xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.2 ลั่นพร้อมปะทะเขมร/ไม่ถอยแม้ก้าวเดียว-ประสานผู้ว่าฯเตรียมอพยพ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์  หนีพาล  แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมรองแม่ทัพฯ  เปิดแถลงข่าวด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ที่  สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 14 ต.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “มทภ.2” เปิดแถลงข่าวด่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ลั่นพร้อมปะทะหากจำเป็น และการเจรจาไม่เป็นผล ยันไม่ถอนกำลังเด็ดขาด ระบุ ทหารพร้อมเต็มที่ในการรักษาอธิปไตยไทยยึดถือตามแผนที่ประเทศไทยไม่สามารถถอยได้แม้แต่ก้าวเดียว พร้อมประสานผู้ว่าฯเตรียมอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยงหากเกิดความรุนแรง ยอมรับสถานการณ์ล่าสุดน่าเป็นห่วง เผย ประสานทัพฟ้าเตรียมพร้อมกำลังทางอากาศ และเชื่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในประเทศไทย เตือน ปชช.เลี่ยงเข้าไปในพื้นที่แนวชายแดนหรือเดินทางไปกัมพูชาในช่วงนี้

วันนี้ (14 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดแถลงข่าวด่วนต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด ว่า จากสถานการณ์ชายแดนทางด้านไทย-กัมพูชา ที่มีเหตุการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้น สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของหน่วยทหารตามปกติ ในพื้นที่ที่มีปัญหาคือพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศอ้างสิทธิ์ (พื้นที่พิพาทชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ) เพราะฉะนั้นกำลังทหารที่จะเข้าไปในพื้นที่นั้น ก็มีข้อตกลงกันว่าเราจะไม่เข้าไปในพื้นที่ แต่กรณีเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมาที่มีเหตุปะทะกัน ที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น ก็ได้มีการรักษาความปลอดภัย ฝ่ายใดจะเข้าไปในพื้นที่จะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ และไม่มีการใช้อาวุธ เนื่องจากว่ายังไม่ชัดเจนในพื้นที่ที่อ้างสิทธิ์

ในช่วงที่ผ่านมา กำลังฝ่ายไทยเราได้เข้าไปปฏิบัติการลาดตระเวน ซึ่งได้แจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาทราบไปแล้ว และได้เข้าไปเหยียบกับระเบิดทำให้ทหารพรานของไทย 2 คนสูญเสียขาไปเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และไทยได้เข้าไปพิสูจน์ทราบและได้แจ้งเตือนฝ่ายกัมพูชาเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) เมื่อทหารเราเข้าไปทางฝ่ายกัมพูชาก็ส่งกำลังเข้าผลักดันมาให้เราออกจากพื้นที่ ซึ่งเราก็ได้มีการเจรจากันไประดับหนึ่ง

ส่วนการที่จะให้ฝ่ายไทยเราถอนกำลังออกมา เราคงทำไม่ได้ เพราะเป็นข้อตกลงที่ได้พูดคุยกันและฝ่ายไทยเราก็ได้แจ้งไปแล้วว่า จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ฝ่ายกัมพูชาก็ทราบดี และทั้ง 2 ฝ่ายก็มีกำลังที่เผชิญหน้ากันอยู่ในระยะใกล้

สำหรับการเจรจาในการปรับกำลังบริเวณเขาพระวิหาร ได้มีการพูดคุยเจรจากันมาเป็นระยะๆ จนถึงสุดท้ายเมื่อตอนประมาณ 10.00 น.ฝ่ายกัมพูชายยอมถอยกำลังออกจากพื้นที่อ้างสิทธิ์เราก็ถอยกำลังมาอยู่ในพื้นที่ที่ตกลงกัน ซึ่งเป็นการปรับกำลังให้เท่าเทียมกันไม่ใช่การถอนกำลังออกมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็ยอมรับว่าต่างฝ่ายต่างถอนคนละ 10-20 ก้าว และรอคณะกรรมการมาเจรจาหาข้อยุติ ก็เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการปรับกำลังโดยการถอยออกมานั้นก็ยังอยู่ในพื้นที่พิพาท แต่เป็นไปตามข้อตกลงที่เคยเจรจากันก่อนหน้านี้

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ชายแดนด้านปราสาทตาควายและตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ได้มีการเจรจากันเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่า ให้ถอนกำลังทั้ง 2 ฝ่ายออกจากบริเวณปราสาทตาควาย ที่ได้มีการเผชิญหน้ากัน และมีการตกลงกันด้วยการลาดตระเวนร่วมกันเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาและเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ทั้งนี้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ได้มีการเสริมกำลังของทางฝ่ายกัมพูชาเข้ามาประชิดชายแดนไทยจริง เพราะเราสามารถตรวจสอบและมองเห็นได้ในพื้นที่ โดยมีการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชาพร้อมอาวุธหนักตั้งแต่เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ในส่วนของฝ่ายไทยเราก็มีการเพิ่มเติมกำลังขึ้นอีก เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กำลังฝ่ายไทยที่วางอยู่ทุกฐานทุกจุด ไม่มีการถอนกำลังออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด ส่วนกำลังที่ถอนออกมาเป็นชุดลาดตระเวน หรือชุดเฝ้าระวัง เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 30 นาย เท่านั้นไม่ใช่ 80-100 นาย ตามที่ฝ่ายกัมพูชาให้ข่าวไปแต่อย่างใด สาเหตุที่เข้าไป 30 นายเนื่องจากหากมีอุบัติเหตุหรือมีทหารไปเหยียบกับระเบิดต้องใช้กำลังคน 4-5 คนเพื่อลำเลียงคนบาดเจ็บออกมา ต้องมีกำลังที่เตรียมจะช่วยชีวิตร่วมลาดตระเวนไปด้วย

“ทหารไทย เราทำหน้าที่ของเรา รักษาอธิปไตยของไทยในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามแผนที่ประเทศไทยที่ได้รับมอบมา และให้ยึดถือตามแนวเส้นเขตแดนของประเทศไทย เราจะต้องรักษาเอาไว้ไม่สามารถจะถอยออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว ฝ่ายกัมพูชาเขาจะอ้างสิทธิ์หรือยืนยันอย่างไรก็แล้วแต่เขา ในส่วนของเราก็จะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของเรา และเราได้เตรียมความพร้อมไว้เต็มที่แล้ว” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเจรจานั้นขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลที่จะไปเจรจา ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยปฏิบัติที่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลมาปฏิบัติตามภาระหน้าที่ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมและการเคลื่อนไหวทั้งหมด ด้านชายแดนไทย-กัมพูชาได้รายงานไปตามสายบังคับบัญชาแล้วเพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรี

“ผมในนามกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 มีความมั่นใจที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศไทยไว้ได้ ประชาชนไม่ต้องกังวลใจ”

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการอพยพประชาชนในพื้นที่ ตามแนวชายแดนหากเกิดการปะทะกันขึ้นนั้น เรื่องนี้ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ไปแล้ว เพื่อให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหากเกิดมีเหตุการณ์รุนแรง หรือการปะทะกันเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการซักซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ไว้พร้อมอยู่แล้ว

การประเมินสถานการณ์จากนี้ไปจะนำไปสู่ความรุนแรง หรือเกิดการปะทะกันหรือไม่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ก็อยู่ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ในการเจรจา หรือการใช้ขั้นตอนของการเจรจาแล้วยังไม่ดีขึ้น หากจำเป็นจะต้องใช้ความรุนแรงก็จำเป็นต้องใช้ แต่เชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้ถึงจุดนั้น คิดว่า ชาวโลกหรือประชาชนก็คงทราบว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไทยเราไม่ได้เป็นคนก่อให้เกิดขึ้น

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเจรจาระดับแม่ทัพภาคนั้นได้พูดคุยกันไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) แต่วันนี้ยังไม่มีการเจรจาใดๆ เลยกับแม่ทัพของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กองกำลังสุรนารีเป็นกองกำลังหลักที่ใช้ตรึงกำลังอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งคิดว่าเพียงพอที่จะรับมือได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่ได้ประมาทมีการเตรียมกำลังส่วนอื่นๆ ไว้เพิ่มเติมเช่นกัน

“มาถึงวินาทีนี้ สถานการณ์โดยรวมของชายแดนไทย-กัมพูชา ถือว่าน่าเป็นห่วง แต่เรามั่นใจว่าทหาร พร้อมเต็มที่ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของไทย ซึ่งจากการประชุมหารือผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บัญชาการทหารบกเมื่อเช้านี้ ท่านได้ให้กำลังใจและให้เพิ่มเติมอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมแสดงความห่วงใยต่อกำลังพลที่มีการเผชิญหน้ากันอยู่ นอกจากนี้ เราก็ได้ประสานทางกองทัพอากาศในการเตรียมพร้อมกำลังทางอากาศด้วย” พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวกรณีข้อพิพาทชายแดนของฝ่ายกัมพูชานั้นมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศของไทย เพราะฝ่ายกัมพูชาก็รับทีวีไทย รับฟังข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองของไทยที่เกิดขึ้น เขาได้มีวิธีการที่จะมาเล่นงานเราหลาย ๆ รูปแบบ เช่น กรณีเขาพระวิหาร

อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังประชาชนที่จะเดินทางเข้าไปยังประเทศกัมพูชา รวมทั้งการเข้าไปในพื้นที่เขตแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงนี้ ขอให้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ หากหลีกเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยงจะเป็นการดีที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น