ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - กองทัพภาคที่ 2 ถกเครียดสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา 4 ชั่วโมง ย้ำทหารไทยไม่รุกล้ำดินแดนกัมพูชา ชี้เป็นพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้อ้างสิทธิ์ทับซ้อนจากการถือแผนที่คนละฉบับ เผยหน่วยทหารในระดับพื้นที่เร่งสร้างความเข้าใจกับฝ่ายกัมพูชา พบปะพูดคุย และประสานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น แม่ทัพภาค 2 ยันไทยไม่ถอนกำลังพร้อมสั่งหน่วยทหารขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 เตรียมพร้อมทั้งกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ในที่ตั้งตลอดเวลาเพื่อรับมือเหตุรุนแรง ล่าสุด “พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์” นัดแถลงข่าวด่วนกับสื่อมวลชน
วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นมา พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้เรียกประชุมด่วน รองแม่ทัพภาคที่ 2 ทุกคน รวมทั้งฝ่ายเสนาธิการ และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ประมาณ 40 นาย ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (กอ.รมน.ภาค 2) กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อหารือและประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจาก นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศกร้าวให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทตลอดแนวชาวไทย-กัมพูชา
พร้อมทั้งเป็นการร่วมประชุมรับมอบนโยบายจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งเป็นการประชุมลับไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปภายในห้องประชุมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมดังกล่าวใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงเลิกประชุมในเวลา 13.00 น.ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนขึ้นรถยนต์เดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 ได้แจกจ่ายเอกสารสรุปผลการประชุมดังกล่าวกับผู้สื่อข่าว ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า ไทยได้รุกล้ำเข้าไปในดินแดนของพัมพูชา และให้ฝ่ายไทยได้ถอนกำลังทหารออกจากบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น ในข้อเท็จจริงคือ ฝ่ายไทยไม่ได้เข้าไปรุกล้ำ แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้อ้างสิทธิ์ทับซ้อนจากการถือแผนที่คนละฉบับ
ต่อกรณีดังกล่าว พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ประชุมปรึกษาหารือกับผู้บังคับหน่วย และฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามหน่วยทหารในระดับพื้นที่ได้มีการสร้างความเข้าใจกับฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งได้มีการพบปะพูดคุยและประสานในระดับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงที่จะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ได้อยู่ร่วมกันโดยสันติ มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
แหล่งข่าวทหารกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สารสำคัญของการประชุมด่วนของกองทัพภาคที่ 2 ใน ครั้งนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมของหน่วยทหารที่ขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีภาล แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และ ด้านปราสาทตาควาย, ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ได้ตรึงกำลังต่อไป โดยไม่ให้มีการถอนกำลังอย่างเด็ดขาด
พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยทหารขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมพร้อมทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในที่ตั้งตลอดเวลา เพื่อให้สามารถออกปฏิบัติหน้าที่เคลื่อนกำลังเข้าเสริมพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ทันทีหากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นและได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ขณะเดียวกันทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ดังกล่าวทั้งพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ ในการเตรียมการอพยพหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการซักซ้อมแผนอพยพให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว รวมทั้งการฝึกฝนทบทวนการป้องกันตนเองให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ตามแนวชายแดนอยู่เป็นประจำ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายได้งาน ว่า พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ได้นัดแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างละเอียดกับสื่อมวลชน ที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในเวลา 15.00 น.ซึ่งผู้สื่อข่าวจะรายงานรายละเอียดให้ทราบต่อไป