนดการให้ ผบ.กกล.สุรนารีไปเจรจาในตอนเช้าแต่ก็ไม่มีเพราะกัมพูชาขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ ก็ยังไม่กำหนดสถานที่และเวลา ทำให้สถานการณ์ชายแดนตอนนี้ยังตรึงเครียด
เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนแนวชายแดนถึงความปลอดภัยและเตรียมพร้อมดูแลพื้นที่อย่างไร พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า เรามีอาวุธและกำลังพลเพียงพอเราจะตอบโต้และรักษาแผ่นดินเราไว้ ขอให้มีความมั่นใจ
เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าว 2 กระแสว่าทหารกัมพูชายอมแพ้ให้เราควบคุมตัวกับทหารไทยยอมแพ้ให้ทหารกัมพูชาควบคุมตัว พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีการควบคุมตัวของทหารทั้ง 2 ฝ่าย มีแต่เปิดฉากยิงกันเลยและจุดนี้ก็เป็นจุดที่ทหารไทยโดนกับระเบิด ส่วนการประเมินสถานการณ์ตอนนี้ตนว่าจะต้องมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาอีก ถ้าไม่มีการเจรจาเพราะเราต้องมีการเผชิญหน้ากันอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา นอกจากนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายควบคุมกำลังไม่ได้ก็จะเป็นปัญหาต่อไป แต่เราก็พยายามชี้แจงให้ฝ่ายกัมพูชาควบคุมกำลังของเขาให้ได้ เพราะของเราไม่มีทางเริ่มก่อนแน่นอน และหากมีการตอบโต้เราจะตอบโต้เขาด้วยอาวุธที่เท่าเทียมกัน
"ตอนนี้เรามีการเพิ่มกำลังเพื่อเตรียมความพร้อมและเจรจากับเขาไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้" พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว

กองทัพบกยันกัมพูชายิงไทยก่อน
เวลา 16.00 น.ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงถึงเหตุทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาว่า เวลา 14.30 น.วานนี้ ชุดลาดตระเวนของไทยไปเจอกับชุดลาดตระเวนของทหารกัมพูชาที่บริเวณ ห้วยตามาเรีย ตรงแนวภู่มะเขือ จึงแจ้งให้ทหารกัมพูชาถอยกลับ เนื่องจากเป็นดินแดนของฝั่งไทย ซึ่งหลังจากแจ้งไป ทราบว่าชุดลาดตระเวนของกัมพูชาได้ตามกำลังมาเพิ่มและเริ่มเปิดฉากการยิงด้วยกระสุนปืนเล็ก เข้าหาที่ตั้งของทหารไทย และมีการยิงสนับสนุนด้วยอาวุธวิถีโค้ง ที่เรียกว่า ปืน ค.ซึ่งการยิงเป็นการยิงเตือน ไม่ได้หวังผลทำลายที่ตั้งทหารไทย ทหารไทยจึงยิงตอบโต้ไปด้วยกระสุนปืนขนาดเล็ก ใช้เวลาการยิงปะทะกันประมาณ 40 นาที มีการยิงกันจนถึงเวลา 15.10 น. ซึ่งในจุดนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ทหารไทยปลอดภัย
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ถัดจากจุดแรกไป 4-5 กิโลเมตรที่บริเวณผามออีแดงมีการปะทะกันโดยทหารกัมพูชายิงเข้ามาในที่ตั้งของทหารไทยด้วยกระสุนปืนเล็ก ซึ่งทหารไทยได้ยิงตอบโต้ไปด้วยปืนเล็ก ใช้เวลาในการปะทะกัน 5-10 นาทีเบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีทหารไทยบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไร และได้รับรายงานว่า ทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ไม่ทราบจำนวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการอะไรหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกเรื่องมีแผนในการปฏิบัติ ผู้บัญชาการทหารบกเพียงกำชับว่า ขอให้ตรวจสอบเรื่องการปฏิบัติตามแผน ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ และมีความเป็นห่วง และบอกว่า ในการตอบโต้ของทหารไทยกลับไปยังทหารกัมพูชา ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสม อย่าพยายามขยายการปะทะ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
"หากกัมพูชายิงเข้ามาด้วยปืนเล็ก ซึ่งเป็นการยิงเตือนที่ไม่หวังผลไม่ควรยิงกระสุนปืนใหญ่ไปยังกัมพูชา เพื่อไม่ต้องการให้ผลการปะทะขยายออกไป ซึ่งเป็นจุดยืนของไทยอยู่แล้ว ที่ไม่ต้องการรุกรานใครก่อน การตอบโต้ขอให้เป็นไปในลักษณะเดียวกัน"
ต่อข้อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จากการรับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ ยืนยันว่ากัมพูชายิงก่อน แต่กัมพูชาก็ให้ข่าวว่า ไทยเป็นฝ่ายยิงก่อน จึงต้องการให้พิจารณาดูว่า ประเด็นเกิดจากตรงไหน สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นผู้เปิดประเด็นนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการยิงจะจบลง แต่สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในลักษณะของการเตรียมพร้อมของแต่ละฝ่าย ยังไม่อยู่สภาวะปกติ แต่ถือว่าไทยควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
"อธิบดีกรมสารนิเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงกับประเทศแถบอาเซียนแล้ว เพื่อป้องกันประเทศที่สามจะเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งทุกประเทศเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาอะไร และขอให้ไทยใช้ความอดทน ในส่วนของทหาร เจ้ากรมข่าวทหารบกจะเรียกผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชา เข้ามารับฟังการประท้วงเช่นเดียวกัน"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ยังสามารถคุยกันได้ ซึ่งผู้บังคับหน่วยทหารไทยได้บอกกับผู้บังคับหน่วยทหารกัมพูชาว่า ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน ซึ่งกัมพูชาตอบรับว่าจะไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกกำลังดำเนินการพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชาอยู่ แต่ก็ต้องให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่เจรจาต่อไป ส่วนการอพยพคนไทยในกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะเคลื่อนย้ายคนไทยกลับมาหรือไม่
"ผู้บังคับบัญชาหลายคน เป็นห่วงเรื่องการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ไม่อยากให้เปิดเผยสถานที่ที่ตั้งของทหารไทย เพราะสอดคล้องกับเรื่องทางยุทธวิธี ส่วนนโยบายของกัมพูชาในการใช้กำลังในพื้นที่ ทราบมาว่า เป็นคำสั่งส่วนกลางของรัฐบาล"
ต่อข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ากัมพูชาจะทำให้เรื่องขึ้นสู่เวทีโลก พ.อ.สรรเสริญ ยอมรับว่า หลายฝ่ายวิเคราะห์เช่นนั้น แต่ไทยยืนยันว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเรา

นายกฯเผยเหตุปะทะเกิดจากกัมพูชา
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพช่วงบ่ายวานนี้ว่า เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-ทหารกัมพูชาบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ผลจากการปะทะกัน มีทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย แต่ยังไม่ยืนยัน เพราะเป็นการแจ้งมาด่วน ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ จึงเชิญทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมายื่นบันทึกช่วยจำว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มยิงหรือใช้กำลังก่อน
"เราต้องยื่นหนังสือเพื่อให้ทูตกัมพูชานำไปแจ้งให้รัฐบาลกัมพูชาทราบว่า เหตุปะทะกันเกิดจากทหารกัมพูชายิงก่อน" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ขณะนี้สถานการณ์เริ่มสงบไม่มีปะทะหรือยิงกันแล้ว คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่รุนแรง น่าจะหาข้อยุติและข้อมูลข้อเท็จจริงร่วมกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ทหารไทยยิงตอบโต้ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เท่าที่ทราบ กระสุนปืนมาจากฝ่ายกัมพูชา เราจึงต้องยื่นบันทึกช่วยจำ

"สมพงษ์"เตรียมหารือทวิภาคีกัมพูชา
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวานนี้นายฮอร์ นัมฮอง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชาได้โทรศัพท์มาหาและได้พูดคุยถึงสถานการณ์และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร โดยต่างฝ่ายต่างเสียใจที่เกิดความขัดแย้งขึ้น และเห็นว่าควรมีการพบปะหารือในระดับทวิภาคี ดังนั้น ในส่วนของไทยจะเร่งประสานไปยังสภาฯเพื่อให้อนุมัติกรอบการดำเนินงาน ภายใต้คณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาโดยเร็ว ก่อนที่จะได้หารือกับ รมวต่างประเทศกัมพูชา
"เราต้องพบเขาหลังสภาฯผ่านกรอบนี้ก่อน ถ้าไม่มีกรอบ ไม่มีหลัก ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปคุย ดังนั้นจะประสานสภาฯ ให้เห็นถึงความจำเป็น ถ้าไม่มีกรอบไปพูดกับเขา เราก็อายเขา ถึงแม้เจรจาก็ต้องผ่านสภาฯ ไม่งั้นเจอมาตรา 190 อยากให้ผมเป็นนพดล 2 หรือ"
สำหรับกรณีที่มีเสียงปืนดังบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน แต่ในส่วนของระเบิดที่พบก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ระเบิดเก่าที่ฝังเอาไว้ แต่เป็นระเบิดใหม่ ส่วนจะประท้วงหรือไม่จะต้องมีการหารือกันก่อน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีแผนรองรับในการเคลื่อนย้ายคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ หากเกิดการปัญหาสามารถเคลื่อนย้ายได้ทันที เบื้องต้นได้ประสานคนไทยในกัมพูชาแล้วว่า หากหมดภารกิจให้รีบกลับประเทศทันที
สำหรับกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต้องการกลบข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกัรฐมนตรี นายสมพงษ์ กล่าวว่า ถ้ามองเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจ เพราะตนทำงานแทบตาย ดังนั้น ขอให้ใช้วิจารณญาณ และหากเป็นจริง ก็พร้อมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

บัวแก้วยื่นประท้วงอุปทูตเขมร
ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบไปยังทหารแล้ว เสียงปืนที่เกิดขึ้นโดยรอบบริเวณปราสาทพระวิหาร เป็นเสียงปืนเล็กและอาร์พีจี ซึ่งทหารยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแต่หากมีการยิงมา ก็จะต้องป้องกันตัว ซึ่งสามารถทำได้ตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ส่วนการอพยพคนไทยที่อยู่ในกัมพูชานั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งในกัมพูชามีคนไทยอยู่ในพนมเปญประมาณ 1,000 คน เสียมราฐประมาณ 500 คน
"เราได้ประสานกับ การบินไทยให้เตรียมพร้อมในการรองรับคนไทยที่จะเดินทางกลับ โดยเบื้องต้นจะมีเที่ยวบินของการบินไทย บินจากกัมพูชา-ไทย วันละ 3 เที่ยวบิน และได้ประสานว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะจัดเครื่องบินให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับคนไทย ขณะเดียวกัน ได้แจ้งให้คนไทยที่อยู่ในกัมพูชาทราบว่า ถ้าไม่จำเป็น ขอให้เดินทางกลับประเทศไทยก่อน"
นายธฤต เปิดเผยด้วยว่า เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญนายอุก โสพอน อุปทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มาชี้แจงและรับหนังสือประท้วงเหตุการณ์ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงปะทะกับกองกำลังทหารไทยในพื้นที่พิพาทเชิงเขาพระวิหาร โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน แต่เป็นการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฏบัตรสหประชาชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น